บทที่ 110 บ้านใกล้เรือนเคียงที่ฉางกานหลี่

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 110 บ้านใกล้เรือนเคียงที่ฉางกานหลี่
บทที่ 110 บ้านใกล้เรือนเคียงที่ฉางกานหลี่

“พี่เถาฮวา ฉันเห็นว่ามีไข่เลยทำมาให้ถ้วยหนึ่งค่ะ พี่กินตอนร้อน ๆ นะจะได้นอนหลับสบาย” เหลียงซิ่วนำถ้วยไข่ต้มน้ำตาลทรายมาวางตรงหน้าซูเถาฮวา

ซูเถาฮวายิ้มด้วยใบหน้าซีดขาว “รบกวนเธออีกแล้ว พวกลูก ๆ ไม่อยู่ ส่วนฉันก็ขี้เกียจทำเอง”

“เห็นคนในเมืองมีกระติกน้ำร้อนด้วย ได้ยินมาว่าเติมน้ำร้อนลงไปจะอยู่ได้นานไม่เย็นเร็ว บ้านนอกแบบเรา ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะมีได้ตอนไหน ถ้ามีฉันจะได้ต้มมาให้พี่เยอะหน่อย”

“ไม่เป็นไรหรอก ให้ฉันหลับสักตื่นแล้วเดี๋ยวฉันทำเอง” ซูเถาฮวาจิบไข่ต้มน้ำตาลทรายแดงทีละนิด ร่างกายเธอดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา

“พี่เถาฮวาก็นะ จะไม่กินข้าวได้อย่างไรอากาศเย็นตั้งขนาดนี้ ถ้าไม่ดื่มอะไรอุ่น ๆ สักหน่อยจะทนได้อย่างไรกัน?”

เหลียงซิ่วสัมผัสเตียงเตาใต้ผ้าห่มโดยไม่รู้ตัวก่อนจะพบว่ามันเย็นเยียบ

“พี่เถาฮวา ทำไมพี่ไม่เติมไฟเตียงเตาล่ะ?” เธอถามด้วยความประหลาดใจ

ซูเถาฮวากล่าวอาย ๆ “ร่างกายไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าเลยรู้สึกขี้เกียจนิดหน่อย”

เหลียงซิ่วรีบพูด “พี่ส่งจดหมายมาให้ฉันไม่ได้หรือ? ตอนเช้าจะได้เข้ามาช่วยเติมไฟ ถ้าร่างกายอุ่นจะได้นอนสบาย ๆ นะ”

ซูเถาฮวาปฏิเสธ “จะขอให้เธอช่วยได้อย่างไรกันเล่า”

น้ำเสียงเธอขมขื่น สามีตนเองพึ่งพาไม่ได้อีกแล้ว จะมีหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้อย่างไร?

เหลียงซิ่วไม่รอเถาฮวาตอบก็รีบไปเติมไฟเตียงเตาทันที

ท้ายที่สุดแล้ว ซูเถาฮวาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

ผู้ชายคนนั้น ตอนนี้ถูกนังปีศาจนั่นเอาหัวใจไปแล้ว เมื่อไรก็ตามที่คังอี้เยี่ยมาตะโกนอยู่หน้าบ้านว่า “นักบัญชีหลี่ ฉันมีเรื่องอยากพูดด้วย!”

เขาก็จะเดินตัวปลิวออกไปทันที ทั้งยังทะเลาะกับเธอเพื่อผู้หญิงคนนั้นด้วย เพราะสองสามีภรรยามีปากเสียงกันจึงทำให้เสียเด็กในท้องไป ร่างกายได้รับความเสียหายอย่างหนัก

สองสามวันมานี้ ผู้ชายคนนั้นไปอาศัยอยู่ที่หน้าหมู่บ้านตลอด ไม่มาเหลียวแลเธอแม้แต่น้อย

ผู้ชายแบบนี้ มีหรือไม่มีอยู่ข้างกายมันต่างกันตรงไหน?

ซูเถาฮวาต้องเข้มแข็งมาตลอดชีวิต เดิมทีเธอคิดว่าจะเข้มแข็งไปได้ตลอดชีวิต แต่ไม่คิดเลยว่ากลับถูกนังปีศาจทำร้ายจนสิ้นซาก

ตอนที่เหลียงซิ่วกลับมา น้ำตาก็ถูกเช็ดออกไปแล้ว และตอนนี้ดวงตาของเธอมีความมุ่งมั่น

ณ คอกวัว

ซูเสี่ยวเถียนหยิบลูกอมกระต่ายขาวสองสามเม็ดที่เฉินจื่ออันมอบให้ แล้ววางบนมือฉืออี้หย่วนอย่างระมัดระวัง

“พี่อี้หย่วน ลูกอมพวกนี้หนูให้พี่ค่ะ!” เด็กหญิงยิ้มตาหยี

รอยยิ้มสดใสจุดประกายความหวังในหัวใจของฉืออี้หย่วน มุมปากมีรอยยิ้มจุดขึ้น

เขาไม่โลภมากอยากได้ลูกอม ถึงมันจะเป็นของหายาก แต่ก่อนหน้านี้เขาอยากได้เท่าไรก็มีมากเท่านั้น

เพราะเมื่อก่อนสถานะทางครอบครัวยังดีอยู่ เขาเคยกินมันเยอะมาก ส่วนน้องสาวชอบกินลูกอมนมที่สุด

พอคิดถึงน้องสาวที่จากไป ฉืออี้หย่วนมองลูกอมไม่กี่เม็ดในมือ มุมปากพลันปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่น

ชั่วขณะหนึ่ง เขาจะเอาลูกอมก็ไม่ได้ จะไม่เอาก็ไม่ได้

อาศัยอยู่ที่นี่มานานตั้งนาน เขารู้ชัดอยู่แล้ว จะลูกอมนม ลูกอมผลไม้ สำหรับคนชนบทแล้วล้วนเป็นของหายาก

ถึงซูเสี่ยวเถียนจะเป็นที่รักของบ้านซู แต่ก็ไม่ได้มีลูกอมกระต่ายมากนัก

ทว่าอีกฝ่ายกลับยินดีแบ่งมันให้เขา

“เสี่ยวเถียน นี่คือลูกอมของเธอนะ” ฉืออี้หย่วนพูดเสียงเรียบ

“อาเขยบอกว่า ลูกอมอันนี้กินแล้วสุขภาพจะดี พี่อี้หย่วนผอมเกินไปแล้ว หนูเลยแบ่งเอามาให้!” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวด้วยท่าทางมั่นใจ

เด็กหนุ่มมองแขนขาตัวเองโดยไม่รู้ตัว…

มันผอมบางเล็กน้อย

มีแค่หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น ไม่มีเนื้ออะไร

เนื้อน้อย ๆ พวกนี้เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พูดได้ว่าบ้านซูเป็นคนเลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี

ของกินของดื่มก็ต้องพึ่งบ้านซูอยู่แล้ว จะเอาลูกอมของเด็กหญิงมาอีกไม่ได้หรอก

“เสี่ยวเถียน เธอกินเองเถอะ ไม่เอาหรอกนะ!” เขายัดขนมในมือกลับเข้าไปในกระเป๋าเล็ก ๆ ของเด็กตรงหน้า

เด็กหญิงง่วนอยู่กับการหยิบมันออกมาอีกครั้ง แต่เด็กหนุ่มได้หยุดเอาไว้ก่อน

“พี่ไม่ชอบกินลูกอม มันหวานเกินไป อีกอย่างนะพี่กินพอแล้ว เดี๋ยวเนื้อพวกนี้ก็มีเองล่ะ” เขาตอบด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

ซูเสี่ยวเถียนดูเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนไม่ชอบกินลูกอม

ตอนนี้ไม่ใช่ยุคที่ทุกคนน้ำตาลในเลือดสูงเสียหน่อย ที่ลูกอมกระต่ายขาวจะเป็นของฟุ่มเฟือยที่มีอยู่

“งั้นพี่กินสองเม็ด ส่วนที่เหลือเป็นของหนู” ในที่สุดซูเสี่ยวเถียนก็ตัดสินใจเอาลูกอมสองเม็ดออกมาจากกระเป๋า แล้ววางบนมือของฉินอี้หยวนอย่างไม่ลังเล

ลูกอมนมในยุคนี้คือนมจริง ๆ กินเพียงสองเม็ดก็ทำให้มีประโยชน์ต่อร่างกายฉืออี้หย่วนด้วย

เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสผมหนุ่มลื่นของเด็กตรงหน้า ฉือเก๋อมองดูเด็กสองคนที่คุยกันอย่างสนิทสนมก็อดหัวเราะไม่ได้

“สหายฉือ แกกำลังหัวเราะอะไรอยู่หรือ?”

“บ้านใกล้เรือนเคียงที่ฉางกานหลี่ เพื่อนเล่นวัยเยาว์ไร้เดียงสา![1]*”

ฉือเก๋อชี้ให้ตู้ถงเหอดูเด็กสองคนนั้น ใบหน้าพลันมีร่องรอยของรอยยิ้ม

“เพื่อนเล่นวัยเยาว์ไร้เดียงสาแน่นอน!” ตู้ถงเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ทำให้เสี่ยวหย่วนชอบเธอได้นี่ไม่ง่ายเลยนะ!”

ในฐานะผู้อาวุโส พวกเขาทุกคนรู้ว่าฉืออี้หย่วนเป็นคนเย็นชาขนาดไหน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่น้องสาวถูกฆ่าตายต่อหน้าเขา ฉืออี้หย่วนยิ่งทวีคูณความเย็นชาเข้าไปอีก

แต่ตอนนี้เขากำลังยิ้มให้เสี่ยวเถียน เดาได้เลยว่าทั้งสองสนิทกันมากจริง ๆ

“สหายตู้ ถ้าฉันไม่อยู่แล้วช่วยดูแลเสี่ยวหย่วนทีนะ!”

จู่ ๆ ฉือเก๋อก็พูดขึ้น

ตู้ถงเหอตกตะลึง “สหายฉือ สุขภาพแย่อีกแล้วหรือ? ถ้ามันไม่ดีขึ้นมาจริง ๆ มาหาวิธีรักษากันเถอะ!”

ไม่มีเหตุผลเลย จู่ ๆ ก็ฝากฝังลูกหลานให้ จะต้องมีปัญหาอะไรแน่ ๆ

“ไม่มีเรื่องอะไรหรอก แค่ช่วงนี้ฝันถึงผู้คนแล้วก็เรื่องราวต่าง ๆ นิดหน่อย แค่รู้สึกว่าคงไม่ห่างจากจุดนั้นแล้ว” ฉือเก๋อว่า “คนเราก็มักจะมีวันเช่นนี้เสมอ!”

“ไม่ได้นะ แกก็เห็นแล้วนี่ว่าวันดี ๆ ของพวกเรากำลังจะมาถึงแล้ว จะมาเฉื่อยชากับโลกไม่ได้นะ”

น้ำเสียงของตู้ถงเหอเป็นกังวล แต่เขาไม่เห็นความมีชีวิตชีวาของสหายเก่ามาก่อนเลย

“ฉันบอกแกแล้วไงสหายฉือ ถ้าแกตาย ฉันจะไม่สนใจเสี่ยวหย่วน เพราะนั่นคือหลานแก ไม่ใช่หลานของฉัน”

ทั้งสองไม่ได้รู้เลยว่า บทสนทนาของพวกเขาทั้งสองลอยมาถึงหูของซูเสี่ยวเถียน

หูและตาของเด็กหญิงดีมาก ถึงจะไกลไปไหนแต่ก็ได้ยินชัดเจน

คุณปู่ฉือป่วยแล้วใช่ไหม?

ถ้าคุณปู่ป่วย งั้นก็ต้องหาวิธีให้คุณปู่ฉือไปรักษาตัวแล้วล่ะ

เรื่องนี้ต้องหาทางขอให้อาเขยใหญ่ช่วยให้ได้

นอกจากนี้แล้ว เธอยังสามารถขอให้หมอหลี่ช่วยจับชีพจรได้ แล้วถ้าหมอจับได้ชัดเจน เธออาจมีวิธีช่วยคุณปู่ได้

ซูเสี่ยวเถียนในตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถจริง ๆ ถึงจะอ่านหนังสือตั้งมาก แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนในครอบครัวและคนรอบข้างมากเท่าไรเลย

ไม่ได้การแล้ว จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว

แต่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้จะไปทำอะไรได้ล่ะ?

รอให้ชุมชนการผลิตหงซินรวยก่อนก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า?

ขณะที่คิด เด็กหญิงก็ได้ยินเสียงแอนนาหลังจากไม่ได้ยินมาเป็นเวลานาน

[ขอแสดงความยินดีกับโอสต์ด้วยค่ะ เริ่มภารกิจเสริม : หนทางสู่ความร่ำรวย!]

หนทางสู่ความร่ำรวย?

คราวนี้แทนที่จะให้เธออ่าน จะให้ครอบครัวอ่านหนังสือด้วยหรือ?

หนทางสู่ความร่ำรวย!

ดีจังเลย

*[1] หนึ่งในเนื้อหาของบทพรรณา ลำนำแห่งฉานกาน 长干行 ของหลี่ไป๋ พรรณนาถึงภรรยาที่รอคอยสามีกลับมาบ้าน ซึ่งสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นเพื่อนรักเพื่อนเล่นมาตั้งแต่วัยเด็ก และได้หมั้นหมายกัน