บทที่ 129 มันเกินไปจริงๆ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 129 มันเกินไปจริงๆ

ลี่จีถองต้องการที่จะพูดอะไรต่อ ปลายสายได้ถูกวางไปแล้ว ดังด้วยเสียง “ตู๊ดๆๆๆ”

ลี่จีถองได้โยนมือถือไปอีกฝั่ง

เธอกำลังวางแผนรับมือ จู่ๆโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น

ลี่จีถองนึกว่าเจ้าของโรงงานเปลี่ยนใจขึ้นมา คงยังอยากจะร่วมมือกันต่อ ก็เลยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย

ฮาโหล? คุณเปลี่ยนใจแล้วใช่มั้ย? ลี่จีถองผู้อย่างตื่นเต้น

“คุณลี่ คุณกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ?” ปลายสายได้ถามอย่างสงสัย

ลี่จีถองรู้สึกว่าเสียงไม่ใช่ ก็ได้มองดูเบอร์ที่หน้าจอโทรศัพท์ เป็นคนที่นำเข้าอุปกรณ์ ก็เลยปรับเสียง แล้วถามขึ้น พูดมาสิ มีเรื่องอะไร?

คนทางโน้นก็รีบร้อนพูดขึ้นมา: “คุณลี่แย่แล้ว อุปกรณ์ของเราถูกทางศุลกากรสกัดไว้ ผลิตภัณฑ์ไม่ผ่านเกณฑ์”

“คุณพูดอะไรนะ?” คิ้วของลี่จีถองได้กลายเป็นเส้นตรงไปแล้ว

คนที่ปลายสายได้พูดซ้ำอีกรอบ ลี่จีถองจึงได้แน่ใจว่าตัวเองนั้นฟังไม่ผิด

เธอวางโทรศัพท์อย่างโกรธเคือง ได้ปาโทรศัพท์ออกไป

ลี่จีถองโมโหจนกระทืบเท้า ล้มลงไปข้างๆ

ในใจทั้งโกรธทั้งเบื่อหน่าย ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเธอซื้อมาในราคาที่สูง ตอนนี้ถูกศุลกากรสกัดไว้ เงินเหล่านี้ไม่เท่ากับศูนย์เปล่าไปเลยเหรอ?

แต่มาคิดทบทวนแล้ว ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดปกติ ทำไมสองเรื่องนี้จึงได้เกิดพร้อมกัน ทำไมจึงบังเอิญแบบนี้

ถึงแม้มักจะพูดกันว่าเวลาซวยขึ้นมามันจะซวยซ้ำซวยซ้อน แต่นี่มันก็บังเอิญจนทำให้คนอดที่สงสัยไม่ได้

ลี่จีถองกัดฟัน ต้องมีคนกลั่นแกล้งตัวเองอยู่ด้านหลังอย่างแน่นอน แล้วใครจะมีความแค้นที่ใหญ่หลวงขนาดนี้กับตัวเองละ?

ลี่จีถองจู่ๆก็คิดหนักขึ้นมาทันที หรือว่าจะเป็น…………

เวลานี้พ่อบ้านก็ได้มาเคาะประตู: “คุณหนู คุณส้งและผู้ช่วยของเธอมาหาคุณ บอกว่าจะมารายงานเรื่องบริษัท”

“ได้ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันออกไป” ลี่จีถองขณะที่พูดก็ได้ลุกยืนขึ้น

เธอได้จัดระเบียบเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองเล็กน้อย อย่างน้อยในสายตาคนอื่นตัวเองจะดูดีตลอดเวลา

“นั่งสิ” ลี่จีถองมาถึงห้องรับแขก ขณะที่พูดก็ได้นั่งลงเก้าอี้ตัวกลางที่อยู่ในห้องรับแขก

ส้งหวั่นหวั่นก็ได้นั่งลง

“เรื่องอะไร?” อารมณ์ของลี่จีถองนั้นแย่มาก ท่าทีที่แสดงต่อส้งหวั่นหวั่นก็ไม่ค่อยดีมากนัก

“มันเป็นอย่างนี้ ผลิตภัณฑ์ของเราขณะที่ผ่านด้านศุลกากรได้ถูกสกัดไว้ และยังมีโรงงานนั้นก็ไม่ให้เราเช่าแล้วด้วย ดูเหมือนจะถูกขัดขวางโดยคุณชายลี่ ดังนั้นจึงได้เป็นเช่นนี้ ผู้ช่วยหลังจากได้รับความเห็นชอบจากส้งหวั่นหวั่นแล้วจึงได้พูดขึ้น เหมือนเขาจงใจที่จะขัดขวางเรา”

ลี่จีถองยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห ได้โยนแก้วในมือลงบนพื้นโดยตรง มีเสียงเซรามิกแตกดังขึ้น

“ลี่จุนถิงไอ้ตัวดี เพราะคนนอกคนเดียวกลับมาทำอย่างนี้กับฉัน ในสายตาเขายังมีตระกูลลี่อยู่ไหม” ลี่จีถองกำมือแน่น ทุบลงบนโซฟาอย่างเต็มกำลัง

ส้งหวั่นหวั่นไม่ได้พูด เพียงแต่นั่งมองลี่จีถองอย่างเงียบๆ

ลี่จีถองหายใจถี่แรงและเร็ว ยิ่งคิดยิ่งโมโห: “ไม่ได้ ฉันต้องไปหาลี่จุนถิงเพื่อคิดบัญชี”

ลี่จีถองพูดๆอยู่ก็ได้ยืนขึ้นมา พุ่งออกไปทางประตู

“คุณป้า รอก่อน” ส้งหวั่นหวั่นร้องห้ามลี่จีถอง

แต่ว่าลี่จีถองกำลังโมโห ไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเลย

ส้งหวั่นหวั่นส่งสัญญาณให้ผู้ช่วย ผู้ช่วยก็ได้ขวางลี่จีถองเอาไว้

“เธอทำอะไร?” ลี่จีถองจ้องมองผู้ช่วยอย่างดุร้าย เธออย่ามาขวางฉัน “ฉันจะไปหาลี่จุนถิงไอ้คนสารเลว รังแกอาของตัวเองมันหมายความว่ายังไง? คนอื่นรู้เข้าคงจะหัวเราะจนฟันร่วง”

“คุณป้า คุณป้าอย่าวู่วาม” ส้งหวั่นหวั่นเวลานี้ได้เดินมาข้างหน้า ดึงตัวลี่จีถองกลับมา “ดีที่สุดคุณป้าอย่าไปหาลี่จุนถิงเลย”

ลี่จีถองก็รู้ว่าตัวเองไปหาลี่จุนถิงนั้นเหมือนไม่รู้จักเจียมตัว แต่ว่า……..

“จะให้ฉันอดกลั้นไว้แบบนี้ก็ไม่ไหวจริงๆ”

“แต่ว่าหากคุณป้าบุ่มบ่ามไปคุยกับลี่จุนถิง คุณป้าอาจจะถูกลี่จุนถิงลากตัวไป” ส้งหวั่นหวั่นก็รู้ว่าลี่จุนถิงนั้นเป็นคนยังไง

ดูก็รู้เรื่องครั้งนี้ลี่จุนถิงไม่ได้เห็นคุณป้าคนนี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ใส่ใจว่าลี่จีถองนั้นจะเป็นอาของเขาหรือเปล่า

ตั้งแต่เล็กจนโตนั้นลี่จีถองไม่เคยพบเจอเรื่องที่ทั้งอึดอัดใจทั้งน่าโมโหแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะถาม: “แล้วเธอว่าฉันควรจะทำยังไง?”

“เมื่อก่อนคุณป้าเคยบอก หากลี่จุนถิงทำอะไรคุณป้าจริงๆ คุณป้าสามารถที่จะให้คุณป้าช่วย ครั้งนี้คุณป้าสามารถที่จะให้คุณป้าช่วยแล้วนะ” ส้งหวั่นหวั่นเสนอแนะให้ลี่จีถอง

ยัยผู้หญิงโง่คนนี้ช่างไม่รู้จักใช้ทรัพยากรที่ตัวเองมีอยู่เลยเหรอ?

“ใช่สิ อาซ้อ” ลี่จีถองได้ยินโม่เสี่ยวฮุ่ยชื่อนี้ ก็มีความหวังขึ้นมาทันที “เธอพูดถูก ฉันสามารถหาอาซ้อ อาซ้อต้องช่วยฉันอย่างแน่นอน”

พูดถึงตรงนี้ ความโกรธและความกังวลของลี่จีถองก็สลายหายไปเหมือนหมอกเมฆ

เห็นแบบนี้แล้ว ส้งหวั่นหวั่นจึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ

วันที่สอง

โม่เสี่ยวฮุ่ยที่เพิ่งจะตื่นนอน กำลังนอนทานอาหารเช้าที่คนเตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน ใครจะไปรู้จู่ๆลี่จีถองก็ฝ่าเข้ามาข้างใน

“อาซ้อ” ลี่จีถองพุ่งเข้ามาหาโม่เสี่ยวฮุ่ย พลางตะโกนเรียกขาน

รอจนกระทั่งเดินมาถึงด้านหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ย ก็รีบท้าวแขนของโม่เสี่ยวฮุ่ยมากอดแล้วเริ่มร้องไห้เล่าเรื่อง

“อาซ้อ ซ้อต้องช่วยฉันนะ” ลี่จีถองขณะพูดก็ได้เช็ดน้ำตา “จุนถิงทำเกินไปแล้วจริงๆ”

โม่เสี่ยวฮุ่ยอาหารเช้าคำแรกยังไม่ได้เริ่มกินเลย ก็ถูกลี่จีถองทำให้ตกใจเสียแล้ว

โม่เสี่ยวฮุ่ยแกะมือของลี่จีถองออก ขมวดคิ้ว: “นี่เธอทำอะไร มาร้องไห้ฟูมฟายแต่เช้า ค่อยๆเล่ามาซิ”

ลี่จีถองลุกยืนขึ้น ดึงเก้าอี้ออกมาหนึ่งตัวแล้วนั่งลง พูดด้วยท่าทางที่น่าสงสาร: “ซ้อจะต้องช่วยฉันนะ”

“ช่วยอะไรละ? เมื่อกี้เธอบอกว่าจุนถิงทำเกินไป มันเรื่องอะไรกันแน่?” โม่เสี่ยวฮุ่ยขมวดคิ้ว

“อาซ้อ ช่วงนี้ฉันกลับตัวเป็นคนดี ฉันอยากจะตั้งใจทำธุรกิจ แต่ละจุนถิงก็ได้มาอายัดของที่ฉันเสียเงินซื้อมา ของเหล่านั้นเป็นของที่ฉันนำเข้ามา เสียเงินไปเยอะ เงินพวกนั้นก็ยืมจากซ้อทั้งนั้น เขากลับดี ไม่รู้เป็นเพราะอะไรได้ทำเรื่องอายัดของของฉัน” ลี่จีถองทำปากจู๋เล็กน้อย

โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองทำไมถึงไปมีเรื่องกับอาตัวเอง?

เห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยไม่พูด ลี่จีถองก็รีบพูดต่อทันที: “อาซ้อคิดดูนะ ฉันน่ะเป็นอาของลี่จุนถิง เขาทำแบบนี้ช่างไม่ไว้หน้าฉันเลย พวกเรายังเป็นคนในครอบครัวเดียวกันอีกด้วย”

“มันก็ใช่ โม่เสี่ยวฮุ่ยรู้สึกมีเหตุผล เลยพยักหน้า ในเมื่อเป็นคนบ้านเดียวกัน ไปขัดขวางการทำมาหากินของคนอื่นมันก็ไม่ดี เอางี้นะ เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอถามเขาดู”

“อืมอืม อาซ้อ อาซ้อต้องช่วยฉันเอาของกลับมาให้ได้นะ นั่นมันคือเลือดเนื้อของฉันเลยละ” ลี่จีถองพูดอย่างออดอ้อน

“เอาละ เอาละ ฉันรู้แล้ว เธอก็ไม่ต้องกังวล เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ภายในหนึ่งวันสองวัน” โม่เสี่ยวฮุ่ยตบมือของลี่จีถองเบาๆ เพื่อบอกเธอว่าอย่าใจร้อน