“ฝ่าบาทจะไม่ทรงตำหนิแม่ทัพเมิ่งอย่างแน่อนสำหรับความดีความชอบในครั้งนี้!”เกาชุนหัวเราะออกมา

เมิ่งเถียน ได้ตอบกลับ”ถ้าวัดกันเรื่องผลงานแล้วล่ะก็แม่ทัพเกากับแม่ทัพเตียวสมควรน่าชื่นชมกว่าหากไม่ได้พวกท่านทั้งสองลากกองกำลัง 400,000 นาย ของอาณาจักรซีหยาง ไว้ในหุบเขาหยางผิง หากข้าคิดจะยึดเมืองหยุนไห่และเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยางก็คงไม่ง่ายดายนัก!”

“นี่ไม่ใช่ผลงานของข้า ข้ารั้งอยู่ที่เมืองว่านเหอ แต่มีรับสั่งจากฝ่าบาทให้มาช่วยปกป้องหุบเขาหยางผิง เรื่องนี้ คงต้องชื่นชม แม่ทัพเตียวแล้ว”

“หามิได้!”

ทั้งสามคนได้หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

ในขณะนั้นพวกเขาก็เขียนจดหมายถึง ลู่เฟิง และ ส่งสมาชิกราชวงศ์ของอาณาจักรซีหยางไปยังเมืองหลวง

ไม่กี่วันต่อมา อาณาจักรหนานหยาน ก็กำลังเดือดพล่านอย่างเต็มที่

เพราะข่าวสองข่าว หนึ่งคือ จักรพรรดิลู่เฟิง นำทัพ 250,000 นายไปทำศึกต่อต้านกองทัพอาณาจักรซีหยางและสังหารล้างกองทัพ 1.3 ล้านคน

ข่าวที่สองก็คือ ลู่เฟิง ได้วางแผนส่งกองกำลังอีกชุดหนึ่งไปยึดเมืองหยุนไห่ และตรงไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยาง จนสามารถพิชิตเมืองหลวงอาณาจักรซีหยางได้สำเร็จ ทั้งยังจับพระสนมของจักรพรรดิ และ สมาชิกราชวงศ์กว่าร้อยคน

ทันทีที่ข่าวทั้งสองถูกแพร่ออกมา ทั้งอาณาจักรก็จัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างสมบูรณ์

ชื่อเสียงของ ลู่เฟิง ได้ดังกระจายไปทั่วอาณาจักรหนานหยาน แม้แต่นักกวีจำนวนมากยังเขียนอ้างอิงเรื่องของลู่เฟิงลงในหนังสือ

การต่อสู้ครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่อาณาจักรหนานหยานก่อตั้งมา ไม่เพียงแต่จะทำลายกองทัพ 1.3 ล้านนาย ได้ ยังสามารถยึดเมืองหลวงอาณาจักรซีหยาง หรือ แม้แต่จับคนของราชวงศ์

เครดิตเหล่านี้ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้?

แม้แต่คนที่ลอบด่าลู่เฟิงในทุกวันยังรู้สึกตกใจ หญิงแพศยาปากคนยังเลือกที่จะปิดปากในเวลานี้ หากไม่ใช่คนโง่หรือคนงี่เง่า พวกเขาก็คงไม่กล้าตำหนิวีรบุรุษที่สามารถนำทัพไปสู่ชัยชนะได้เช่นนี้

แต่ข่าวนี้ก็ทำให้คนที่มองลู่เฟิงเป็นทรราช ยิ่งมากเพิ่มขึ้นไปอีก

เนื่องจากตระกูลหลายร้อยตระกูลในมณฑลจงซาน ถูกสังหารไปจำนวนมาก ส่วนสาเหตุก็เพราะคนเหล่านี้ต่อต้านคำสั่งของแม่ทัพ หานเซิ่น ที่ขอกำลังช่วยเหลือเพื่อต้านศึกเมืองว่านเหอ

ด้วยเหตุนี้จึงมีกองกำลังไม่ถึงหนึ่งพันคนในเมืองว่านเหอ

ผู้คนที่ดุด่าลู่เฟิงส่วนใหญ่เป็นพวกตระกูลชั้นสูงเนื่องเพราะว่าพวกเขากังวลว่าลู่เฟิงจะโจมตีพวกเขา

พวกเขาหวังจะใช้สิ่งเหล่านี้กดดัน ลู่เฟิง ไม่ให้เขาทำอะไรกับตระกูลตนเอง

อย่างไรก็ตามก่อนที่ข่าวทั้งสองจะแพร่ออกไป ยังมีคนจำนวนมากที่เกลียดลู่เฟิง และ ตำหนิว่าเขาไม่เหมาะสมกับตำแหน่งจักรพรรดิ แต่ตอนนี้ใครจะกล้าทำเช่นนั้น ?

หากมันมีใครกล้าที่จะตำหนิเขา คนผู้นั้นจะต้องโง่เง่าอย่างแน่นอน บางคนกระทั่งกลับตัวกลับใจสนับสนุนลู่เฟิงหลังจากได้รับรู้ข่าว

นักวรรณกรรมของอาณาจักรหนานหยาน มีทั้งหมดสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือผู้แสวงทำหนังสือยกย่องวงศ์ตระกูล อีกหนึ่งคือ ผู้แสวงชื่นชมอำนาจบารมีจักรพรรดิ ตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็สนับสนุน ลู่เฟิง อย่างเต็มที่

ทำให้โลกวรรณกรรมของอาณาจักรหนานหยานกลายเป็นเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง

ในเวลานี้ ลู่เฟิง ได้พา เจี๋ยสวี่ ลิโป้ และ ทหารม้า 20,000 นายกลับมายังเมืองหลวงอย่างช้า ๆ

“ฝ่าบาท ตอนนี้ข่าวได้แพร่ออกไปทั่วอาณาจักรหนานหยานแล้ว เราสามารถเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงได้แล้วพะยะค่ะ”เจี๋ยสวี่ ได้มองไปที่ ลู่เฟิง และยิ้ม

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาเดินทางกันไม่เกินยี่สิบไมล์ พวกเราสามารถจินตนาการได้ว่าพวกเขาได้ชะลอการเดินทางมากขนาดไหน

“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลถึงขนาดนั้น ส่งข้อความไปหา ซุนฮก บอกให้เขาจับตาดูพวกอสรพิษที่หลบซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หลังจากข้ากลับไปถึง ข้าจะไปจัดการทันที”ลู่เฟิง ได้นั่งอยู่บนหลังม้าเดียวกับ มู่หลาน เขาได้โอบกอดเธอและพูดคุยกับเจี๋ยสวี่

“ขอรับฝ่าบาท ข้าน้อยจะส่งคนไปส่งข่าวทันที!”

“ดีมาก!”

หลังจาก เจี๋ยสวี่ จากไป ลู่เฟิง ก็ยิ้มให้กับมู่หลาน”เอาล่ะ มู่น้อย ข้ารู้สึกอบอุ่นมากเมื่อได้กอดเจ้า!”