ตอนที่19-2 ผู้ใดตาย

ทุกคนจ้องมองไปยังใบหน้าของหลี่ฉางซี และสังเกตเห็นว่า มีบาดแผลสองแห่งทางด้านซ้ายของใบหน้า

ร่องรอยของบาดแผลนั้น ดูเหมือนจะเกิดจากหินที่มีความแหลมคม และมันมีความลึกมาก จนสามารถมองเข้าไปเห็นกระดูก

อีกทั้งยังมีเลือดไหลออกมามิยอมหยุดด้วย

ในตอนนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่า สิ่งนี้จะต้องเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน พวกเขาจึงเริ่มตะโกนเสียงดัง

“เร็วเข้า! รีบนำตัวคุณหนูห้าไปที่ตำหนักหนานหยวน เร็วเข้า!”

จากนั้นพวกเขารีบช่วยกันนำร่างของหลี่ฉางซีไปที่ตำหนักหนานหยวน

เมื่อทุกคนเข้ามาด้านในตำหนักจึงได้เห็นหลี่เสี่ยวหรันนั่งรอฟังข่าวอยู่ที่โต๊ะรับแขก

และฮูหยินใหญ่แสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจออกมาในทันที และคิดอยู่ในใจว่า

เหตุใดชิหยินเหนียงจึงออกมายืนอยู่ตรงนี้ได้

ในตอนแรกที่หลี่เสี่ยวหรันเข้ามาในหนานหยวน เขามีความตั้งใจที่จะมาอบรม และสั่งสอนหลี่เว่ยหยาง

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หลี่เว่ยหยางมิได้อยู่ที่นี่

และสักครู่ต่อมา เขาได้เห็นผู้คนจำนวนมากกำลังแบกร่างของหลี่ฉางซีเข้ามาด้านใน ทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“เกิดอันใดขึ้นอีก!”

แม่นมผู้หนึ่งกล่าวขึ้นในทันทีว่า

“นายท่าน เมื่อครู่คุณหนูห้ากำลังยืนอยู่ข้างสระน้ำ แต่มิทราบด้วยเหตุอันใด ทันใดนั้นนางได้ตกลงไปในสระนั้น”

หลี่เสี่ยวหรันลุกขึ้นยืนทันที

ฮูหยินใหญ่รีบเดินไปที่บริเวณด้านข้างของหลี่ฉางซีด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง

เมื่อได้เห็นใบหน้าของหลี่ฉางซี นางจึงรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก จึงรีบถอยหลังออกมา

“ไอหยา ลูกสาวที่น่าสงสารของข้าเกิดอันใดขึ้นกับใบหน้าอันงดงามของเจ้า”

หลี่เสี่ยวหรันมองไปยังใบหน้าของหลี่ฉางซีเพียงแวบเดียว หัวใจของเขาก็หล่นวูบ บาดแผลมีขนาดใหญ่และน่าหวาดกลัวมาก!

“บ่าวยังพบรองเท้าของคุณชายหมินเต๋อด้วย แต่เรามิพบศพของคุณชาย

คุณชายของบ่าวคงจะตกลงไปในน้ำแล้ว…ช่างโชคร้ายจริง ๆ…” แม่นมคร่ำควญเสียงดังลั่นห้อง

ในตอนแรก สิ่งที่ทำให้ฮูหยินใหญ่มีความรู้สึกประหลาดใจก็คือ นางเห็นว่า

ชิหยินเหนียงยังคงมีชีวิตอยู่

และจากนั้น นางต้องมาเห็นความงามที่สูญสิ้นไปของหลี่ฉางซี

ตอนนี้นางมิสามารถระงับความตื่นตระหนกภายในตนเองได้ จึงมีสีหน้าที่เศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัดเจน และกล่าวว่า

“ครอบครัวของเราสงบสุขมาโดยตลอด . .”

แม่นมหลินกล่าวเสริมอีกว่า

“นับตั้งแต่คุณหนูสามกลับมา ก็มีแต่เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น

คราวนี้โชคชะตาที่ถูกสาปของนางได้ฆ่าคุณชายหมินเต๋อตายแล้ว

แล้วเราจะอธิบายเรื่องนี้กับฮูหยินสามอย่างไรดี

เพราะนางมีคุณชายหมินเต๋อเป็นทายาทผู้เดียวเท่านั้น!”

ใบหน้าของชิหยินเหนียงซีดขาวลงในทันที

ในที่สุด นางก็เข้าใจแล้วว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของฮูหยินใหญ่

และอีกส่วนหนึ่งในแผนการของฮูหยินใหญ่ก็คือ การเชื่อมโยงความตายเข้ากับชะตากรรมที่ถูกสาปของหลี่เว่ยหยาง

แผนการของนางคือ เมื่อเว่ยหยางมาเยี่ยมมารดาที่หนานหยวน จึงเป็นผลให้ชิหยินเหนียงเสียชีวิต

นอกจากนี้ชะตากรรมของเว่ยหยางยังทำให้ทายาทเพียงผู้เดียวของฮูหยินสามต้องเสียชีวิตลงด้วยเช่นกัน

แม้ว่าเว่ยหยางจะบริสุทธิ์ แต่เพื่อให้ฮูหยินสามสบายใจ นายท่านจะต้องลงโทษเว่ยหยางอย่างแน่นอน

ฮูหยินใหญ่. . .ช่างชั่วช้า และเลวทรามเสียจริง ๆ !

ชิหยินเหนียงรีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว

“นายท่าน นางเป็นเพียงเด็ก สิ่งนี้มิมีส่วนเกี่ยวข้อง กับเว่ยหยางเลยแม้แต่น้อย เว่ยหยาง…”

แม่นมหลินจ้องไปยังชิหยินเหนียง และกล่าวว่า

“ชิหยินเหนียง สิ่งที่เจ้ากล่าวนั้นมิถูกต้อง คุณหนูสามมิควรฝ่าฝืนกฎของนายท่าน โดยการที่มาที่หนานหยวนแห่งนี้

ขณะที่คุณหนูสามมาถึง คุณชายหมินเต๋อก็หายตัวไป

และตอนนี้คุณหนูห้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก ชิหยินเหนียงจะกล่าวได้อย่างไรว่า สิ่งนี้มิมีความเกี่ยวข้องกับคุณหนูสาม?”

ทันใดนั้นได้เสียงดังมาจากด้านหน้าประตูทางเข้า จากนั้นหลี่เว่ยหยางพร้อมกับไป๋จือได้เดินเข้ามาอย่างใจเย็น

“ท่านพ่อเกิดอันใดขึ้นที่นี่หรือ?”

นางสวมชุดสีเหลืองอ่อน ราวกับดอกไม้บานแรกแย้มในฤดูใบไม้ผลิ มันช่างดูสดชื่นและแจ่มใสยิ่งนัก

ดวงตาคู่นั้นกลมโตและเป็นประกายชัดเจน แต่ก็มีความสงสัยในการจ้องมองอยู่ ขณะที่เดินเข้าไป

หลี่เสี่ยวหรันมีอาการตกตะลึง เขากำลังจะโกรธ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขามิสามารถทำเช่นนั้นได้อีกต่อไป

ฮูหยินใหญ่มีความรู้สึกตึงเครียดทันที และภายในใจนั้นมีความสับสนเป็นอย่างมาก

แต่ก็ต้องสวมบทบาทท่านแม่ผู้มีจิตใจดีงามทันที

“เว่ยหยาง เป็นเพราะเจ้าบุตรชายสุดที่รักของฮูหยินสามจึงได้หายตัวไป

ดูเหมือนว่า เรามิสามารถจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหลี่ได้อีกต่อไปแล้ว!”

ดวงตาของหลี่เว่ยหยางเบิกกว้าง ทำให้ดูแล้วเหมือนเด็กไร้เดียงสามาก

“ท่านแม่ ท่านกล่าวอันใด ข้ามิเข้าใจ?

เมื่อครู่ ตอนเดินมาที่นี่ ข้ายังเห็นหมินเต๋อเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้อยู่เลย!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฮูหยินใหญ่ถึงกับเหลือกตาขึ้นด้วยความตกใจทันที