บทที่ 131 ใส่ในจุด(ต้น)
เมืองจันทร์กระจ่าง นั้นจัดได้ว่าเป็นเมืองพาณิชย์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมเกลือและโลหะ ดังนั้นจึงมักจะส่งออกและนำเข้าสินค้า การส่งออกและนำเข้าส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางแม่น้ำ ดังนั้นจึงมีการก่อตั้งกองทหารลาดตระเวนลำน้ำขึ้น ซึ่งเป้าหมายของกองทหารลาดตระเวนลำน้ำคือการจัดการกับปัญหาการลักลอบขนสินค้า และปกป้องการขนส่งทรัพยากรทางยุทธศาสตร์จากมนุษย์และสัตว์ดุร้ายที่คอยดักโจมตีขบวนตามแม่น้ำบางส่วน
ซ่างเชียน ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะมีหน้าที่รับผิดชอบกองทหารลาดตระเวนลำน้ำ แต่ข้าก็มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประชาชนด้วยเช่นกัน และเนื่องจากตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งความผิดพลาดเล็กน้อยอาจนำไปสู่ความโกลาหลของเมืองได้ง่าย ๆ ฉะนั้นมันจึงสมเหตุสมผลแล้วสำหรับข้าที่จะแวะมาตรวจสอบเรื่องราวและจัดการกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า คงไม่จำเป็นต้องรบกวนผู้บัญชาการซ่างในเรื่องนี้หรอก” เสียงหัวเราะดังขึ้นในทันทีที่ ซ่างเชียน พูดจบ
จากนั้นชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งถือพัดกระดาษในมือก็ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาด้านในบ่อนโดยมีกลุ่มทหารอีกกลุ่มหนึ่งเดินตามติดมาด้วย ชายหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าที่เรียบเนียนราวกับหยกขาว และเขามีกลิ่นอายที่ไม่ต่างอะไรจากบบัณฑิต
“คน ๆ นี้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่?”
“ชู่วว เจ้าเบื่อชีวิตของเจ้ามากเหรอไง? เขาคือนายน้อยของท่านเจ้าเมือง!”
…
ซูอัน ตกตะลึง เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็น เซี่ยซิว ที่นี่ ก่อนหน้านี้เขายังคงมีปัญหาในการพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมพวกราชวงศ์และขุนนางถึงชอบเลี้ยงสนมชาย แต่ถ้าพวกเขาสวยเหมือน เซี่ยซิว ก็คงจะพอเข้าใจได้…
ถุย! นี่ข้าคิดอะไรอยู่เนี่ย?
สีหน้าของ ซ่างเชียน กลายเป็นเคร่งขรึมทันทีที่เขาเห็น เซี่ยซิว “โอ้ที่แท้ก็นายน้อยเซี่ยนี่เอง! ว่าแต่ถ้าข้าจำไม่ผิดนายน้อยเซี่ย ยังคงเป็นนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่างอยู่ไม่ใช่เหรอ? ท่านยังไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการอะไรเลย เหตุไฉนทำไมท่านถึงได้กล้าออกคำสั่งให้ทหารยามของเมืองติดตามท่านมามากมายขนาดนี้?”
เซี่ยซิว เก็บพัดกระดาษของเขาก่อนที่จะส่งยิ้มให้กับ ซ่างเชียน “ไม่ใช่เลยท่านเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วผู้บัญชาการซ่าง เมื่อครู่ข้ากินดื่มอยู่ที่โรงเตี๊ยมอมตะสวรรค์ใกล้ ๆ แถวนี้และเมื่อข้าเห็นว่าท่านลุงผางกำลังนำกลุ่มทหารมุ่งหน้าผ่านไป ข้าก็เลยรู้สึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ข้าเลยขอตามมาดูด้วย จริงไหมท่านลุงผาง?”
ชายที่ดูมีอายุราว 50 ผู้หนึ่งรีบก้าวออกมาข้างหน้าทันทีด้วยสีหน้ากระหืดกระหอบและ ชุดเกราะของเขาก็ดูเหมือนว่ายังใส่ไม่เสร็จด้วยซ้ำมันทำให้เห็นได้ชัดว่าเขารีบเร่งมาที่บ่อนนี้ ขนาดไหน
“ชายผู้นี้เป็นรองเจ้าเมืองชื่อ ผางชุน เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 5 และเป็นหนึ่งในสามของผู้ คุมกฎของเมืองจันทร์กระจ่างเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฉู่ ของเรา ดังนั้นเจ้าไม่ควรหุนหันพลันแล่นและดูถูกเขาโดยไม่จำเป็น” ฉู่ชูเหยียน กลัวว่าซูอันจะพูดจาไร้สาระกับผางชุน ดังนั้นนางจึงรีบเตือนเขาล่วงหน้า
ซูอัน พยักหน้าอย่างรวดเร็ว คำพูดของ ฉู่ชูเหยียน ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญบางอย่างให้กับ ซูอัน ดูเหมือนว่าตระกูลฉู่ จะใกล้ชิดกับเจ้าเมืองจันทร์กระจ่าง แต่เขาจำได้ว่า ฉู่จงเทียน เคยเอ่ยว่าผู้ตรวจการ ซ่างหง มาที่มณฑลหลินชวนเพื่อจัดการกับพวกเขา ซึ่งมันหมายความว่า ซ่างหง น่าจะเป็นตัวแทนของราชสำนัก
เฮ้ย ๆ นี่มันเป็นไปได้ไหมที่ตระกูลฉู่ คิดจะก่อกบฏต่อราชสำนักโดยการจับมือกับเจ้าเมืองท้องถิ่น?
ซูอัน คิดว่าในตอนแรกเขามีคนหนุนหลังที่ไว้ใจได้ ที่ไหนได้มันกลับกลายเป็นว่าตระกูลฉู่นั้นเป็นเหมือนเรือที่ใกล้จะล่ม! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลฉู่ในตอนนี้ถึงไม่สามารถจัดการได้แม้แต่กับองค์กรใต้ดินแบบนี้!
ข้าควรหาโอกาสกระโดดออกจากเรือลำนี้ดีไหม?
แน่นอนว่าถ้าหาก ฉู่ชูเหยียน ล่วงรู้ถึงความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวของเขาอันนี้ นางคงจะโยนเขาลงไปที่พื้นและอัดเขาจนน่วมแน่ ๆ
ผางชุนจับมือและทักทายซ่างเชียนด้วยรอยยิ้ม “ยินดีที่ได้พบท่านผู้บัญชาการซ่าง”
ซ่างเชียนนั้น ไม่กล้าทำตัวหยาบคายต่อรองเจ้าเมืองผู้นี้ เขาจึงรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว “ยินดีที่ได้พบท่านเช่นกัน ท่านรองเจ้าเมือง!”
ทั้งสองทักทายกันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหันไปมอง เซี่ยซิว ซึ่งมันทำให้การกระทำของพวกเขาดูน่าขบขันเป็นอย่างมาก
เซี่ยซิว หัวเราะและเอ่ยขึ้นทันทีเพื่อทำลายสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนนี้ “ท่านสองคนมองมาที่ข้าเพื่ออะไร? ข้าไม่มีอำนาจหรือตำแหน่งอะไรสักหน่อย ดังนั้นพวกท่านควรจัดการกับสถานการณ์ที่นี่ตามกฎ!”
ซ่างเชียน ก่นด่าอยู่ในใจไม่หยุด อย่างกับข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเจ้าที่เรียกผางชุนมาที่นี่! เขาภักดีต่อพ่อของเจ้าอย่างสุดซึ้ง ดังนั้นเขาจะฟังใครอีกนอกจากเจ้า?
ในทางกลับกัน ผางชุนมองไปที่ ซ่างเชียน ด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ผู้บัญชาการซ่าง ท่านจะรังเกียจไหมถ้าข้าจะขอรับช่วงต่อกรณีนี้เอง?”
ซ่างเชียนฝืนยิ้มและตอบกลับอย่างสุภาพ “นี่คือเขตอำนาจของท่านรองเจ้าเมืองอยู่แล้วข้าไม่กล้าก้าวก่ายหน้าที่ของท่านแน่นอน”
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าถึงแม้ ผางชุน จะมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าเมืองแต่หน้าที่ของเขาโดยตรงคือการดูแลความปลอดภัยภายในเมือง ซึ่งทำให้เขาเป็นคล้ายกับนายอำเภอหรือผู้บัญชาการตำรวจในโลกปัจจุบัน ดังนั้นเขาจึงมีอำนาจมากกว่า ซ่างเชียน หากเป็นในเรื่องการตัดสินคดีความที่เกิดขึ้นในเมืองทั้งหมด
ผางชุน พยักหน้าจากนั้นเขากวาดสายตามองดูผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่และถามว่า “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
ฉู่ชูเหยียน ก้าวออกมาข้างหน้าและอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้ ผางชุน ฟังทันที
เมื่อผางชุนได้ยินคำว่า ‘7,500,000 ตำลึงเงิน’ เขาแทบจะกระโดดด้วยความตกใจเหมือนกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้าเขา อย่างไรก็ตาม เขาระงับอารมณ์ให้กลับมาปกติได้อย่างรวดเร็วและพูดเข้าข้าง ฉู่ชูเหยียน ทันที “เจ้าสำนักเหมย ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็คนผิดที่นี่ เจ้าเป็นเจ้าของบ่อนแท้ ๆ แต่กลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินเมื่อลูกค้าของเจ้าชนะบ่อนของเจ้า หากบ่อนทั้งหมดดำเนินการในลักษณะเดียวกับเจ้าเช่นนี้ เมืองทั้งเมืองคงจะโกลาหลอย่างแน่นอน!”
เหมยเชาฟงโกรธมากที่เห็นว่าผางชุนเข้าข้างฉู่ชูเหยียนอย่าออกหน้าออกตา แต่เขายังคงรักษาท่าทีตอบกลับด้วยความสงบ “ท่านรองเจ้าเมือง ท่านยังไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมด ชายคนนี้เล่นพนันแค่สองรอบเท่านั้นก็ชนะเงินข้าไปถึง 7,500,000 ตำลึงเงินซึ่งเหตุการณ์แบบนี้มันไม่มีวันเกิดขึ้นได้แน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องใช้กลอุบายบางอย่างที่นี่แน่ ๆ ดังนั้นท่านจะให้ข้ายอมรับมันได้อย่างไร!?”
ซูอัน หัวเราะและพูดแทรกทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้แก่น่าไม่อายเอ๊ย เจ้านี่มันน่าไม่อายจริง ๆ เป็นถึงเจ้าของบ่อนแท้ ๆแต่กลับมากล่าวหาว่าลูกค้าของตัวเองโกงเมื่อตอนที่เจ้าแพ้? ข้าถามจริง ๆ ว่านี่มันหมายถึงว่าเจ้าไร้ทักษะจริง ๆ จนดูไม่ออกว่าข้าโกงหรือไม่โกงหรือว่าเจ้าแค่หน้าด้านหาเหตุผลบ่ายเบี่ยงกันแน่?”
“เจ้า!!!” เหมยเชาฟง ชี้นิ้วไปที่ ซูอัน ชายแก่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า หากข้าที่นี่มีข้ากับมันแค่สองคน ข้าสาบานต่อสวรรค์ว่าข้าจะบดเนื้อของมันให้หมาจรจัดกินแน่นอน!
ท่านยั่วยุ เหมยเชาฟง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +499!
ผางชุน เห็นด้วยกับ ซูอัน เช่นกัน “เจ้าสำนักเหมย เนื่องจากเจ้าอ้างว่า ซูอัน โกง เจ้ามีหลักฐานใด ๆ ที่จะสนับสนุนคำกล่าวหาของเจ้ารึเปล่า?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ ซูอัน ได้รับสิทธิพิเศษจากการมีผู้สนับสนุนที่เหนือกว่า ทุกคำที่พูดออกมานั้นเข้าข้างเขาอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าคราวนี้เขาจะเป็นฝ่ายถูกจริง ๆ ก็ตาม
เหมยเชาฟงลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ข้าไม่มีหลักฐาน ข้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่เขาชนะ แต่ ซูอัน มาที่นี่พร้อมกับ คุณหนูใหญ่ฉู่ ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 5 ดังนั้นข้าคิดว่ามันคงเป็นไปได้ที่คนของเราอาจจะจับไม่ได้ว่านางทำอะไรกับลูกเต๋ารึเปล่า…”
สีหน้าของ ฉู่ชูเหยียน พลันเปลี่ยนเป็นเดือดดาลทันทีเมื่อโดนใส่ร้ายป้ายสีเช่นนั้น“นี่เจ้ากำลังหาว่าข้าโกงเจ้างั้นเหรอ!”