ตอนที่ 152 จิตใจที่ซับซ้อนของตระกูลสงคราม (1)
มือของมั่วเชียนเสวี่ยที่จับมือซูชีอยู่ ยกขึ้นจะจับใบหน้าของเขาโดยไม่อาจหักห้ามใจ ไม่ได้! ทำเช่นนี้ไม่ได้! ภายในใจมีเสียงนี้ร้องตะโกนขึ้นมา มือของนางหยุดลงกลางอากาศ นางคล้ายจะมีสติเล็กน้อย
มืออีกข้างหนึ่งจับปิ่น นางยกมือขึ้นอย่างไม่ลังเล หมายจะแทงมือที่ไม่เชื่อฟัง
การเคลื่อนไหวรุนแรงเช่นนี้ ซูชีจะไม่รู้ได้อย่างไร เขาหันกลับไปหานาง แย่งปิ่นอันนั้นกลับมา หรี่ตาลงขมวดคิ้วเป็นปม หรือว่านางอาศัยปิ่นอันนี้ จึงช่วยให้นางปีนออกจากหน้าต่างนั่นได้
มองแผลบนคอเสื้อ เห็นชัดว่านางแทงตนเอง ที่แผลยังมีเลือดไหลซิบๆ ผิวขาวบริสุทธิ์แดงเพราะความร้อนที่ปะทุขึ้นมา ทำให้เลือดที่ไหลซิบนั่นยิ่งยั่วยวนเข้าไปใหญ่ ทำให้ตอนนี้ซูชีอยากจะก้มหน้าลง แล้วเลียเลือดนั่นให้สะอาด ทำให้…ภายในร่างกายของซูชีร้อนรุ่ม เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เขาเองก็ดื่มน้ำที่คล้ายกัน เพียงแต่เขาใช้พลังปราณกดมันเอาไว้เท่านั้น
เดิมทีเขาคิดอยากจะกลับไปแล้วค่อยเค้นมันออกมาจากร่างกาย ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดเริ่มแผ่ซ่านในร่างกายของเขาแล้ว ความปรารถนาที่โง่เขลา อีกทั้งคนในอ้อมกอดยังเป็นสตรีในใจตน…แม้จะเป็นบุรุษอกสามศอกก็ไม่อาจต้านทานได้
แต่ เขาซูชีไม่ใช่บุรุษอกสามศอกทั่วไป เขาคือซูชี! ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่มีวันทำร้ายสตรีในอ้อมกอด
ซูชีแย่งปิ่นกลับมา เขาไม่ให้มั่วเชียนเสวี่ยทำร้ายตนเอง ทว่ากลับใช้ปิ่นนั่นกรีดแขนของตน
มั่วเชียนเสวี่ยถูกซูชีแย่งปิ่นไป นางถอนมือกลับมา มือซ้ายจับมือขวาแทบตาย มือขวาเองก็จับมือซ้ายแทบตาย ความพลุ่งพล่านในร่างกายปะทุขึ้นมาอีกครั้ง นางทำได้เพียงกัดริมฝีปากตนเองแน่น อดกลั้นความคิดบุ่มบ่าม ตอนนี้นางไม่มีแม้กระทั่งความกล้าที่จะผลักซูชีออก นางกลัว…นางกลัวว่าเมื่อลงมือ จะไม่ใช่ผลัก แต่กลับกลายเป็นกอด… อีกอย่าง นางรู้แล้ว ตอนนี้อยู่บนรถม้า แม้จะผลักซูชีทิ้ง นางก็ไม่อาจอยู่ห่างจากเขาเท่าใดนัก เกรงว่า จะทรมานยิ่งกว่า
ในที่สุดสายตาของซูชีก็เบนไปจากเลือดบนกระดูกไหปลาร้า ทว่ากลับเห็นริมฝีปากแดงกำลังเม้มกัดจนมีรอยเลือด
ซูชีรับรู้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ ทว่ารถม้ากลับจอดลง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ซูชีร้อนใจยิ่งนัก
“รถติดขอรับ” อาจ้าวที่ขับรถม้าอยู่ด้านหน้าพูด
วันนี้คือเทศกาลโคมไฟ บนท้องถนนย่อมมีคนพลุกพล่าน หากเป็นตอนปกติไม่มีเรื่องอะไร รออยู่ในรถม้า งีบครู่หนึ่งก็ผ่านไปแล้ว
แต่ว่า ตอนนี้เป็นเวลาสำคัญ จะรอได้อย่างไร
“ตีม้าแล้วฝ่าไป ผู้ใดขวาง ก็ชนเสีย!”
“ขอรับ”
แม้อาจ้าวจะแปลกใจกับคำสั่งของนาย แต่ก็ปฏิบัติตามคำสั่ง
เจ้านายเป็นคนถ่อมตัวมาโดยตลอด ไม่เคยใช้ภูมิหลังของตระกูลซูมาโอ้อวด แต่เพื่อสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดเมื่อครู่ เจ้านายกลับทำลายกฎของตนเองอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ บนท้องถนน รถม้าวิลิศมาหราพุ่งตัวไปด้านหน้า ฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ต่างหลีกทางให้ มีบางคนหลบไม่ทัน ถูกรถม้าเฉี่ยวถูกรถม้าเกี่ยว โชคดีที่สารถีคนนั้นขับรถม้าเก่งมาก แม้จะเฉี่ยวชนบ้าง ทว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ริมฝีปากของมั่วเชียนเสวี่ยที่เม้มกัดแน่น เริ่มคลายลงช้าๆ สติของนางเลือนรางแล้ว
ความสะลึมสะลือนี้มาพร้อมเพลิงไฟชั่วร้ายในร่างกายแผดเผามั่วเชียนเสวี่ยจนถึงขั้นสุดแล้ว ภายในใจของนาง ความคิดของนาง ตอนนี้เหลือเพียงสองคำเท่านั้น ‘บุรุษ!’
ซูชีที่อยู่ตรงหน้า ในสายตาของนางแปรเปลี่ยนเป็นหนิงเซ่าชิงแล้ว
มือซ้ายได้ปล่อยมือขวาที่อยู่ไม่นิ่งแล้ว มือขวาที่ใคร่อยากจะขัดขวางมือซ้ายก็หายไป
มือซ้ายใกล้จะสัมผัสใบหน้าของซูชีแล้ว ขณะที่หัวใจของซูชีเต้นแรง แต่ก็ยังคงจับมือที่อยู่ไม่นิ่งนั่น ยัดมือเข้าไปในผ้าคลุม
ร้อน!
แม้จะขวางกั้นด้วยผิวหนังสองชั้น ทว่าซูชีสัมผัสได้ถึงเส้นเลือดที่ร้อนผ่าวจนน่าตกใจจากนิ้วของนาง เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดคล้ายกำลังจะเดือดพล่าน เป็นอุณหภูมิร้อนผ่าวที่เกินกว่าคนทั่วไปสามารถรับได้!
ในสถานการณ์เช่นนี้ยังสามารถอดทนถึงตอนนี้ได้ ซูชีอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าความอดทนของมั่วเชียนเสวี่ยช่างน่าตกตะลึง คิดถึงข้อนี้ เขาขมวดคิ้วเป็นปมทันที ความโมโหในดวงตาหงส์คุกรุ่นยิ่งกว่าเดิม คนที่วางยานาง เขาไม่มีวันปล่อยไปเด็ดขาด!
ความร้อนจากมือแผ่ซ่านไปฝ่ามือ จากนั้นร้อนไปถึงหัวใจ หน้าอกของมั่วเชียนเสวี่ยกระเพื่อมขึ้นลงเพราะลมหายใจที่ไม่คงที่ เป็นภาพที่ชวนหลงใหล ซูชีเลียริมฝีปาก รู้สึกคอแห้งจนปวด
เห็นว่ามือถูกพันธนาการเอาไว้ มั่วเชียนเสวี่ยเจ็บใจยิ่งนัก ขณะที่นางหายใจหืดหอบ มืออีกข้างหน้าจับแผงอกของซูชี…
ซูชี ประหม่าขึ้นมาทันที หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะทำอย่างไร
แน่นอนว่าเขาสามารถย้ายมือของนางออกไปได้ แต่ว่า มืออีกข้างหนึ่งของเขากำหมัดแน่น เขากลัว เขากลัวว่าเมื่อลงมือ ก็จะไม่อาจแกะมือนางออกไป
ริมฝีปากแดงระเรื่อกระโจนเข้ามา อดทนมานานขนาดนี้แล้ว ซูชีตกตะลึงในทันที
ความอดทนที่สร้างมานาน ในที่สุดก็จะแตกสลายแล้ว
เขาก้มหน้าลงช้าๆ…
แม้จะเป็นสตรีที่มีสามี แล้วอย่างไรเล่า เขาจะแต่งงานกับนาง จะมอบความสุขให้นาง ทำทุกอย่างเพื่อให้นางมีรอยยิ้ม…
เขาจะไม่มีวันปล่อยให้นางเสียใจ เขาจะ…
ริมฝีปากทั้งคู่กำลังจะประสานเข้าด้วยกัน…
ริมฝีปากของมั่วเชียนเสวี่ยเผยอเล็กน้อย พูดพึมพำ “เซ่าชิง…เซ่าชิง…รีบมาช่วยข้า…”
ถ้อยคำเหล่านี้ดั่งศิลาสวรรค์ที่โจมตีจิตใจของซูชี ปวดร้าวจนซูชีสูดลมหายใจเข้าลึก ชั่วขณะหนึ่งมีสติขึ้นมาไม่น้อย ในใจของนางมีเพียงสามีเท่านั้น เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร…
เขาไม่ควรฉวยโอกาสตอนที่นางอ่อนแอ แม้ในใจของนางจะไม่มีเขา เขาก็ไม่อยากให้นางเกลียดเขา
ซูชีหยุดการกระทำ นั่งเหยียดตัวตรง เงยหน้าขึ้น เพียงชั่วขณะหนึ่ง มือร้อนผ่าวของมั่วเชียนเสวี่ยยื่นไปยังคอเสื้อของเขาแล้ว ซูชีรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ ภายในร่างกายของเขาว้าวุ่นไปหมดแล้ว ตัดสินใจด้วยความยากลำบาก
เขาใช้ปิ่นอันนั้นกรีดแขนของตนเองจนเป็นแผล มีเลือดไหลออกมาในทันที ทว่าซูชีกลับไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะปรายตามองบาดแผล แค่เพียงเก็บปิ่นเข้าไปในแขนเสื้อ ตรงแผงอกของเขา
ปิ่นอันนั้นมีเลือดของนาง และมีเลือดของเขา ชีวิตนี้ไม่อาจครองรักกับนางจนแก่เฒ่า เช่นนั้นให้ปิ่นนี้อยู่กับเขาก็แล้วกัน
มั่วเชียนเสวี่ยยังคงร้องเรียกเซ่าชิงอย่างไม่รู้ตัว ร้องบอกว่าร้อน พูดประมาณว่าให้เขาเติมเต็มความใคร่ให้นาง ดีดดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของซูชีไม่หยุด อยากจะสะบัดผ้าคลุมออกอยู่ร่ำไป อยากจะถอดอาภรณ์ของตนอยู่ร่ำไป ล้วนถูกซูชีปรามด้วยความอดทน
ในที่สุดรถม้าก็หยุดลง อาจ้าวกระโดดลงจากรถม้า “คุณชาย ถึงแล้วขอรับ”
ซูชีอุ้มมั่วเชียนเสวี่ยเข้าไปในประตูหลังของไป๋อวิ๋นจวี เดินไปพร้อมสั่งบ่าวรับใช้สองเรื่อง
“ไปยังจวนเจี่ยน บอกสารถีของหนิงเหนียงจื่อ ให้ไปบอกอาจารย์หนิงให้มารับภรรยาเขาที่ไป๋อวิ๋นจวี”
“ไปยกน้ำเย็นมา ส่งมาที่ห้องหนังสือ”
ซูชีออกคำสั่งอาจ้าวสองประโยค แล้วอุ้มมั่วเชียนเสวี่ยทะยานขึ้นไปเข้าในห้องหนังสือ
อาจ้าวเหลือบมองนายของตนทะยานตัวขึ้นไป ชายเสื้อของเขายังคงเป็นเหมือนที่ผ่านมา