ตอนที่ 150 ยืนกราน (2)
ซูชีฟังเสียง ดวงตาที่หรี่ลงเงยขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่ยิ้มเยือกเย็นแปรเปลี่ยนเป็นน่าขัน ครุ่นคิดว่าภายใต้การสัมผัสของบ่าวรับใช้ สตรีชั้นต่ำคงจะฟื้นนานแล้ว เพียงแต่ห้องด้านหลังมืดสลัว นางเข้าใจผิดคิดว่าบ่าวรับใช้คือตน ยังคงพยายามแสดงความต่ำตมไม่หยุด
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ด้านนอกห้องหนังสือมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น การแสดงที่รื่นเริงกำลังจะเริ่มขึ้น ซูชีสะบัดพัด พัดที่ปิดเอาไว้คลี่ออก หลังจากนั้นก็พัดด้วยความผ่อนคลาย
“หลิวฮูหยิน จางฮูหยิน ฮูหยินทั้งสองเดินเล่นในสวนนานครึ่งวันแล้วต้องเหนื่อยเป็นแน่ ไปดื่มน้ำและพักในห้องหนังสือทางด้านนั้นเถอะเจ้าค่ะ” ฮูหยินสองเห็นสายตาของชุ่ยจู๋ที่ลอบส่งมา รีบเชิญฮูหยินทั้งสองเดินมาทางด้านนี้
นางสืบรู้มานานแล้ว ซูชีอายุครบสิบแปดปีแล้ว โดยทั่วไปงานแต่งงานของคุณชายเอกและคุณหนูเอกตระกูลขุนนางจะถูกผู้อาวุโสกำหนดก่อนอายุสิบแปด
อีกทั้ง ตระกูลซูใช้ความเพียรพยายามอย่างมากในการเลือกตระกูลที่จะมาตบแต่งกับคุณชายเจ็ด
ซูเหล่าฮูหยินลั่นวาจาเอาไว้แล้ว นางไม่สนใจเรื่องชาติตระกูล ขอเพียงเป็นหญิงบริสุทธิ์ เป็นสตรีที่เสี่ยวชีของนางรักใคร่ ล้วนตบแต่งเข้าตระกูลได้ สำหรับเรื่องที่ว่าผู้ใดจะเป็นภรรยาเอก ภรรยารองหรือจะเป็นอนุภรรยา ล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถ
สตรีตระกูลขุนนางมากมายในเมืองหลวงรออยู่ตรงนั้น รอให้พบปะ ทว่ากลับถูกบุตรีของนางนำไปก่อน
ขอเพียงคุณชายซูชีหลงกล ร่วมหลับนอนกันแล้ว มีฮูหยินทั้งสองเป็นพยาน เช่นนั้นแม้เขาไม่อยากรับผิดชอบก็จำต้องรับผิดชอบ
หากไม่ได้เป็นภรรยาเอก เช่นนั้นได้เป็นภรรยารองก็ดี ภรรยารองของตระกูลขุนนางชั้นสูง ก็ย่อมสูงศักดิ์กว่าภรรยาเอกของตระกูลขุนนางทั่วไป เป็นสตรีที่มีระดับ
อย่างน้อยเจี่ยนชิงเจินก็เป็นบุตรีเอก น่าจะไม่ถูกรังแกมากนัก แน่นอน ทางที่ดีที่สุดครั้งนี้เพียงครั้งเดียว ท้องของชิงเจินมีทารกน้อย เช่นนั้นตำแหน่งก็ยิ่งมั่นคง
ฮูหยินรองกำลังคิดถึงเรื่องที่ดีงาม ย่างก้าวที่เดินหนักแน่นยิ่งขึ้น ……
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นคุณชายรองเดินเข้ามา ปิดประตู นางเข้าใจทุกอย่างทันที
ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดยังต้องคิดอีกหรือ นี่…นี่มันคือกลลวง อะไรคือการเปลี่ยนคนมาส่งนาง อะไรคือการไม่ทันระวังชนนางจนล้ม อะไรคือการช่วยนวดเท้า ทั้งหมดคือกลลวง…
กลลวงที่ล่อนางเข้าไป!
เมื่อก่อน นางเคยดูละครน้ำเน่ามาไม่น้อย ทุกครั้งที่พวกหญิงโง่ๆ ถูก ‘สตรีดอกบัวขาว[1]’ หลอก ตกหลุมพราง หรือว่าโดนวางยา นางจะมองไปรอบๆ แล้วด่าว่าโง่เขลา ด่าว่าเจ้างั่ง บางครั้งถึงขั้นโมโหอยากจะกระโจนเข้าไปในโทรทัศน์แล้วทุบตี ‘สตรีดอกบัวขาว’ นั่นสักตั้ง จากนั้นถ่มน้ำลายลงบนหน้าหญิงโง่เหล่านั้น
ทว่าวันนี้คิดไม่ถึงว่าตนจะตกหลุมพราง กลายเป็นคนที่โดนนางดูถูกว่าเป็นคนอ่อนแอไร้สมองที่ถูกคนวางกับดักแล้วยังรอให้ผู้อื่นมาจัดการเสียเอง
คุณชายรองเจี่ยนก้าวเข้ามาใกล้ ไม่มีเวลาไปใส่รองเท้าแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เหยียดตัวลุกขึ้น พบว่าตนเองหมดเรี่ยวแรงแล้ว
“เหนียงจื่อน้อย เจ้าข้อเท้าแพลง ยืนไม่ขึ้นหรอก อย่าฝืนเลย ให้ข้าช่วยพยุงเจ้าเถอะ” คุณชายรองเจี่ยนไม่รีบร้อนที่จะเดินเข้ามาหา เขาหยุดลงห่างจากมั่วเชียนเสวี่ยประมาณครึ่งจั้ง
เขาเป็นบุตรชายอนุภรรยา เงินทองที่ปกติสามารถนำออกมาใช้ได้มีไม่มาก เข้าออกโคมเขียวก็ไม่มีปัญญาเลือกหญิงงามอันดับต้นๆ ที่แสร้งทำเป็นหยิ่งผยองได้ ทำได้เพียงเลือกสตรีที่แต่งหน้าหนามาเล่นด้วยเท่านั้น
แม้ในจวนจะมีสาวใช้ห้องข้างให้เขาสองสามคนแล้ว อีกทั้งเขายังลอบมีสัมพันธ์กับสตรีในจวน สาวใช้ในจวนอีกหลายคน แต่ว่า ไม่มีสตรีคนใดงดงามเช่นนี้
ฐานันดรศักดิ์ของสตรีผู้นี้ไม่ได้สูงส่ง อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ไม่ได้พิถีพิถันและงดงามมากขนาดนั้น แต่ว่าความสง่างามที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของนาง และดวงหน้ามีราศีที่ไม่อาจปิดกั้นได้
สตรีเช่นนี้อยู่ในมือ หากไม่ชื่นชมให้ดี ไม่หยอกเย้าสักหน่อย เช่นนั้นก็คงเสียเปรียบแย่!
เขาคือบุรุษผ่าเผยที่รักหยกถนอมบุปผา[2]
มั่วเชียนเสวี่ยไม่อาจเหยียดกายลุกขึ้นได้ ร่างบางเซไปเซมาแล้วล้มลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
มองไปตรงหน้า บุรุษที่แสร้งทำตัวเป็นคนดี คุณชายรองคือจอมสารเลวที่แท้จริง ภายในใจของมั่วเชียนเสวี่ยเย็นวาบ หรือว่าวันนี้นางต้องตายที่นี่
ไม่ได้!
นางห้ามถอดใจ ห้ามให้คนสารเลวตรงหน้าบรรลุเป้าหมาย
เวลานี้ ตอนนี้ นาง…ทำได้เพียงช่วยเหลือตนเอง!
มั่วเชียนเสวี่ยกลอกตา ตัดสินใจแน่วแน่ มีแผนอยู่ในหัวแล้ว ยกมือขึ้นจับศีรษะอย่างไม่ตั้งใจ ถอดปิ่นลงมา
“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่ได้อยากไปที่ใด เพียงแค่เวียนหัวเล็กน้อย อยากจะนอนในห้อง แต่จนปัญญายิ่งนักมือเท้าข้าอ่อนแรง คุณชายช่วยพยุงตัวข้าหน่อยได้หรือไม่”
ขณะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน นางดึงปิ่นออกมา ผมยาวสลวยพริ้วไหวดั่งสายลม สยายอยู่บนหัวไหล่ของนาง หัวเข่า และหน้าอก…ผมพริวไหวไปตามการส่ายศีรษะของมั่วเชียนเสวี่ย ราวกับสายลมพัดผ่าน ลอยล่องเต้นรำอยู่ในอากาศ
ความงดงามเช่นนี้ ทำให้ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยตัณหาฉายความตกตะลึง รูม่านตาของคุณชายรองเจี่ยนขยายใหญ่ ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย น้ำลายจะไหลอยู่แล้ว
ผิวขาวบริสุทธิ์ดั่งไข่มุกของมั่วเชียนเสวี่ย เวลานี้เนื่องจากฤทธิ์ยาแผ่ซ่านไปทั่วตัว ผิวที่ขาวดั่งไข่มุกของนางแดงฝาดราวกับดอกกุหลาบสีแดงแลดูยั่วยวนยิ่งนัก บวกกับที่นางคิดอยากจะยั่วคุณชายรองเจี่ยนอยู่แล้ว จึงแสร้งทำเสียงให้ยั่วยวนขึ้น ในน้ำเสียงออดอ้อนเคล้าไปด้วยความวาบหวิว
เดิมทีคุณชายรองเจี่ยนคิดอยากจะหยอกเย้านาง แต่เห็นหญิงงามยั่วยวนเช่นนี้ จะสนใจสิ่งอื่นอีกได้อย่างไรเล่า สิ่งเดียวที่คิดคือ พวกสหายที่ให้ยากับเขา ไม่ได้หลอกเขาจริงๆ หลังจากดื่มยานี้ แล้วดมกลิ่นหอมนั่น แม้จะเป็นหญิงสงวนตัวเพียงใดก็กลายเป็นหญิงโลกีย์ที่มีความตัณหามากที่สุดในใต้หล้า
คุณชายรองร้องเรียกหญิงงามคนดี แล้วถลาเข้าหา
ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยอาศัยจังหวะตอนที่เขาถลาตัวเข้ามา ใช้ปิ่นที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรก กระทำสุดแรง ปักปิ่นเข้าไปในไหปลาร้าของตนที่เมื่อครู่ร้อนจนเกินไปจึงเปิดคอเสื้อเล็กน้อย
ซี๊ดดด… ปิ่นแทงเข้าไปที่ไหปลาร้า ความเจ็บปวดพลุ่งพล่านขึ้นไปบนสมอง
เมื่อความเจ็บปวดแล่นผ่านสมอง ความเวียนหัวที่มีลดลงในทันที เรี่ยวแรงในร่างกายที่เมื่อครู่ถูกฤทธิ์ยาควบคุมเวลานี้กลับมาอีกครั้ง
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอนที่คุณชายรองเจี่ยนพุ่งตัวมา นางยกเท้าขึ้นแล้วเล็งเป้าให้แม่น จากนั้นเตะอย่างแรง
คุณชายรองเจี่ยนคิดไม่ถึงว่าเวลานี้ หญิงงามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรง ไม่อาจแม้แต่จะเหยียดตัวตรง ทั้งยังยิ้มยั่วยวนตน ร้องบอกให้ตนเข้าไปหา เวลานี้จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ได้
เตะเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งรวดเร็ว ทั้งดุร้าย ทั้งเหี้ยมโหด คล้ายตั้งใจและไม่ตั้งใจ แม้ว่าคุณชายรองเจี่ยนอยากจะหลบก็หลบไม่ทัน
คุณชายรองเจี่ยนร้อง โอยยย กุมแท่งชีวิตของตนเอาไว้คุกเข่าอยู่บนพื้น
ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่หยุด ความร้อนในร่างกายได้ทะยานกลับขึ้นมาบนศีรษะอีกครั้ง
นางจำเป็นต้องอาศัยตอนที่เขาร้องโอดครวญ ออกไปจากที่นี่ก่อนที่เขาจะไหวตัวทัน
ในเมื่อวางแผนเอาไว้ เช่นนั้นด้านนอกต้องมีคนคอยเฝ้าแน่นอน ตนออกไปเช่นนี้เท่ากับรนหาที่ตาย
มั่วเชียนเสวี่ยมองไปรอบๆ ไม่ได้เปิดประตูเพื่อหนีออกไป แต่กลับยกเก้าอี้มา อยากจะปีนออกไปจากช่องระบายลมที่นางเพ่งเล็งเอาไว้ตั้งแต่แรก
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ทันใส่รองเท้า นางรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี ดันโต๊ะไปที่ริมหน้าต่าง แล้วรีบเอาเก้าอี้วางไว้ด้านบน ใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่มีปีนออกไปจากช่องระบายลม
ก่อนปีนขึ้นไปบนหน้าต่าง นางยังตั้งใจเตะโต๊ะเก้าอี้ที่ตนต่อเสร็จก่อนหน้านี้ เช่นนั้น ต่อให้คนสารเลวอยากจะไล่ตามมา ก็ต้องอ้อมเรือนมายังหลังหน้าต่าง หรือไม่ก็ต้องต่อโต๊ะใหม่
ไม่ว่าจะเป็นทางไหน ล้วนทำให้นางมีเวลาและโอกาสในการหนีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
หน้าต่างสูงมาก ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยกระโดดลงไปอย่างไม่ลังเล
เสียง ตุ้บ ดังขึ้น ตามด้วยเสียงร้อง กรี้ด ของนาง
……
อีกด้านหนึ่ง ฮูหยินรองพาคนเข้ามาในห้องหนังสือ ได้ยินเสียงดังขึ้น บุกเข้ามาด้านในโดยไม่ถามไถ่อะไรทั้งนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ล้วนอยู่ในการคาดหมายของซูชี
ฮูหยินรองร้องเสียงดัง หญิงต่ำช้าในห้องที่เพิ่งตื่นจากฝันร้องไห้ พยายามแก้ตัวด้วยความไร้เดียงสา ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าซูชีเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม
แต่ไม่ว่านางจะร้องไห้เช่นไร แก้ตัวเช่นไร สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ พรุ่งนี้เรื่องที่ว่าคุณหนูเจ็ดตระกูลเจี่ยนลอบมีสัมพันธ์กับบ่าวรับใช้ก็จะถูกพูดถึงไปทั่วทุกมุมของเมืองเทียนเซียง
เพื่อกอบกู้ชื่อเสียง จวนเจี่ยนต้องทำอะไรแน่นอน ทว่า เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องกังวล
เรื่องจบลงแล้ว ซูชีขมวดคิ้ว เดิมทีควรจะไปจากที่นี่แล้ว ทว่าได้ยินเสียง ตุ้บ ดังขึ้นจากไม่ไกล เสียง กรี้ด ดังขึ้น เขาชะงัก ทว่าส่ายหน้า จวนเจี่ยนทำให้เขาสะอิดสะเอียน เขาไม่อยากยุ่งเรื่องอื่นอีก
ซูชีเตะเท้า ทะยานขึ้นไปบนต้นไม้ เตรียมตัวไปจากสถานที่ที่ทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียน
[1]สตรีดอกบัวขาว หมายถึง เป็นคำแสลงเปรียบเปรยถึงผู้หญิงที่ภายนอกดูบริสุทธิ์เหมือนดอกบัว แต่ความเป็นจริงเป็นคนไม่ดี
[2] รักหยกถนอมบุปผา หมายถึง อ่อนโยนต่อผู้หญิง