เมื่อทุกคนเตรียมพร้อมที่จะท้าทายดันเจี้ยนใหม่ ปาร์ตี้ของเอ็ดเวิร์ดซึ่งเป็นหนึ่งในปาร์ตี้แนวหน้าก็อยู่ในพื้นราบใกล้ ๆ ชายฝั่ง พวกเขาทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นทรายชื้น ๆ

สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้ทะเลมากจนจมูกได้กลิ่นคาวของทะเล พร้อมกับได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งและเสียงนกทะเลที่ร้องเจื้อยแจ้ว เสียงกับทิวทัศน์ของท้องทะเลและท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ทำให้ภาพทั้งหมดดูงดงามมาก

นอกจากปาร์ตี้เอ็ดเวิร์ด 5 คนแล้ว ครั้งนี้วีลาซึ่งเป็น NPC มือขวาของแองโกร่าก็ตามมาด้วย

ในโลกนี้นอกจากเวลาจำเป็นจริง ๆ คนส่วนใหญ่จะไม่เดินทางทางทะเล หรือแม้แต่เข้าใกล้ทะเลเลย

เหตุผลนั้นง่ายมาก มีสัตว์ประหลาดในทะเลมากกว่าบนบกหลายเท่า และแม้แต่พื้นที่ใกล้ชายฝั่งก็มีพวกมันปรากฏอยู่เนื่อง ๆ

แม้ว่าจะเดินอยู่บนหาดทรายริมฝั่ง มันก็ง่ายที่จะถูกโจมตีโดยสัตว์ประหลาดสะเทินน้ำสะเทินบก…

เช่นเดียวกับตอนนี้ สัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนอะโนมอลโลคาร์ริส(anomalocaris)* ที่มีเปลือกเกราะเป็นปล้องก็ได้กระโดดออกมาจากทะเล และโจมตีปาร์ตี้!

(อะโนมอลโลคาร์ริส(anomalocaris) สัตว์ทะเลคล้ายกุ้งมีเกราะแข็งเป็นปล้อง ๆ มีครีบ)

ในฐานะที่เป็นผู้เล่นแนวหน้า ทุกคนในปาร์ตี้จึงจะตอบสนองค่อนข้างเร็ว และเข้าสู่โหมดต่อสู้ได้ในทันที โจที่เปลี่ยนคลาสเป็นนักดาบวิญญาณปิดกั้นมอนสเตอร์ เอ็ดเวิร์ด โกวต้าน และวีลาเป็นผู้รับผิดชอบในการโจมตี ในขณะที่เอลีน่าและเจสซิก้า รับผิดชอบในการรักษาและบัฟ

หลังจากนั้นไม่นานสัตว์ประหลาดในทะเลก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เมื่อมันทิ้งตัวลงพื้นและหายไปในทราย หลังจากที่ทิ้งขาหน้าสองข้างที่ดูเหมือนเลื่อยเอาไว้

โจแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาได้โจมตีลาสช็อตออกไปที่สัตว์ประหลาด ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความสุข “คลาสนี้สุดยอดมาก!”

ในฐานะผู้เล่นคนแรกที่เปลี่ยนคลาสเป็นนักดาบวิญญาณได้สำเร็จ เขาจึงยังคงอยู่ในช่วงทดลองใช้ทักษะของเขาอยู่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นความช่วยเหลือจากวิญญาณคู่หู ก็ส่งผลต่อรูปแบบการต่อสู้ของเขาเป็นอย่างมาก

เช่นเดียวกับการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดทะเลก่อนหน้านี้ ถ้าเขายังอยู่ในชั้นคลาสเดิม เขาจะต้องสูญเสีย HP อย่างน้อย 1 ใน 3 จากการที่เขารับการโจมตีเป็นเวลานาน

แต่หลังจากที่เขามีวิญญาณคู่หูที่สามารถแท็งค์และดึงดูดค่าความโกรธของศัตรูได้ เขาก็สามารถสลับเป้าหมายของศัตรูระหว่างเขากับวิญญาณคู่หู เพื่อสร้างคอมโบการป้องกัน ไม่ให้เขาต้องแบกรับความเสียหายทั้งหมดคนเดียว

ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถปกป้องพันธมิตรได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่เขายังสามารถสร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้มากขึ้นอีกด้วย

ค่าพลังโจมตีของเขาที่มีต่อสัตว์ประหลาดตัวเมื่อกี้ต่ำกว่าเอ็ดเวิร์ดที่เน้นเฉพาะการโจมตีเล็กน้อย เพราะเขามุ่งเน้นไปที่การป้องกันเกือบทั้งหมด และเริ่มโจมตีด้วยทักษะดาบปีศาจในนาทีสุดท้ายเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าถ้านักดาบวิญญาณใช้สายทักษะดาบปีศาจอย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นคลาสที่มีพลังโจมตีสูงสุดในเกมเวอร์ชั่นนี้

“คลาสใหม่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าคลาสพื้นฐานมาก…ทำไมท่านถึงไม่เปลี่ยนคลาสเป็นชาโดว์โร๊คด้วยล่ะ ท่านโตวก้าน” หลังจากที่เธอเห็นการฝีมือของโจ วีลาก็ถามอีกคนที่สามารถเปลี่ยนคลาสได้ในปาร์ตี้ “ท่านเลเวล 15 แล้วไม่เหมือนข้าที่ยังเลเวล 10”

“อะฮะ….ข้าก็สงสัยว่าทำไม ข้าไม่รู้จริง ๆ…” โกวต้านเกาหัวอย่างขัดเขิน

“ไม่ต้องไปฟังเขา เหตุผลเดียวที่เขาไม่เปลี่ยนคลาสเพราะเขาไม่ต้องการทิ้งทักษะยิงธนูของพ่อ” เอ็ดเวิร์ดเริ่มแซะสมาชิกในปาร์ตี้ของตัวเอง “คลาสชาโดว์โร๊คไม่สามารถใช้ธนูได้”

“หัวหน้าทำไมเจ้าทำแบบนี้” โกวต้านคร่ำครวญ “การแซะข้าทำให้เจ้ามีความสุขใช่ไหม”

“ใช่ มันทำให้ข้ามีความสุขมาก! ดูสิเมจไม่มีโอกาสเปลี่ยนคลาสและทำได้แต่อิจฉา เจ้ามีโอกาสเปลี่ยนคลาส แต่เจ้ากลับยอมแพ้ แน่นอนว่าข้าไม่มีความสุข!” เอ็ดเวิร์ดตอบตรง ๆ ก่อนที่เขาจะให้คำแนะนำว่า “โอกาสที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งอยู่ตรงหน้าเจ้า ดังนั้นอย่ายอมแพ้…”

“เจ้ากำลังพูดอะไรน่ะหัวหน้า? ข้าคิดว่าเทพเจ้าแห่งเกมมีแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่ ๆ ที่เขาไม่ให้เราเปลี่ยนคลาสทันทีหลังจากที่เรามีเลเวลสูงพอ บางทีเรนเจอร์อาจเปลี่ยนเป็นคลาสอื่นที่เน้นการยิงธนูได้ในอนาคต” โกวต้านเดา “ถ้าไม่ใช่แบบนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่เรนเจอร์จะยิงธนูได้ตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจะต้องวางแผนเรื่องนี้เอาไว้แล้ว!”

“เจ้าคิดเรื่องนี้ออกด้วยตัวเองเลยเหรอ?” เอ็ดเวิร์ดถามพลางขมวดคิ้ว

“ไม่หรอก เรนเจอร์คนอื่น ๆ อีกหลายคนก็วางแผนที่จะรอ พวกเขาจะไม่เปลี่ยนคลาสตอนนี้”

เอ็ดเวิร์ดดูเหมือนอยากจะโต้เถียงกับโกวต้านต่อ แต่วีลาไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยให้คนในปาร์ตี้เริ่มสู้กันเองเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงพูดแทรกขึ้นมาเพื่อแยกพวกเขาออกจากกัน

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่พอใจอะไรหรอกนะ แต่จะดีกว่าไหมที่จะไม่พาเด็กน้อยคนนี้มาด้วย”

วีลามองเด็กสาวผมเงินที่กำลังเลียอมยิ้มอย่างมีความสุข และถามออกมาอย่างเป็นห่วง

เมื่อรู้สึกว่าวีลากำลังจ้องมองเธออยู่ เอลีน่าจึงซ่อนห่อลูกกวาดของเธอและจ้องมองวีลากลับ โดยที่ไม่มีแผนจะแบ่งปันขนมที่เธอได้รับจากซีเว่ยให้คนอื่น

เอ็ดเวิร์ดลืมเรื่องที่กำลังจะเถียงกับโกวต้านไปหลังจากที่เขาได้ยินคำถามของวีลา เขาตัดสินใจว่าจะถาม ‘อาร์คบิชอป’ ซีเว่ยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในครั้งต่อไปที่พบเขา

เขาลูบแก้มที่เริ่มแข็งเล็กน้อยจากลมทะเลฤดูหนาวก่อนที่จะยิ้มออกมา

ไม่ใช่แค่เขา แต่โจ โกวต้าน และเจสซิก้าต่างก็ยิ้มราวกับว่าวีลากำลังพูดเรื่องตลกอยู่

“อย่าตัดสินหนังสือจากปกนะท่านวีลา ถ้าเป็นเรื่องของพลังต่อสู้ เธออาจจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเราทั้งหมด” เอ็ดเวิร์ดมั่นใจ

“…ท่านล้อเล่นรึเปล่า” เห็นได้ชัดว่าวีลาไม่เชื่อในสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดพูด

เอ็ดเวิร์ดจึงยักไหล่และเกือบจะกลอกตาใส่วีลา

“ถ้าเท่านไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของเรา แล้วทำไมท่านถึงขอให้เราช่วยเจ้าทำเควสนี้ตั้งแต่แรก? จะดีกว่าไหมถ้าท่านไปหาลุงมาร์นี่ ลุงอีวาน หรือปาร์ตี้ของเจ้าหญิงลีอา” เจสสิก้าไม่ต้องการให้เกิดความอึดอัดระหว่างพวกเขา เธอจึงพยายามเปลี่ยนบทสนทนา

“ท่านมาร์นี่กำลังช่วยลอร์ดแองโกร่าขยายเส้นทางการค้าในเมือง ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาทำเควสนี้ กลับกันเจ้าหญิงลีอาค่อนข้างกระตือรือร้นที่จะทำ แต่ทันทีที่เธอพูดว่า ‘ผู้ติดตามที่ภักดีของข้า ถึงเวลาแล้วที่เราจะขยายเทียร่าและสร้างประวัติศาสตร์!’ ปู่แวนเค่อก็ลากเธอออกไปด้วยสีหน้าโกรธเคือง…”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าของโจและโกวต้านก็ยับยู่ยี่ ไม่ใช่เพราะเธอเชื่อในตัวพวกเขา แต่เพราะเธอไม่เหลือใครแล้วต่างหาก

ทันใดนั้นเอลีน่าก็หยุดเดิน

เอ็ดเวิร์ดกำลังจะถามว่าทำไมเธอถึงหยุด แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังและยกมือขึ้นหยุดวีลาที่กำลังพูดอยู่ เขากระซิบเสียงเบาที่มีแต่คนในปาร์ตี้เท่านั้นที่ได้ยินว่า “เรากำลังถูกล้อม”