ตอนที่ 187 ตบหน้าตัวเอง

หลังจากก้าวขึ้นมายืนหน้าเวทีแล้ว หลินหนานก็กวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างและโดยรอบและพบว่าทุกสายตาที่จ้องมองตอบกลับมานั้น แฝงไว้ด้วยความดูถูกเหยียดหยันประหนึ่งว่ากําลังดูละครลิงอยู่

ไม่มียามหัศจรรย์อยู่ในมือ หลินหนานจะมีปัญญาทําศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ยังไง?

ราคาคุยทั้งนั้น!

หลี่เฉวียนยู่เองก็กําลังยืนมองหลินหนานแน่นิ่ง และกําลังรอคอยให้เขาทําเรื่องโง่ๆ ที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นตัวตลกในงานในชั่วพริบตาอยู่

ท่ามกลางสายตาของทุกคน หลินหนานยื่นมือออกไปจับขวดแร่ที่เหลืออยู่เพียงครึ่งขวดซึ่งศาสตราจารย์เรย์มอนด์ได้ใช้ทําศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ ขึ้นมาถือไว้ในมือ ปากก็ร้องตะโกนออกไปว่า

“จับตามองกันให้ดีล่ะ!”

เสียงประกาศของหลินหนานดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง และดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ“ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าของผมเวลานี้ สําหรับผมแล้ว ไม่ได้มีค่ามีราคาอะไรเลยแม้แต่น้อย!”

ท่ามกลางสีหน้าตกอกตกใจ และตกตะลึงของทุกคน สายตาที่จ้องมองมานั้นล้วนบ่งบอกถึงความรู้สึกว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กําลังเกิดขึ้น เพราะจู่ๆ ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของหลินหนาน!

แสงแห่งเทพเจ้าเหรอนี่?!

จากนั้น แสงจากฝ่ามือของหลินหนาน ก็ได้แผ่ซ่านผ่านขวดพลาสติกใสเข้าไปใน และหมุนเวียนอยู่ภายในขวดกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนไปมาอยู่ภายในขวด ดูประหนึ่งมังกรที่กําลังว่ายวนท่ามกลางเหล่าเมฆา

ช่างน่าขัน! หลินหนานสามารถทํา เลียนแบบศักดิ์สิทธิ์ของศาสตราจารย์เรย์มอนด์ได้อย่างง่ายดาย

ไม่เพียงเท่านั้นในขวดของหลินหนาน ยังมีประสิทธิภาพเหนือกว่าศักดิ์สิทธิ์ของศาสตราจารย์เรย์มอนด์อีกด้วย

ฝ่ามือของหลินหนานราวกับมี “พลังวิเศษ ที่สามารถสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ และนั่นก็เพียงพอที่จะทําให้แขกทั้งหมดที่อยู่ในห้อง ถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก!

ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง และกําลังจ้องมองปาฏิหารย์ และความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น!

สายตาดูถูกเหยียดหยามเมื่อครู่ พลันเปลี่ยนมาจ้องมองหลินหนานด้วยความเคารพ และหวาดกลัว!

แม้แต่ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ ที่ดูมั่นอกมั่นใจอย่างมากก่อนหน้านี้ ยังถึงกับยืนแน่นิ่ง ในขณะที่ถังจินซ่งกับหวางชางหยาง ก็ได้แต่จ้องมองภาพตรงหน้าจนลูกตาแทบถลนออกจากเบาส่วนภายในใจนั้นสั่นสะท้านด้วย ความกลัว

ถึงแม้ทุกคนจะยังไม่รู้ว่า ศักดิ์สิทธิ์ที่หลินหนานทําเลียนแบบขึ้นมานั้น จะมีประสิทธิภาพเช่นใดแต่กระแสไฟฟ้าที่อยู่ภายในขวดนั้น ดูเหมือนจะสว่างไสว และน่าอัศจรรย์มากกว่าศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแก้วจนทําให้ทุกคนตกใจและฮือฮาได้มากกว่า

“คิดไม่ถึงว่าชาวจีนที่ฝึกกําลังภายในจนสามารถเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้แล้ว จะสามารถปลดปล่อยพลังปราณออกมาได้ แต่สิ่งที่เธอแสดงออกมานั้น ก็แค่หลอกคนธรรมดาทั่วไปให้ตกอกตกใจได้เท่านั้นล่ะ!และต่อให้ในนั่นจะมีกระแสไฟฟ้าวูบวาบเป็นประกายสวยงามมากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อยู่ดี!”

ศาสตราจารย์เรย์มอนด์พูดขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก เขาสรุปและตัดสินว่า สิ่งที่หลินหนานทําอยู่นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้กําลังภายในจากร่างกาย

“ในเมื่อคุณไม่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ของผมสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ทําไมคุณถึงไม่ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองล่ะศาสตราจารย์เรย์มอนด์ จะได้รู้กันไปเลยว่าได้หรือไม่ได้? ผมรับรองว่าหลังจากคุณดื่มคุณก็จะรู้ผลทันที!”

หลินหนานท้าทายศาสตราจารย์เรย์มอนด์ พร้อมกับยื่นขวดในมือให้ ศาสตราจารย์เรย์มอนด์รับขวดมาแล้วกระดกขึ้นดื่มต่อหน้าทุกคนในห้องทันที

บูม!

หลังจากที่ครึ่งขวดซึ่งมีกระแสไฟรูปร่างคล้ายสายฟ้าเป็นประกายวูบวาบนั้น ได้ไหลผ่านลําคอของศาสตราจารย์เรย์มอนด์ลงสู่กระเพาะอาหารแล้ว เขาพลันรับรู้ได้ถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากริมฝีปากของตนเองและกระจายไปทั่วทั้งแขนและขา

เวลานี้ ศาสตราจารย์เรย์มอนด์รู้สึกราวกับอยู่ในบ่อพุร้อน ไม่เพียงร่างกายที่ตื่นตัว และมีพลังขึ้นในทันทีแต่จิตใจของเขากลับแจ่มใสอย่างไม่อาจอธิบายได้

“ไม่! เป็นไปไม่ได้!”ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ร้องอุทานออกมา ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ

“เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?!”

“ทะ.. ทําไมเธอถึงสามารถทําศักดิ์สิทธิ์ได้?”

“รู้มั้ยว่าพวกเราต้องใช้เวลาศึกษาพัฒนาเรื่องนี้นานนับสิบปี แต่เธอ.. เธอเพียงแค่มองปราดเดียวก็สามารถทําได้สําเร็จแล้วงั้นเหรอ?!”

เวลานี้ ดูเหมือนศาสตราจารย์เรย์มอนด์จะไม่สามารถควบคุมสติตนเองได้เขาเอาแต่พร่ำพรรณนาคําพูดเดิมๆออกมาไม่หยุดพร้อมกับจ้องมองหลินหนานด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น!

ความภาคภูมิใจความมั่นอกมั่นใจ ที่ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ใช้เวลานับสิบๆปีสร้างมันขึ้นมาเวลานี้กลับถูกหลินหนานทุบทําลายจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี!

“ผมจะทําได้ยังไงไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องให้ความสนใจ เพราะสิ่งที่คุณจะต้องทําในตอนนี้ก็คือการตบหน้าตัวเอง!”

หลินหนานร้องบอกศาสตราจารย์เรย์มอนด์ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือเก่าๆในกระเป๋าออกมาและกดไปที่โหมดบันทึกวีดีโอเพื่อเตรียมถ่ายคลิป

หลินหนานเห็นคนต้องตบหน้าตัวเองต่อหน้าเขามานักต่อนักแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ชาวต่างชาติอย่างมิสเตอร์เรย์มอนด์ ตบหน้าตัวเองต่อหน้าเขาบ้าง และภาพเด็ดๆแบบนี้หากไม่บันทึกวีดีโอไว้ ก็คงจะน่าเสียดายแย่!

ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ถึงกับผงะถอยหลังไปสองสามก้าว และเวลานี้ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด

“หลินหนาน อย่าให้มันเกินไปนัก!”

หลี่เฉวียนยู่ไม่อาจทนต่อความก้าวร้าวของหลินหนานได้อีกต่อไป เขาร้องคํารามออกมา พร้อมกับจ้องมองหลินหนานด้วยสีหน้าเย็นชา

ฆ่าได้ หยามไม่ได้!

หากหลินหนานจะขอให้ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ขอโทษเขาก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่เกินไปนักแต่จะให้เขาตบหน้าตัวเองท่ามกลางสาธารณชนแบบนี้หลี่เฉวียนยู่ไม่มีทางยอมอย่างเด็ดขาด!

ต่อให้ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ยินยอม แต่เขาจะไม่ยอมอย่างแน่นอน!

และที่เขาเชิญศาสตราจารย์เรย์มอนด์มาในครั้งนี้ก็เพื่อให้เขาช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ“ยามหัศจรรย์ที่ตนเองต้องการนํามาขายให้กับเศรษฐีในประเทศนี้หากศาสตราจารย์เรย์มอนด์ยอมทําตามที่หลินหนานบอกแผนการที่เขาเฝ้าลงทุนลงแรงทําไปตลอดหลายเดือนก็เท่ากับสูญเปล่า!

หลินหนานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับย้อนถามหลี่เฉวียนยู่กลับไปว่า “อะไรกันคุณชายหลี่!ผมทําเกินไปยังไงไม่ทราบ? นายลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อครู่ผู้ชายผมทองคนนี้ ยังจะให้ฉันคุกเข่าโขกศรีษะขอโทษเขาต่อหน้าทุกคนเลยถ้าฉันทําไม่ได้อย่างที่พูด! แล้วถ้าฉันเกิดทําไม่ได้ขึ้นมาจริงๆนายคิดเหรอว่าฉันจะไม่ถูกเขาบังคับให้ตบหน้าตัวเองเหมือนกัน?”

“ทุกคนในห้องนี้ต่างก็ได้เห็น และได้ยินเหมือนกันหมดว่า มิสเตอร์เรย์มอนด์ตกปากรับคําหนักแน่น!แต่ถ้าไม่ทําฉันก็จะถือว่านายกับเขาเป็นพวกต้มตุ้น!”

ทุกคําพูดของหลินหนานนั้น ดังก้องกังวานเข้าไปในโสตประสาทของทุกคนอย่างชัดเจนและไม่นานนักก็เกิดเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น

“ครั้งนี้หลินหนานพูดได้ถูกต้อง! พวกเราที่ทําธุรกิจเกี่ยวกับยา ล้วนให้ความสําคัญกับการรักษาคําพูดถ้าพูดจาเชื่อถือไม่ได้แบบนี้ ใครอยากจะร่วมทําธุรกิจด้วย!”

“นั่นน่ะสิ! สิ่งสําคัญสําหรับการทําธุรกิจข้อแรก ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความซื่อสัตย์ และความน่าเชื่อถือ!”

“ผมเองก็เป็นคนถือเรื่องคําพูดมาก รับปากอะไรไว้ก็ต้องทําตาม! ขึ้นเป็นแบบนี้ ต่อให้ยานั่นจะมีสรรพคุณล้ำเลิศขนาดไหน ผมก็คงไม่เสียเงินซื้อแน่!”

นักธุรกิจหลายคนในห้องนี้ ต่างก็เริ่มต้นจากศูนย์แทบทั้งสิ้น พวกเขาต้องทํางานหนักหามรุ่งหามค่ํามาตลอดหลายสิบปี กว่าที่จะสร้างกิจการของตระกูลขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น พวกเขาจะไม่ยอมทิ้งหลักการเพียงเพราะยามหัศจรรย์อะไรนั่นแน่..ข

ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจเกี่ยวกับยาและเภสัชกรรมนั้น ก็มีความเสี่ยงมากกว่าธุรกิจอื่นๆ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นย่อมหมายถึงความเป็นความตายของผู้คน

จะว่าไป.. ทุกธุรกิจล้วนมีการคดโกงเพื่อหวังกําไรสูงสุดแทบทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างนั้น ก็ควรมีขอบเขตและพวกเขาก็จะไม่ยอมมีคู่ค้าที่ไม่อาจเชื่อถือได้แม้แต่คําพูด!

“ทุกท่านอย่าด่วนโมโหไปครับ! เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างหลินหนานกับศาสตราจารย์เรย์มอนด์ไม่เกี่ยวกับ ยามหัศจรรย์” ที่ผมนําเสนอในวันนี้เลย ทุกท่านต่างก็ได้เห็นอานุภาพของยานั่นด้วยตัวเองแล้วอย่าให้เรื่องนี้มากระทบกระเทือนความสัมพันธ์ทางการค้าของพวกเราจะดีกว่านะครับ..”

หลังจากที่เห็นเหตุการณ์เริ่มไม่ดี หลี่เฉวียนยู่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที แต่กลับถูกหลินหนานสวนกลับไปว่า

“คุณชายหลี่พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก! อย่าลืมว่าศาสตราจารย์เรย์มอนด์เป็นคนคิดค้น และพัฒนายามหัศจรรย์ที่พวกคุณสองคนอ้างว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ถ้าแม้แต่คําพูดของเขายังเชื่อถือไม่ได้แล้วยาที่เขาคิดค้นขึ้นมาจะน่าเชื่อได้ยังไงกัน?”

“เอ่อ..”

หลี่เฉวียนยู่ถึงกับพูดไม่ออก เมื่อถูกหลินหนานตอบโต้กลับมาเช่นนั้น..

เป็นเพราะเขาเองที่ต้องการให้ “ยามหัศจรรย์” มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น จึงได้ใช้ชื่อเสียงของศาสตราจารย์เรย์มอนด์มาอ้างอิง แต่เวลานี้ กลับคิดไม่ถึงว่าแผนการทั้งหมด จะย้อนกลับมาทําลายตัวเขาเอง

“คุณชายหลี่.. ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว! ผมจะตบหน้าตัวเองเพื่อรักษาคําพูด!”

เมื่อเห็นว่าหลี่เฉวียนยู่กําลังตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ศาสตราจารย์เรย์มอนด์จึงได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดจนหลี่เฉวียนยู่ต้องถามย้ําด้วยสีหน้าตกใจ

“โปรเฟสเซอร์เรย์มอนด์ นี่คุณจะทําแบบนั้นจริงๆน่ะเหรอ?”

หลี่เฉวียนยู่รู้จักนิสัยของเรย์มอนด์ดี เขารู้ว่าเรย์มอนด์เป็นคนที่หยิ่งทะนง และถือดีมากเพียงใดการให้เขาตบหน้าตัวเองต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่แย่ยิ่งกว่าการฆ่าเขาให้ตายเสียอีก!

“อย่าให้แผนการครั้งนี้ต้องล้มเหลวเพราะผม ไม่ว่าอย่างไร ก็จะต้องทําให้ ยามหัศจรรย์ได้รับการยอมรับให้ได้!”ศาสตราจารย์เรย์มอนด์กระซิบบอกหลี่เฉวียนยู่

หลังจากพูดจบ ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ ก็ยกฝ่ามือขึ้นพร้อมกับฟาดลงบนใบหน้าของตนเองต่อหน้าผู้คนมากมายที่อยู่ในห้องสัมมนาทันที..

เพียะ!

เพียะ!

เพียะ!

เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง และต่อเนื่องไม่หยุด!