บทที่ 130 ไม่มีทางยอม

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 130 ไม่มีทางยอม

“ฉันรู้แล้ว” ลี่จีถองพยักหน้า พูดขึ้นมาอีก “แต่ว่าอาซ้อ ไม่ใช่ฉันอยากจะพูด ฉันรู้สึกว่าลี่จุนถิงเปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ ทำร้ายคนในครอบครัว ฉันรู้สึกว่าต้องมีคนยุยงอยู่ด้านหลังแน่เลย หากยังคงยุยงเขาอีก ไม่แน่คนที่อยู่เบื้องหลังคนนี้อาจจะยุยงซ้อกับจุนถิงผิดใจกันก็ได้”

ขณะที่ลี่จีถองพูดนั้นหนักแน่นและจริงจังมาก

ลี่จีถองยิ่งพูดสีหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยยิ่งดูแย่มาก หน้าทั้งหน้าซีดไปหมดแล้ว

คิดดูแล้ว รู้สึกว่าที่ลี่จีถองพูดนั้นก็มีเหตุผล ลูกชายตัวเองตั้งแต่คบกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว กี่ครั้งแล้วที่ไม่เชื่อฟังตัวเองและสามีของตัวเอง

ทั้งๆที่ทุกครั้งที่พูดกับเขาก็เพราะหวังดีกับเขา ทว่าตอนนี้ดูท่าทางแล้วลี่จุนถิงได้ถูกผู้หญิงครอบงำไปทั้งหมด

ตัวเองจะไม่มีทางยอมให้ลูกชายที่ตัวเองปลูกฝังมาตั้งหลายปีถูกผู้หญิงที่สกปรกคนนี้นำพาจนเสียผู้เสียคน

ตัวเองต้องคิดหาวิธีจัดการไล่ผู้หญิงคนนี้ออกจากโลกของลี่จุนถิงให้ได้

หลังจากที่คิดทบทวนดูแล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ตบที่หลังมือของลี่จีถองเบาๆ พูดปลอบโยนเธอ: “จีถอง เธอวางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว ฉันจะไม่ให้เธอก็คับข้องใจอีกต่อไป”

“จริงๆนะ? อาซ้อ ตอนนี้ฉันสามารถพึ่งพาอาซ้อแค่คนเดียวแล้ว” ลี่จีถองทำหน้าที่น่าสงสาร

ถูกลี่จีถองตอแยมาทั้งวัน อันที่จริงโม่เสี่ยวฮุ่ยจะมากจะน้อยในใจก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย

เพียงแต่เมื่อคิดถึงเจียงหยุนเอ๋อ เธอรู้สึกว่าควรที่จะจัดการมารผจญอย่างเจียงหยุนเอ๋อจะดีกว่า สำหรับเรื่องของเธอ สามารถที่จะจัดการทีหลังได้

“อืม ในเมื่อฉันรับปากแล้ว ยังจะผิดคำพูดอีกเหรอ? เธอกลับไปก่อนเถอะ หากมีข่าวคราวแล้วฉันจะบอกเธอเอง โม่เสี่ยวฮุ่ยกล่าว”ด้วยท่าทางที่เรียบเฉย ได้ออกคำสั่งขับไล่แล้ว

ได้ฟังแบบนี้แล้ว ลี่จีถองต่อให้ความรู้สึกจะช้าแค่ไหนก็รู้สึกได้ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยอาจจะไม่ค่อยอยากจะต้อนรับตัวเอง ถึงแม้จะอึดอัดเล็กน้อย แต่ตอนนี้เธอมีเพียงโม่เสี่ยวฮุ่ยที่พึ่งได้ ก็เลยไม่ได้พูดอะไร ล่ำลาแล้วก็จากไป

………….

เวลาแปดโมงเช้า ลี่จุนถิงทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปบริษัท

เพิ่งจะเดินเข้าบริษัท ก็มีคนเข้ามาทักทายเขา: “คุณชายลี่ คุณท่านมา………..”

“หือ?” ลี่จุนถิงเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลานี้โม่เสี่ยวฮุ่ยถึงมาหาเขาถึงบริษัท

เพียงแต่หลังจากที่คิดเรื่องเหล่านั้นอย่างละเอียด ลี่จุนถิงก็เข้าใจ ไม่ได้ลังเลนานนัก ก็ได้เข้าไปที่ห้องรับรอง

ที่ห้องรับรอง โม่เสี่ยวฮุ่ยนั่งอยู่ด้านใน มองดูสีหน้าแล้วเหมือนจะเบื่อหน่ายไม่น้อย

เห็นลี่จุนถิงเดินเข้ามา เธอก็ได้เก็บอาการเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น: “จุนถิง ลูกมาแล้ว”

“อืม ลี่จุนถิงพยักหน้า แล้วก็พูดออกมาตรงๆ: แม่ครับ หากแม่มาผมเพราะเรื่องของคุณป้าละก็ แม่ไม่ต้องเปลืองน้ำลายแล้วครับ สำหรับเรื่องนี้ ผมไม่มีทางที่จะยอมเด็ดขาด”

โม่เสี่ยวฮุ่ยก็คิดไม่ถึง ลี่จุนถิงกลับรู้จุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่ แล้วก็ยังดื้อรั้งเพียงนี้ ดูท่าแล้วไม่ได้ใส่ใจคำพูดของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

คำพูดที่อยากจะพูดได้ถูกคำพูดของลี่จุนถิงมาขัดขวางไว้หมดแล้ว คิดๆแล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยังคงพูดห้ามปรามไปหนึ่งประโยค: “จุนถิง อย่างไรเสียเธอก็เป็นอาของลูก ลูกทำไมถึงไม่ไว้หน้าเธอขนาดนี้?”

เห็นลี่จุนถิงที่ไม่สะทกสะท้าน โม่เสี่ยวฮุ่ยหัวเราะเจื่อนๆ แล้วก็พูดต่อ: “จะดีจะชั่วเขาก็เป็นผู้อาวุโสของลูก บางครั้งลูกก็ต้องเรียนรู้ที่จะเคารพกันบ้าง”

“ผู้อาวุโส?” ลี่จุนถิงทำเสียงชิ ไม่ให้ความเคารพเลยแม้แต่น้อย “ท่าทางของเธอ เหมือนผู้อาวุโสตรงไหน? ทั้งเอาแต่ใจทั้งพาล แล้วก็ไม่ตั้งใจทำงาน ครั้งนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ทำร้ายคนต่อหน้าผู้คนตั้งมากมาย คนที่ถูกทำร้ายถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเลย”

ลี่จุนถิงนิ่งไปสักพัก มองโม่เสี่ยวฮุ่ยแล้วพูดต่อ: “เธอก็ได้ทำถึงขั้นนี้แล้ว แม่ยังจะปกป้องเธออีกเหรอ?”

โม่เสี่ยวฮุ่ยอึ้งไปชั่วขณะ เรื่องนี้ ลี่จีถองไม่ได้เอ่ยกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจ ขณะนี้จึงได้ถามด้วยความสงสัย: “เรื่องมันยังไงกันแน่?”

“เรื่องที่น่าขายหน้าแบบนี้ ลี่จุนถิงเชื่อว่าลี่จีถองก็ไม่มีทางที่จะบอกโม่เสี่ยวฮุ่ยด้วยตนเอง ก็เลยได้อธิบายเพิ่มเติม แม่ยังไม่รู้เหรอ? เธอทำร้ายเจียงหยุนเอ๋อที่ร้านอาหาร ทำให้เจียงหยุนเอ๋อต้องเข้าโรงพยาบาล”

โม่เสี่ยวฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ว่าจะพูดยังไง พฤติกรรมเช่นนี้ของลี่จีถองก็เหมือนคนที่ไม่เคยถูกอบรมสั่งสอนมาก่อน หากแพร่งพรายออกไป คงมีคนตั้งมากมายหัวเราะเยาะตระกูลลี่อย่างแน่นอน

ในใจเธอกำลังด่าลี่จีถองที่มักจะก่อแต่เรื่องวุ่นวาย ทว่าคิดถึงลี่จุนถิงที่ปกป้องเจียงหยุนเอ๋อเพียงนี้ ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยสบายนัก

“จุนถิง เรื่องนี้ถึงแม้จีถองจะเป็นคนผิด แต่ลูกก็ปกป้องผู้หญิงคนนั้นมากเกินไปหรือเปล่า? ไม่รู้ว่าเธอมีดีตรงไหน” โม่เสี่ยวฮุ่ยบ่นพึมพำ

ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของลี่จุนถิงเย็นชาลงเล็กน้อย ผู้ด้วยความเบื่อหน่าย: “แม่ หากแม่จงใจที่จะพูดแบบนี้ มันก็ไม่มีความหมาย ผมยังมีงานต้องทำ ขอตัวก่อนครับ”

ทั้งสองคนในที่สุดก็จากกันด้วยความไม่เข้าใจ เถียงกันแบบนี้ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ได้ลืมจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่เลย

ฝั่งลี่จีถองยังคงรอคำตอบจากฝั่งของโม่เสี่ยวฮุ่ยอยู่ ทว่ารอไปหลายวันก็ไม่มีข้อสรุปใดๆ

ในที่สุด ลี่จีถองทนไม่ไหวจนต้องโทรศัพท์หาโม่เสี่ยวฮุ่ย อยากจะถามสถานการณ์ตอนนี้

“อาซ้อ เรื่องของฉัน……..ซ้อได้คุยกับจุนถิงหรือยัง?”

เสียงของโม่เสี่ยวฮุ่ยเฉยชาเล็กน้อย: “ครั้งนี้จุนถิงใส่ใจเรื่องนี้มาก ฉันก็จนปัญญา”

รู้ว่าแม้กระทั่งโม่เสี่ยวฮุ่ยออกหน้ายังไม่มีประโยชน์ ลี่จีถองโมโหอย่างมาก พอดีตอนนี้เจียงหนิงเอ๋อก็อยู่ข้างกายเธอ เห็นท่าทางที่โกรธเคืองของเธอ ในใจรู้สึกกลัวเล็กน้อย

หลังจากที่วางสายของลี่จีถอง ได้เอาความโกรธทั้งหมดมาลงกับเจียงหนิงเอ๋อ เจียงหนิงเอ๋อทั้งๆที่โกรธแต่ไม่กล้าที่จะพูด

“ตอนนี้เรื่องนี้คุณมาอารมณ์เสียแบบนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหาทางออก” เจียงหนิงเอ๋อเกลี้ยกล่อม

ส้งหวั่นหวั่นก็พูดขึ้น: “คุณป้า เรื่องนี้ฉันก็อยากจะช่วยคุณป้ามาก แต่น้ำมือของลี่จุนถิง…….คุณป้าก็รู้ดี ตอนนี้ฉันก็ไม่มีหนทางอะไรเลย…….”

…………

ฝั่งเจียงหยุนเอ๋อ เพราะว่าบาดเจ็บ ก็เลยไม่ได้ไปทำงาน ได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน

หลายวันมานี้ ไม่ว่าเธอจะทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด ในที่สุดตัวเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ

ความรู้สึกแบบนี้ ไม่เหมือนกับท้องไส้ปั่นป่วน อีกอย่างกระเพาะของเธอก็ไม่เคยมีปัญหามาก่อน อาการในตอนนี้ มันเหมือน……

ในใจเธอมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น จู่ๆก็ทำให้เธอตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก

คงไม่ใช่………มันจะเป็นไปได้เหรอ?

เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกตัวเองในทันทีทันใด แต่ก็ได้ออกจากบ้าน ไปร้านยาเพื่อซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์