บทที่ 144 สู่เมืองหลวงแดนมัชฌิม
บทที่ 144 สู่เมืองหลวงแดนมัชฌิม
หลังจากใช้เวลาอยู่ที่โถงย่อยพักใหญ่ ลู่หยวนก็เกิดเบื่อหน่าย จึงออกจากยอดเขาหอก เตรียมที่จะไปยอดเขาอีกแห่งเพื่อพบฉินอี่หานกับไป๋ชิวเอ๋อร์ และสอบถามเจ้าสำนักเรื่องของเทียนเม่ยเอ๋อร์ว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
แต่เมื่อออกมาจากยอดเขาหอก เขาก็ได้ยินเสียงอันหนักแน่นดังขึ้น “พี่ลู่!”
ลู่หยวนหลุบตาลงเห็นเซียวเทียนปะปนกับฝูงชน กำลังโบกมือมาทางเขา
บุตรศักดิ์สิทธิ์ชำเลืองมองคนรอบตัวคนเรียก พบว่าพวกเขาล้วนมีใบหน้าคุ้นเคย แต่ละคนถือกระบี่ยาว หรือไม่ก็ถูกห้อมล้อมด้วยปราณกระบี่ ทุกคนพลางมองมายังชายหนุ่มด้วยความสงสัยใคร่รู้
คนเหล่านี้น่าจะเป็นศิษย์บรรพชนกระบี่
ร่างของบุตรศักดิ์สิทธิ์วูบไหว ก่อนลงสู่สถานที่ดังกล่าว เซียวเทียนรีบเดินมาพร้อมกับกระบี่ยักษ์บนแผ่นหลัง กล่าวกับชายหนุ่มอย่างกระตือรือร้นว่า “พี่ลู่ ข้าไม่ได้พบเจ้ามาหลายวัน! เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าเพิ่งปรับตัวได้ เลยกะว่าจะไปยอดเขาหอกเพื่อตามหา แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถข้ามค่ายกลของยอดเขาหอกได้”
หลังจากนั้น เซียวเทียนมองรอบข้าง กล่าวเสียงต่ำว่า “พี่ลู่ ข้ารู้สึกว่าศิษย์พี่ของเจ้าหัวเสียเป็นอย่างมาก คราวก่อนที่ข้าพบเขานอกยอดเขาหอก ข้าขอให้เขาพาไปหาเจ้า แต่เขากลับจ้องเขม็งกลับมาก่อนเดินหนีไป”
ลู่หยวนขบขัน “ช่างเขาเถอะ จริงสิ คนจากยอดเขากระบี่มารวมตัวในวันนี้ มีอะไรหรือ?”
เซียวเทียนยิ้มกว้าง “ข้าได้รับอนุญาตจากอาจารย์สำนักว่าสามารถไปท่องเที่ยวแดนมัชฌิมได้! พี่ลู่อยากไปด้วยกันหรือไม่?”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ครุ่นคิดสักพัก กำลังจะปฏิเสธ เพราะตนยังไม่ได้สอบถามเกี่ยวกับพวกเทียนเม่ยเอ๋อร์
แต่ในจิตเทวะ มังกรเจินหลงผู้เงียบสงบถึงกับครวญครางออกมา เริ่มเคลื่อนไปมาทั่วจิตเทวะ ราวกับกำลังเร่งเร้าให้ลู่หยวนไปพร้อมกับเซียวเทียน
บุตรศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว ลังเลสักพัก ก่อนจะเข้าใจว่าทำไมมังกรเจินหลงถึงเริ่มอยู่ไม่สุขในครั้งนี้
ทว่าสัตว์เทพในตำนานสามารถทำนายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หรือว่าหากเขาไปกับเซียวเทียนในวันนี้ จะมีเหตุการณ์ครั้งสำคัญเกิดขึ้น?!
“ได้ ข้าเองก็ว่างอยู่เหมือนกัน ดังนั้นไปกับเจ้าคงไม่เสียหายอะไร”
เซียวเทียนพยักหน้า จากนั้นหันหลัง เตรียมบอกกล่าวกับศิษย์พี่ที่เป็นผู้นำกลุ่ม
หลายคนจากยอดเขากระบี่มองลู่หยวนด้วยสายตาเคร่งขรึม
ศิษย์พี่ที่เป็นผู้นำกลุ่มของบรรพชนกระบี่ย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างลู่หยวนกับเซียวเทียน ถึงแม้จะไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของศิษย์ใหม่มากนัก แต่ศิษย์ในปีนี้มีตัวตนพิเศษอย่างลู่หยวนรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าอย่างไรเขาย่อมต้องเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง
เมื่อได้รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ลือกันอยากไปพร้อมกับพวกเขา
เขาก็รู้สึกไม่เต็มใจ ทุกคนรู้ดีว่าศิษย์ใหม่คนนี้ถึงกับบังคับให้บรรพชนเสวียนคุกเข่าลง แถมยังช่วงชิงกระดานความเป็นความตายกับประกาศิตรุ่งอรุณไปอีกด้วย
เมื่อข่าวแพร่งพรายออกไป ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แทบจะโกลาหล
ทันทีที่บรรพชนเสวียนกลับยอดเขาเสวียนก็เก็บตัว ไม่มีใครรู้ว่าจะออกมาเมื่อไหร่ ศิษย์ที่อยู่ใต้อาณัติบรรพชนเสวียนทราบดีว่าบรรพชนของพวกเขาอับอายมากแค่ไหน จึงเก็บเศษหน้าของอีกฝ่าย เตรียมมุ่งหน้ามาที่ยอดเขาหอกเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้
แต่หลายคนที่อยู่ใต้อาณัติบรรพชนเสวียนก็ไม่ใช่คนโง่ ศิษย์ที่ได้รับความเคารพสูงบางส่วนปล่อยวางเรื่องนี้พร้อมสะกดโทสะเอาไว้ในใจสักพัก
ถึงตอนนี้จะยังไม่มีอะไร แต่ทุกคนทราบว่า ลู่หยวนคนนี้ก่อกรรมกับผู้อยู่ใต้อาณัติบรรพชนเสวียนแล้ว
หากมีข่าวลือว่า ศิษย์ของบรรพชนกระบี่อย่างเซียวเทียนสนิทชิดใกล้ลู่หยวนตามมา ไม่เท่ากับว่าพวกเขาศิษย์โถงกระบี่จะถูกผลักไสไปอยู่ฝั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ จนมีเรื่องกับศิษย์ของบรรพชนเสวียนหรอกหรือ?!
ผู้อยู่ใต้อาณัติบรรพชนเสวียน มีนางมารร้ายคนหนึ่งที่ครองอันดับสามในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอด!
ผู้หญิงคนนี้ไม่สนกฎเกณฑ์เป็นที่สุด ขนาดอันดับหนึ่งกับอันดับสองยังต้องหลีกหนีจากนางมารร้ายผู้นี้
บรรพชนเสวียนปกป้องสตรีผู้นี้มากที่สุด ตอนนี้นางเก็บตัวอยู่ หาไม่แล้ว เมื่อเรื่องที่ลู่หยวนบังคับให้หญิงชราคุกเข่าลงถึงหูเข้า นางมารร้ายจะตรงมาฆ่าเขาอย่างแน่นอน
แต่การปฏิเสธคุณชายลู่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีนัก ถึงอย่างไร เด็กคนนี้ก็นับว่ามีเกียรติยิ่ง เขาคือศิษย์เอกของยอดเขาหอก!
ศิษย์พี่ของบรรพชนกระบี่ครุ่นคิดสักพัก จากนั้นพลันกล่าวว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะออกไปทำภารกิจให้เสร็จสิ้น เกรงว่าคงไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงแดนมัชฌิมได้นาน เอาแบบนี้แล้วกัน ให้ศิษย์น้องเซียวเทียนกับท่านไปเดินเที่ยวแดนมัชฌิมกันเอง คิดว่าอย่างไร?”
ลู่หยวนย่อมพยักหน้า เขาไม่ชอบไปไหนมาไหนกับคนหมู่มากอยู่แล้ว ถ้ามีเซียวเทียนไปด้วยกันเพียงสองคนก็นับว่าดีไม่น้อย
ถึงอย่างไร คนเหล่านี้ไม่ใช่บุตรแห่งโชคชะตา
เซียวเทียนพยักหน้าเช่นกัน เป็นอันตกลง
ศิษย์พี่ของบรรพชนกระบี่ยกมือขึ้นคารวะบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจากไปพร้อมกับคนของบรรพชนกระบี่ที่เหลือ
ท่ามกลางปราณกระบี่ ศิษย์พี่ของบรรพชนกระบี่เหลือบมองกลับมายังทั้งสอง เมื่อเห็นเจ้าเซียวเทียนพูดคุยอย่างร่าเริงเหมือนหมาน้อยกระดิกหางอยู่รอบตัวลู่หยวน ชวนให้คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเทียนกับบุตรศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับใกล้ชิดยิ่ง เขาอดลำบากใจไม่ได้
หากเซียวเทียนนำภัยมาสู่บรรพชนกระบี่ ก็อย่าโทษเขาผู้เป็นศิษย์พี่ที่เสียมารยาท!
ขณะบุตรแห่งโชคชะตาเผ่ามังกรมองเหล่าศิษย์พี่ร่วมอาจารย์จากไป เขาก็หยิบเหรียญตราออกมา “พี่ลู่ หากมีเหรียญตรานี้จะทำให้สามารถผ่านค่ายกลออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ตามใจชอบ ให้ข้าพาเจ้าไปยอดเขาศิษย์เพื่อรับมาสักเหรียญดีไหม?”
ลู่หยวนส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ข้ามีประกาศิตลับอยู่ในมือแล้ว ดังนั้นจึงออกไปได้เช่นกัน”
เซียวเทียนพยักหน้า ก่อนบินออกไปพร้อมกับพี่ใหญ่ มุ่งหน้าสู่นอกสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ และภายในสองก้านธูป ทั้งสองก็ออกมาด้านนอก ก่อนลงสู่แดนมัชฌิม
ในเมืองหลวงแดนมัชฌิมที่อยู่ไม่ไกลนัก มีเสียงอื้ออึงอย่างต่อเนื่อง ดูมีชีวิตชีวายิ่ง
ทั้งสองก้าวเข้าไปในเมืองหลวง ต่างฝ่ายต่างมีเหรียญตราของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ องครักษ์ที่ประตูเมืองให้ความเคารพจนไม่กล้าค้นตัวแต่อย่างใด เพียงปล่อยให้พวกเขาผ่านไปได้
ทันทีที่เข้าเมืองหลวงแดนมัชฌิม พลันมีเสียงจอแจดังขึ้นรอบข้าง ดูโกลาหลนัก
ลู่หยวนพาเซียวเทียนไปยังพื้นที่ที่คนพลุกพล่านมากที่สุด แดนมัชฌิมคือสถานที่เชื่อมโยงสี่อาณาจักร ผู้ฝึกยุทธ์จากหลากหลายดินแดนจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ต่อให้เป็นร้านขนาดเล็กที่หลอมอาวุธอยู่ริมถนน ก็ยังมองเห็นมีดสั้นที่มีคุณลักษณะพิเศษของหุบเขาบูรพาสำแดงอยู่ เช่นเดียวกับง้าวยาวที่ถูกสลักด้วยลวดลายวิจิตรของแดนเหนือ
เซียวเทียนควรค่าแก่การเป็นบุตรแห่งโชคชะตาจริง ๆ แผงลอยธรรมดาตามทางเหล่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีคัมภีร์ระดับราชันหนึ่งเล่มกับอาวุธระดับราชันสามชิ้นปรากฏขึ้น
คุณชายเซียวซื้อมันมาด้วยราคาต่ำ แต่คุณชายลู่ไม่เหลียวแลแม้แต่น้อย ของพวกนี้ล้วนเป็นขยะสำหรับเขา
ขณะทั้งสองเดินไปตามถนน ทันใดนั้น ฝีก้าวของเซียวเทียนก็หยุดลง ทำให้ลู่หยวนชำเลืองสายตามองตาม คิดว่าอีกฝ่ายเลี้ยวผิดทางหรือ แต่เขาเห็นว่าเซียวเทียนมองแผงลอยริมถนนแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักด้วยความสนอกสนใจเป็นพิเศษ
แผงลอยดังกล่าวมีผู้ฝึกยุทธ์ในชุดสีดำอยู่ บนแผงลอยนั่นมีเพียงกระเบื้องสีดำแผ่นเดียวเท่านั้น มีป้ายตั้งอยู่ด้านข้างเขียนไว้ว่า ‘สามารถแลกเปลี่ยนอาวุธระดับราชันได้’