บทที่ 132 ใส่ในจุด(ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 132 ใส่ในจุด(ปลาย)

เนื่องจากเขาและฉู่ชูเหยียน ขัดแย้งมาจนถึงขนาดนี้แล้วดังนั้น เหมยเชาฟง จึงไม่ลังเลเลยที่จะล่วงเกินตระกูลฉู่ “ก็มันยากที่จะพูด เขาเป็นสามีของท่าน ใครจะรู้ว่าท่านกับเขาร่วมมือกันเพื่อหลอกลวงข้าหรือเปล่า!”

“ตระกูลฉู่ จะไม่ยอมรับการใส่ร้ายลอย ๆ ของเจ้าเช่นนี้ เหมยเชาฟง ข้าขอท้าดวลเจ้า!” ฉู่ชูเหยียน ตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

เหมยเชาฟง ไม่ยอมถอยเช่นกัน “ที่ผ่านมาที่พูดกับท่านด้วยความเคารพมาตลอดมันเป็นเพราะข้าเห็นแก่หน้าของตระกูลฉู่ แต่ถ้าท่านคิดว่าข้าอ่อนแอนักล่ะก็ท่านคิดผิดแล้ว!”

ซูอัน เฝ้าดูความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างตื่นเต้น และคาดว่าเขาคงจะได้เห็นการต่อสู้อันน่าเหลือเชื่อ ชายหนุ่มนั้นอยากรู้ว่าผู้บ่มเพาะระดับ5นั้นจะสู้กันอย่างไร เพื่อที่เขาจะได้หาวิธีป้องกันตัวเองได้ดีขึ้นเมื่อต้องรับมือกับผู้บ่มเพาะระดับนี้ในอนาคต

ส่วนฉู่ชูเหยียนจะได้รับบาดเจ็บจากการปะทะครั้งนี้หรือไม่… พูดตามตรง เขาไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลย ประการแรก เซี่ยซิว และรองเจ้าเมืองก็อยู่ที่นี่ด้วย นอกจากนี้ตระกูลฉู่นั้นนับได้ว่ามีอิทธิพลอยู่ในเมืองจันทร์กระจ่างอยู่พอสมควร ดังนั้น ฉู่จงเทียน จะปล่อยให้ลูกสาวของเขาถูกรังแกที่นี่ได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่ชูเหยียน ยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันจันทร์กระจ่าง ด้วย

ไม่ว่าจะมองอย่างไรท้ายที่สุด เหมยเชาฟง ก็จะกลายเป็นผู้เสียเปรียบอย่างเต็มประตูแน่นอน

อย่างไรเสียก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เซี่ยซิว ก็ก้าวออกมาขวางทั้งคู่เอาไว้และพูดว่า “โปรดสงบสติอารมณ์กันก่อน ขอให้ข้าได้พูดอะไรสักหน่อย เป็นอย่างที่ทุกคนใน เมืองจันทร์กระจ่างรู้อยู่แล้วว่า ตระกูลฉู่ มีกฎห้ามสมาชิกของตระกูลทุกคนไม่ให้เล่นการพนันอย่างเคร่งครัด…”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ผู้คนทั้งหลายต่างก็เหล่ตาไปมอง ซูอัน ทันทีซึ่งทำให้ เซี่ยซิว สะอึกไปครู่หนึ่ง เขารีบแก้คำพูดอย่างรวดเร็วว่า “แต่ ซูอัน นั้นเพิ่งแต่งงานเข้าตระกูลฉู่ได้ไม่นาน ดังนั้นเขาจึงอาจไม่คุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของตระกูลฉู่มากนัก อย่างไรก็ตาม ข้าเชื่อว่าทุกคนในเมืองจันทร์กระจ่างน่าจะรู้ว่าคุณหนูใหญ่ฉู่มีนิสัยเป็นอย่างไรจริงไหม?”

“แน่นอนที่สุด คุณหนูใหญ่ฉู่ ไม่มีทางโกงใครแน่นอน!”

“เจ้าสำนักเหมย มันเป็นเรื่องหนึ่งที่เจ้าจะเบี้ยวไม่ยอมจ่าย แต่การที่เจ้ามาใส่ร้ายคุณหนูฉู่แบบนี้มันไม่ถูกต้อง!”

“ข้าเห็นด้วย! คุณหนูฉู่ไม่มีทางที่จะใช้กลอุบายสกปรกแน่นอน!”

ฝูงชนรอบ ๆ พูดเห็นด้วยกับ เซี่ยซิว

ซูอัน รู้สึกประหลาดใจกับความนิยมของภรรยาของตน เขาไม่คิดว่าจะมีคนชื่นชอบนางเยอะขนาดนี้

เซี่ยซิว ยกมือขึ้นเพื่อปรามให้ฝูงชนสงบลงก่อนจะพูดต่อ “อย่างที่ทุกคนรู้ ข้าเป็นคนที่แทบจะ ไม่มีจุดแข็งเลย ข้าใช้เวลาของข้าส่วนใหญ่ไปกับการ… แค่ก ๆ เอาเป็นว่าอย่างน้อยข้าก็ค่อนข้าง เก่งเรื่องการพนัน ซึ่งจากสิ่งที่ข้ารู้ เครื่องมือทั้งหมดที่ใช้ในบ่อนนั้นได้รับการลงอักขระไว้เป็นพิเศษโดยปรมาจารย์อักขระเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บ่มเพาะคนไหนสามารถยุ่งกับผลลัพธ์โดยใช้พลังชี่ของพวกเขาได้ ดังนั้นคำกล่าวหาที่เจ้าสำนักเหมยบอกว่าคุณหนูใหญ่ฉู่ โกงที่นี่ ข้าคิดว่ามันเป็นคำกล่าวหาที่เลื่อนลอยเป็นอย่างมาก”

ในเวลาเดียวกัน ซ่างเชียน รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากที่ เหมยเชาฟง เลือกที่จะลาก ฉู่ชูเหยียน มาเอี่ยวในเรื่องนี้จนมันทำให้สถานการณ์กลายเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาไปโดยปริยาย เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดออกมา “ข้าเห็นด้วยเช่นกัน ข้าสามารถรับรองด้วยชีวิตของข้าว่า คุณหนูใหญ่ฉู่ ไม่มีทางโกงใครได้แน่นอน นาง…”

แต่ก่อนที่ซ่างเชียนจะพูดจบ ซูอัน ก็แทรกขึ้นด้วยเสียงพึมพำสิ่งที่ครุ่นคิดออกมา“ที่รัก ถ้าเกิดเจ้ายอมรับว่าเจ้าโกงจริงๆ ไอ้คนผู้นั้นมันก็คงต้องรีบวิ่งไปฆ่าตัวตายเลยทันทีจริงไหม?”

“…” ซ่างเชียน

“…” เซี่ยซิ่ว

“…” ผางชุน

“…” เหมยเชาฟง

มันเป็นแค่สุนทรพจน์เฉย ๆ แกเอาจริงเอาจังแบบนี้ได้ไง?!?! นี่มันนรกอะไรกัน? ลูกเขยแบบไหนที่ตระกูลฉู่ เกณฑ์เข้าไปในบ้านของพวกเขากันแน่วะเนี่ย?

ท่านยั่วยุ ซ่างเชียน สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +213!

ใบหน้าของ ฉู่ชูเหยียน มืดลงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “เงียบไปเลย อย่าพูดอะไรไร้สาระ”

ซ่างเชียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของซูอันและพยายามแก้ต่างต่อไป “แต่ถึงแม้ว่าคุณหนูฉู่ จะไม่มีทางโกงที่นี่ แต่สำหรับนายน้อยซู แล้วข้าเชื่อว่ามีคนมากมายในเมืองที่รู้เกี่ยวกับลักษณะนิสัย ของเขา ซึ่งมันคงจะไม่แปลกเลยที่… มันจะเป็นไปได้ว่าการที่เขาชนะ 7,500,000 ตำลึงเงินภายในการเล่นสองรอบนั้นมาจากการที่เขาติดสินบนร่วมมือกับ ดอกบ๊วยเจ็ด ล่วงหน้าเพื่อหลอกลวงเงินของบ่อน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของ เหมยเชาฟง เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นทันที ข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้ของเขาเต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย แต่การคำพูดของ ซ่างเชียน นั้นปฏิเสธความชอบธรรมของ วิธีที่ ซูอัน ชนะเงินรางวัล 7,500,000 ตำลึงเงินไปโดยสิ้นเชิง และไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังสามารถพลิกสถานการณ์และเอาผิดกับ ซูอัน สำหรับเรื่องนี้ได้อีกต่างหาก

ตามคาดของคนที่มาจากเมืองหลวงนั้นช่างมีความสามารถจริง ๆ !

“ฮือออออ~” ในทางกลับกัน ดอกบ๊วยเจ็ด กลายเป็นกลัวจนแทบจะฉี่ราด เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วย แต่น่าเสียดายที่ขากรรไกรล่างของเขาหลุดจากตำแหน่งไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้แม้จะอยากพูดมากแค่ไหนก็ตามที

แปะ~ แปะ~ แปะ~

เสียงปรบมือดังขึ้นในบ่อน ซึ่งทำให้ฝูงชนรอบๆ หันมามองทันที ซึ่งผู้ที่ปรบมือนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคนนั้นคือซูอันนั่นเอง “ผู้บัญชาการซ่าง นี่เจ้าเป็นหนึ่งในผู้หนุนหลังของบ่อนโกยเงินใช่ไหม?”

สีหน้าของ ซ่างเชียน เปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน? การใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ทางการเป็นอาญาร้ายแรงเจ้ารู้รึเปล่า!”

ท่านยั่วยุ ซ่างเชียน สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +200!

“งั้นเหรอ ถ้างั้นในเมื่อเจ้าไม่ใช่หนึ่งในผู้หนุนหลังของบ่อนโกยเงิน แล้วทำไมเจ้าถึงเอาแต่พูดแทนพวกเขาตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่?” ซูอัน ถามกลับด้วยรอยยิ้ม

ซ่างเชียน ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชาทันที “ข้าแค่วิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ไปตามสมมุติฐานที่มันน่าจะเป็นไปได้เท่านั้น!”

“อ้อ สมมุติฐานนี่เอง ถ้างั้นมันก็เหมือนกับที่ข้าตั้งสมมุติฐานว่าท่านหนุนหลัง เหมยเชาฟง อยู่ซึ่งท่านก็ปฏิเสธว่ามันไม่เป็นความจริงเช่นกันถูกต้องรึเปล่า? ฉะนั้นเมื่อคิดย้อนกันแล้ว สมมุติฐาน ที่ท่านใช้กับข้ามันก็คงไม่เป็นความจริงเหมือนกับที่ท่านปฏิเสธว่าท่านไม่เกี่ยวข้องกับสำนักดอกบ๊วย จริงไหม?”

“เจ้า!!” ซ่างเชียนเบือนหน้าหนี “ข้าอยากจะเสียเวลาเถียงกับคนอย่าเจ้าแล้ว!”

ท่านยั่วยุ ซ่างเชียน สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +100!

ซ่างเชียนค่อย ๆ สงบลง เมื่อพิจารณาถึงความเหลื่อมล้ำในจุดยืนของพวกเขาแล้ว การโต้เถียงกับ ซูอัน ในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่เขาเสียเปรียบเกินไป

ในทางกลับกัน ซูอัน หันไปหา ผางชุน และถามว่า “ท่านรองเจ้าเมือง จากประสบการณ์หลายปีที่ท่านจัดการกับคดีเช่นนี้ ข้าเชื่อว่าท่านน่าจะมีความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ใช่ไหม ?”

ซ่างเชียนก็พูดขึ้นเช่นกัน “ท่านผาง ได้โปรดอย่าปล่อยให้คำพูดคุกคามของใครบางคนมากระทบการตัดสินใจของท่าน”

“นี่…” ตอนนี้จุดยืนของ ผางชุน ถูกจัดให้อยู่ในจุดที่ลำบากที่สุดไปเรียบร้อย เหงื่อเม็ดเป้ง ๆ เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

แน่นอนว่าเขาเข้าใจชัดเจนมากว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่สำนักดอกบ๊วยได้ให้ ‘ส่วย’ แก่ฝ่ายธุรการต่าง ๆ ในเมืองมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แถมยังมีผู้หนุนหลังที่ไม่ธรรมดาอีกต่างหาก และยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจาก ซ่างเชียน ได้สนับสนุนสำนักดอกบ๊วย อย่างเปิดเผยแล้ว มันหมายความว่าอย่างน้อย ๆสำนักดอกบ๊วยการได้รับการหนุนหลังจาก ซ่างหง แล้วแน่นอน แล้วแบบนี้ถ้าเขาตัดสินใจไปมันก็จะหมายความว่าเขาเลือกข้างเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายทันที!