ตระกูล​หวง​จะ​มา​วาง​ของหมั้น​เล็ก​ที่​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ใน​อีก​สาม​วันข้างหน้า

บ้าน​สาม​ให้​เวลา​บ้าน​รอง​สอง​วัน​ใน​การ​มา​จ่าย​เงิน​ ​ความหมาย​โดยนัย​ก็​คือ​ ​ถ้า​เจ้า​ไม่​นำ​เงิน​มา​ให้​ ​ถึง​เวลา​ตอนที่​คน​ของ​ตระกูล​หวง​มา​วาง​ของหมั้น​เล็ก​ ​ก็​อย่า​คิด​จะ​ได้​อยู่​อย่างสงบ​เลย

หวัง​ซี​หัวเราะ​ร่า​ ​กล่าวว่า​ ​“​นาย​หญิง​สาม​เอง​ก็​เป็น​คนที​่​สอน​ได้​ผู้​หนึ่ง​!​”

“​จริง​เจ้าค่ะ​!​”​ ​หวังห​มัว​มัว​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​“​ก่อนหน้านี้​อาจ​เป็น​เพราะ​มีเรื่อง​ให้​ต้อง​ระมัดระวัง​ ​เพราะ​สุดท้าย​แล้วยัง​ต้อง​อาศัย​กินข้าว​ของ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​อยู่​”

หวัง​ซีพ​ยัก​หน้า​ ​ไปหาฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ที่​เรือน

ขมับ​ทั้งสอง​ข้าง​ของฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​แปะ​แผ่น​บรรเทา​ปวด​เอาไว้​ ​นอน​ป่วย​อยู่​บน​เตียง​ ​เมื่อ​เห็น​หวัง​ซี​ ​ก็​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​มาซับ​หาง​ตา​ ​พลาง​กล่าว​ ​“​ชีวิต​ข้า​ช่าง​รันทด​เสีย​จริง​ ​สมัย​สาว​ๆ​ ​ต้อง​ทน​รับ​การ​โขกสับ​ของ​ท่าน​โหว​ผู้เฒ่า​ ​แก่ตัว​ลง​แล้ว​ ​คิด​ว่า​จะ​ได้​ใช้ชีวิต​วัยชรา​อย่างสงบ​สุข​ ​ทว่า​กลับ​ต้อง​มาร​อง​รับ​อารมณ์​ของ​คน​รุ่น​เด็ก​อีก​ ​นี่​ข้ามี​ชีวิต​เช่นไร​กัน​แน่​!​”

หวัง​ซี​อยาก​พูด​สัก​ประโยค​เหลือเกิน​ว่า​ ​นี่​มิใช่​สิ่ง​ที่​ท่าน​สรรหา​มา​เอง​หรอก​หรือ​ ​แต่​เมื่อ​ตรึกตรอง​ว่านาง​เป็น​ผู้อาวุโส​ของ​ตัวเอง​ ​กลัว​ว่า​หาก​ตน​พูด​ถ้อยคำ​นี้​ออก​ไป​แล้ว​ทำให้ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​โกรธ​จน​เป็นลม​เป็น​แล้ง​ไป​คง​ยุ่งยาก​แน่​ ​จึง​อดกลั้น​เอาไว้​ ​สุดท้าย​ก็​ไม่ได้​พูด​ออก​ไป​ ​ทำ​แค่​ริน​น้ำชา​ให้ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ด้วยตัวเอง​ถ้วย​หนึ่ง​เท่านั้น

ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​รู้​ว่า​หวัง​ซีกำ​ลัง​ตำหนิ​ที่​ตน​ไม่​ออกหน้า​ให้​ฉัง​เคอ​ ​จึง​กล่าว​อธิบาย​ว่า​ ​“​ข้า​เอง​ก็​รู้ดี​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่เหมาะสม​ ​แต่​เรื่อง​มาถึง​ขั้น​นี้​แล้ว​ ​ข้า​คง​ไม่​อาจ​สนใจ​แต่​นาง​ผู้เดียว​หรอก​กระมัง​ ​ตระกูล​หวง​เป็น​คู่​หมาย​ที่​ดี​คน​หนึ่ง​ ​ได้​แต่ง​หนึ่ง​คน​ ​ย่อม​ดีกว่า​งานแต่ง​ล้ม​ไม่เป็นท่า​กัน​หมด​ทั้งสอง​คน​กระมัง​”

หวัง​ซีค​ร้าน​จะ​พูด​เรื่อง​พวก​นี้​กับ​นาง​ ​ยิ้ม​กล่าวว่า​ ​“​พรุ่งนี้​ท่าน​หมอเฝิง​จะ​เดินทาง​กลับ​สู่​จง​แล้ว​ ​ข้ามี​ของ​บางอย่าง​อยาก​ให้​เขา​ช่วย​เอา​กลับ​สู่​จง​ไป​ด้วย​ ​วันที่​ตระกูล​หวง​มา​วาง​ของหมั้น​เล็ก​ ​ข้า​คง​ไม่ได้​ไปร​่วม​ชม​พิธี​แล้ว​”

ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​คิดไม่ถึง​ว่า​หวัง​ซีจะ​มีท​่า​ที​แข็งกร้าว​เช่นนี้​ ​พยายาม​กล่าวว่า​ ​“​วัน​มะรืน​ตระกูล​หวง​ถึง​จะ​มา​วาง​ของหมั้น​ ​แต่​พรุ่งนี้​ท่าน​หมอเฝิ​งก​็​ไป​…​”

หวัง​ซีก​ล่าว​ตัดบท​คำพูด​ของฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ว่า​ ​“​หลังจากที่​ท่าน​หมอเฝิง​ไป​แล้ว​ ​ได้​มอบหมาย​ให้​หลง​จู๊​ใหญ่​ช่วยดูแล​ร้าน​ ​เมื่อ​หลง​จู๊​ใหญ่​รับ​ร้านค้า​มาดู​แล​ ​ทั้ง​เรื่อง​ห้องเก็บของ​เอย​ ​เรื่อง​หน้า​ร้าน​เอย​ ​ล้วน​ต้อง​ตรวจสอบ​ความถูกต้อง​ทั้งหมด​ ​หลง​จู๊​ใหญ่​จึง​ให้​ข้า​ไป​เป็น​คนกลาง​ให้​”

นี่​เป็น​คำกล่าวอ้าง​ที่​ชัดเจน​มาก​ว่า​เป็น​เพียงแค่​ข้ออ้าง

คน​ทำการค้า​บ้าน​ใด​รับ​งาน​หลังจากที่​คน​จากไป​แล้วกัน​?

แต่ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​กลับ​ฟัง​ความหมาย​ไม่​ออก​ ​ครุ่นคิด​แล้วยัง​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็​สมควร​แล้ว​ ​ร้านขายยา​เพื่อม​วล​ชน​ของ​ท่าน​หมอเฝิง​ใหญ่​มาก​ ​หลาย​ปี​มานี​้​ก็​พอ​จะ​มีชื่อเสียง​ใน​จิง​เฉิง​ ​หาก​พวก​เจ้า​รับ​ร้าน​นี้​มาดู​แลต​่อ​ได้​ก็ดี​แล้ว​”

ยัง​มี​ประโยค​หนึ่ง​ที่นาง​ไม่ได้​พูด​ออกมา

นาง​คิด​อยู่​ใน​ใจ​ว่า​ ​หวัง​ซี​ต้อง​ได้​แต่งงาน​มา​อยู่​จิง​เฉิง​อย่างแน่นอน​ ​คน​ตระกูล​หวัง​อยู่​ไกล​จาก​ที่นี่​มาก​โข​ ​พื้นที่​โดยรอบ​จิง​เฉิง​นี้​หาก​มิใช่​พระราชวัง​ก็​ถูก​ครอบครอง​โดย​ตระกูล​ชั้นสูง​บางส่วน​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​ ​น้อย​นัก​ที่จะ​มี​ร้านค้า​หรือ​ที่ดิน​มา​เสนอขาย​ ​สิน​เจ้าสาว​ของ​หวัง​ซีจึ​งก​ลาย​เป็นปัญหา​ใหญ่​ข้อ​หนึ่ง​ ​ถ้าหาก​ถึง​เวลา​เอา​ร้านขายยา​เพื่อม​วล​ชนมา​ทำเป็น​สิน​เจ้าสาว​ของ​หวัง​ซี​ได้​ ​ตอน​ออกเรือน​หวัง​ซีก​็​ยิ่ง​มีเกียรติ​แล้ว

นาง​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​นาง​ต้อง​ให้​คน​นำ​จดหมาย​ไป​แจ้ง​มารดา​ของ​หวัง​ซีสัก​ฉบับ​หนึ่ง​ ​ให้​มารดา​ของ​หวัง​ซี​วางแผน​เผื่อ​หวัง​ซี​เอาไว้​ถึง​จะ​ถูก​ ​เด็กสาว​ที่​ไม่รู้​เรื่อง​อะไร​อย่าง​หวัง​ซี​ ​ไม่ต้อง​พูด​กับ​นาง​ให้​มากความ​ดีกว่า

กระทั่ง​หวัง​ซีก​ลับ​ถึง​สวน​ร่ม​หลิว​ ​ฉัง​เคอ​ก็​รอนา​งอยู​่​ตรง​ชานเรือน​ของ​นาง​แล้ว

เมื่อ​เห็น​นาง​ ​ฉัง​เคอ​รีบ​ก้าว​ออกมา​ต้อนรับ​ ​ดวง​หน้า​เผย​รอยยิ้ม​บาง​ออกมา​ ​กล่าวว่า​ ​“ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​รับปาก​ว่า​จะ​ชดเชย​ให้​พวก​ข้า​แล้ว​ ​เจ้า​น่าจะ​ทราบ​เรื่อง​แล้ว​กระมัง​”

“​ข้า​รู้เรื่อง​แล้ว​!​”​ ​หวัง​ซีกั​บนาง​ไป​นั่ง​ใต้​ซุ้ม​องุ่น​ใน​ลานบ้าน​ ​ไป๋​กั่ว​ตั้ง​น้ำชา​และ​ของว่าง​ให้​พวก​นาง​ด้วยตัวเอง​เสร็จ​แล้ว​ ​นาง​ถึง​ได้​กล่าวว่า​ ​“​เงิน​สอง​พัน​ตำลึง​ของ​นาย​หญิง​รอง​ก้อน​นั้น​คง​ไม่มีปัญหา​อะไร​หรอก​กระมัง​”

ฉัง​เคอ​ไม่ใส่ใจ​นัก​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​กลับ​รู้สึก​ว่าการ​ที่ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​สัญญา​ว่า​จะ​ส่ง​ค่า​เข้าเรียน​ให้​น้องชาย​ของ​ข้า​เป็นเรื่อง​สำคัญ​กว่า​ ​ท่าน​แม่​กับ​ท่าน​พ่อ​ของ​ข้า​อยาก​ส่ง​น้องชาย​ไป​เรียน​ที่​สำนัก​ศึกษา​ซาน​เว​่ย​ซึ่ง​เป็น​สำนัก​ศึกษา​ที่​ดีที​่​สุด​ของ​จิง​เฉิง​มานาน​แล้ว​ ​แต่​ที่นั่น​นอกจาก​ค่า​เข้าเรียน​จะ​แพง​มาก​แล้ว​ ​ยัง​ต้อง​มี​คนแนะนำ​ให้​ด้วย​ ​ประจวบเหมาะ​กับ​ที่เกิด​เรื่อง​ของ​บ้าน​รอง​ขึ้น​พอดี​ ​บิดา​ของ​ข้า​จึง​ไป​ขอ​ท่าน​ลุง​ใหญ่​ ​ท่าน​ลุง​ใหญ่​รับปาก​ว่า​จะ​แนะนำ​น้องชาย​ของ​ข้า​ไป​เรียนหนังสือ​ที่นั่น​ให้​ ​ข้า​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​ดีกว่า​อะไร​ทั้งหมด​!​”

หวัง​ซี​หันไป​ยกนิ้ว​โป้ง​ให้​ฉัง​เคอ​ ​กล่าวว่า​ ​“​ให้​ปลา​ไม่​สู้​สอน​คน​จับ​ปลา​ ​นี่​เป็น​ของ​ชดเชย​ที่​ดีที​่​สุด​จริงๆ​”

ฉัง​เคอ​เห็น​นาง​เห็นชอบ​ด้วย​ ​ก็​หัวเราะ​อย่าง​เป็นสุข​ออกมา​ ​กล่าวว่า​ ​“​ก็ดี​เหมือนกัน​ ​เช่นนี้​ก็​ถือได้ว่า​พวก​ข้า​กับ​บ้าน​รอง​มีปัญหา​กัน​อย่างเปิดเผย​แล้ว​ ​บิดา​มารดา​ของ​ข้า​จะ​ได้​ดูท่า​ที​ของ​ท่าน​ลุง​ใหญ่​กับ​ท่าน​ป้า​สะใภ้​ใหญ่​ด้วย​พอดี​ ​จะ​ได้​วางแผน​เพื่อ​พวก​ข้ามาก​ขึ้น​ ​พวก​ข้ามี​ชีวิต​ที่​ดี​ ​ต่อไป​ถึง​จะ​รับ​พวกเขา​ออกจาก​จวน​ไป​ใช้ชีวิต​ยาม​แก่เฒ่า​ข้างนอก​ได้​”

หวัง​ซีพ​ยัก​หน้า​หงึกๆ​ ​เห็น​ฉัง​เคอ​อารมณ์ดี​ ​จึง​ชวน​นาง​ไป​เป็น​แขก​ที่​สะพาน​ศิลา​ขาว​พร้อมกับ​ตน

ฉัง​เคอ​ค่อนข้าง​ประหลาดใจ

หวัง​ซียิ​้ม​พลาง​เล่า​คำกล่าวอ้าง​ที่​ตน​พูด​ต่อหน้าฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ให้​นาง​ฟัง​ ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​อีกว่า​ ​“​เจ้า​คง​ไม่​คิด​ว่า​ข้า​จะ​ไป​เป็น​คนกลาง​ที่​ร้านขายยา​เพื่อม​วล​ชน​จริงๆ​ ​หรอก​กระมัง​ ​แต่​ถ้า​เพื่อให้​ตระกูล​หวง​มา​วาง​ของหมั้น​เล็ก​ ​วันนั้น​พวกเรา​จึง​ไป​อยู่​ข้างนอก​ทั้งวัน​เหมือนว่า​วลอย​ท้า​ลม​อยู่​บน​ท้องฟ้า​อย่างไร​้​จุดหมาย​ ​เช่นนั้น​ก็​ดูจะ​ให้​หน้า​พวกเขา​มากเกินไป​ ​และ​ดู​น่าเวทนา​เกินไป​สักหน่อย​ ​แน่นอน​ว่าการ​ไป​สะพาน​ศิลา​ขาว​คือ​การ​ไปรีด​ไถ​ใต้เท้า​เฉิน​ ​เขา​ยัง​ติดหนี้​มื้อ​อาหาร​ข้า​อยู่​อีก​หนึ่ง​มื้อ​!​”

หลาย​วันนี้​ฉัง​เคอ​ถูก​ทำร้าย​มามาก​จริงๆ​ ​เมื่อ​นึกถึง​ตัว​นุ่มนิ่ม​ของ​อา​หลี​ ​นาง​อดใจ​เต้น​ไม่ได้​ ​แล้วก็​นึกถึง​ความ​ภูมิ​อก​ภูมิใจ​ของ​ฉัง​เหยี​ยน​ใน​วันนั้น​ ​นาง​จึง​กล่าว​อย่าง​ช่วยไม่ได้​ว่า​ ​“​ได้​!​ ​วันนั้น​พวกเรา​ไป​กินข้าว​อร่อย​ๆ​ ​ที่​สะพาน​ศิลา​ขาว​กัน​ ​แต่​ไม่​อาจ​ตามใจ​เจ้า​ไป​กิน​อาหาร​ไหว​หยาง​อะไร​นั่น​อีก​ก็​พอ​ ​ครั้งนี้​ข้า​อยาก​สั่ง​ไก่​ชั้นหนึ่ง​ ​เนื้อ​ลานึ​่ง​ ​ปลา​จวด​เล็ก​ทอด​กรอบ​ ​ไหล่​หมู​ตุ๋น​นำโชค​…​”

“​หยุด​ก่อน​ ​หยุด​ก่อน​!​”​ ​หวัง​ซีก​ล่าว​หยาม​นาง​ว่า​ ​“​นี่​เจ้า​สั่ง​อะไร​ของ​เจ้า​กัน​!​ ​นอกจาก​แพง​ ​ข้า​ก็​ไม่เห็น​มี​อะไร​พิเศษ​ ​ไม่​ถูก​ ​จะ​ว่า​แพง​ก็​ยัง​แพง​สู้​น้ำแกง​เห็ด​เยื่อ​ไผ่​หนึ่ง​ถ้วย​ไม่ได้​เลย​ ​ตอนนี้​ฤดูกาล​อะไร​ ​เป็น​ฤดูกาล​ที่​มี​เห็ด​ของ​อวิ​๋​นกุ​้ย​วางขาย​ ​จะ​กิน​ก็​ควร​กิน​น้ำแกง​เห็ด​รวมมิตร​ ​โจ๊ก​ปูม้า​ ​หอย​พัด​และ​หอย​เป๋าฮื้อ​จำพวก​นั้น​ ​นี่​เจ้า​กำลัง​สั่งอาหาร​ที่ไหน​กัน​ ​เจ้า​กำลัง​ช่วย​ใต้เท้า​เฉิน​ประหยัด​เงินอยู่​ต่างหาก​ ​แต่​ข้า​ดู​จาก​ลักษณะ​ของ​ใต้เท้า​เฉิน​แล้ว​ ​ไม่น่า​จะ​มีชีวิต​โดย​อาศัย​เบี้ย​รายเดือน​จาก​หลวง​ ​เจ้า​อย่า​ประหยัด​แทน​เขา​เลย​”

ฉัง​เคอ​หัวเราะ​อย่าง​ขัดเขิน

หวัง​ซี​ไป​ช่วย​ฉัง​เคอ​เลือก​เสื้อผ้า​กับ​เครื่องประดับ​ ​หลังจาก​ส่ง​ท่าน​หมอเฝิง​สอง​อาจารย์​ศิษย์​ออกเดินทาง​แล้ว​ ​วัน​ถัดมา​พวก​นาง​ก็​แต่งกาย​อย่าง​งดงาม​ไป​ที่​สะพาน​ศิลา​ขาว

เปรียบเทียบ​กับ​ที่มา​คราวก่อน​แล้ว​วันนี้​ก็​มี​การเปลี่ยนแปลง​อีก​เล็กน้อย​ ​นอกจาก​ชิงช้า​และ​ดอกไม้​ต้นไม้​แล้ว​ ​สะพาน​ศิลา​ขาว​ยัง​มี​ปลา​กับ​นก​เพิ่ม​เข้ามา​ด้วย

เข้า​ประตู​มาก​็​ได้ยิน​นกแก้ว​ตัว​นั้น​กำลัง​ส่งเสียง​ร้อง​ว่า​ ​“​มี​แขก​มา​ ​มี​แขก​มา​”

ช่วย​ให้​บรรยากาศ​ดู​มีชีวิตชีวา​ขึ้น​มา​หลาย​ส่วน

อา​หลี​พุ่ง​ออกมา​จาก​ใน​บ้าน​เหมือน​พลุ​ดอก​หนึ่ง​ ​กระโจน​เข้าหา​อ้อมกอด​ของ​ฉัง​เคอ​พร้อมกับ​เรียก​เสียงดัง​ว่า​ ​“​ท่าน​น้า​ฉัง​”

ฉัง​เคอ​อุ้ม​เขา​เอาไว้​หอม​แก้ม​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ​ยัง​ถาม​เขา​เสียง​อบอุ่น​ว่า​ ​“​เจ้า​ทักทาย​ท่าน​น้า​หวัง​หรือยัง​”

อา​หลี​ถึง​ได้​มอง​หวัง​ซี​อย่าง​เอียงอาย​ครั้งหนึ่ง​ ​กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​ท่าน​น้า​หวัง​”

ช่าง​เป็นการ​เลือก​ปฏิบัติ​จริงๆ

เสียแรง​ที่นา​งอุต​ส่าห์​ให้​คนครัว​ทำ​ขนม​อร่อย​ๆ​ ​ให้​เขา​กิน​มาต​ลอด​ ​ครั้งนี้​ก็​ยัง​เอา​ขนม​เปี๊ยะ​พัน​ชั้น​กับ​ขนม​ม้วน​พัน​ชั้น​มา​ให้​เป็น​จำนวนมาก​ด้วย

นาง​จึง​เอา​ขนม​มา​ล่อ​เขา​ ​“​ไม่​พูด​คำพูด​น่าฟัง​สัก​หลาย​ๆ​ ​ประโยค​ ​ไม่​ให้​เจ้า​กิน​ด้วย​”

อา​หลี​มอง​ตา​สลด​ ​ทว่า​ปาก​กลับ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​อาบ​อก​ข้าว​่า​ ​ข้า​โต​แล้ว​ ​เริ่ม​จำ​อักษร​ได้​แล้ว​ ​ไม่​อาจ​ขอ​ของกิน​จาก​ผู้อื่น​ตามใจชอบ​อีก​ ​ข้า​ ​ข้า​จะ​ตั้งใจ​เรียก​ท่าน​ดี​ๆ​ ​แต่​มิใช่​ทำ​เพื่อ​ของกิน​ของ​ท่าน​หรอก​นะ​ขอรับ​”

ท่าทาง​ดู​ไม่จริงใจ​เลย​แม้แต่​นิดเดียว

หวัง​ซี​หัวเราะ​เสียงดัง​ ​รู้สึก​ว่าการ​มาสะ​พาน​ศิลา​ขาว​เป็นเรื่อง​ถูกต้อง​แล้ว​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​ฉัง​เคอ​ ​แม้แต่​นาง​ยัง​เบิกบานใจ​ตาม​ขึ้น​มาด​้วย

หลิวจ​้​งอ​้​อม​ป้าย​ศิลา​เดิน​ยิ้ม​ออกมา​ ​กล่าวว่า​ ​“​คุณหนู​ทั้งสอง​ท่าน​ตามใจ​อา​หลี​จน​จะ​เสียคน​แล้ว​ ​ตั้งแต่​เขา​ได้ยิน​ว่า​พวก​เจ้า​จะ​มาก​็​ตั้งตารอ​มาต​ลอด​!​ ​อา​หลี​ ​เจ้า​ลงมา​เดิน​ด้วยตัวเอง​ ​คุณหนู​ฉัง​นั่ง​รถม้า​มา​เหนื่อย​ๆ​ ​เจ้า​อย่า​ทำให้​นาง​เหนื่อย​เพิ่ม​”

อา​หลี​ไถล​ลงมา​จาก​อ้อมอก​ของ​ฉัง​เคอ​อย่าง​เชื่อฟัง

ตอนที่​หลิวจ​้​งอบ​รม​อา​หลี​นั้น​ฉัง​เคอ​ไม่​กล่าว​ขัด​ ​ยิ้ม​พร้อมกับ​ปล่อย​ให้​เขา​ไถล​ลง​ไป​ ​ลูบ​ผม​อา​หลี​เบา​ๆ​ ​เดินตาม​หลิวจ​้ง​เข้าไป​ใน​บ้าน

หวัง​ซี​มอง​ซ้าย​มอง​ขวา​ ​เอ่ย​ถาม​ว่า​ ​“​ใต้เท้า​เฉิน​เล่า​?​ ​วันนี้​เขา​เชิญ​แขก​ ​เหตุใด​เจ้าบ้าน​ถึง​ไม่อยู่​”

หลิวจ​้ง​จึง​มอง​หวัง​ซีค​รั้ง​หนึ่ง​ ​กล่าวว่า​ ​“​ใต้เท้า​เฉิน​ไป​ไปหา​ปูม้า​ที่​ท่าน​สั่ง​”

น้ำเสียง​นั่น​ ​คล้าย​กับ​ว่านา​งกำ​ลัง​สร้าง​ความลำบาก​ให้​เฉินลั​่​วอ​ยู่​ก็​ไม่​ปาน​ ​ทำให้​หวัง​ซี​อด​ตั้งคำถาม​กับ​ตัวเอง​ไม่ได้​ว่านาง​เห็น​ของ​ทุกอย่าง​ที่​ตระกูล​หวัง​หามา​ได้​เป็น​ของธรรมดา​เกินไป​หรือไม่​ ​ครั้งนี้​นาง​ขอให้​ท่าน​หมอเฝิง​นำ​วัตถุดิบ​ยาจาก​ทางเหนือ​กลับ​ไป​ให้​ผู้อาวุโส​ที่​บ้าน​เพียง​เล็กน้อย​เท่านั้น​ ​มัน​จะ​ดู​ไม่ใส่ใจ​เกินไป​หรือเปล่า​?

โชคดี​ที่​ไม่นาน​เฉินลั​่​วก​็​กลับมา​ ​ด้านหลัง​ยัง​มี​เว​่ย​ไหว​คนที​่​เคย​เจอ​เมื่อคราว​ก่อน​ตามมา​ด้วย​ ​ใน​มือ​เขา​หอบ​กะละมัง​ไม้​ใบ​หนึ่ง​เอาไว้​ ​เมื่อ​เห็น​หวัง​ซีกับ​ฉัง​เคอ​ก็​อ้า​ปากกว้าง​ด้วย​ความประหลาดใจ​ ​แล้วก็​รีบ​ส่ง​กะละมัง​ไม้​ใน​มือ​ให้​บ่าว​ชาย​ที่​วิ่ง​ออกมา​รับใช้​หลังจาก​ได้ยิน​ความเคลื่อนไหว​ ​หันไป​คารวะ​เฉินลั​่ว​ครั้งหนึ่ง​ ​พลาง​กล่าว​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​กลับ​ก่อน​ ​ท่าน​มี​อะไร​ก็​ให้​คน​ไป​บอก​ข้า​สัก​คำ​ก็​พอ​”

เฉินลั​่ว​ขาน​ ​“​อืม​”​ ​เสียง​หนึ่ง​ ​ให้​เฉิน​อวี​้​ไป​ส่ง​เว​่ย​ไหว​ที่​ประตู

หวัง​ซี​เดิน​ออก​ไปหา​ ​เห็น​ใน​กะละมัง​ไม้​มี​ปูม้า​บรรจุ​เอาไว้​จน​เต็ม​ ​กำลัง​คิด​ว่า​เว​่ย​ไหว​เป็น​คน​ไปหา​ปูม้า​มา​ให้​เขา​หรือเปล่า​ ​เอ่ย​ถาม​ว่า​ ​“​ให้​เขา​กลับ​ไป​เช่นนี้​เลย​หรือ​”

เฉินลั​่​วทำ​หน้า​ดุดัน​ ​กล่าว​อย่าง​ไม่​ค่อย​พอใจ​นัก​ว่า​ ​“​ข้า​หา​ปูม้า​มา​ได้​สอง​กะละมัง​ ​เขา​เอา​ไป​แล้ว​หนึ่ง​กะละมัง​ ​เขา​ยัง​จะ​คิด​อะไร​อีก​”

หวัง​ซี​ขำ

เฉินลั​่ว​มอง​แล้ว​ไม่รู้​เป็น​เพราะเหตุใด​ ​รู้สึก​ใจอ่อน​ยวบ​ ​นอกจาก​ความคับ​อก​คับใจ​ที่​ถูก​ซูถง​ ​ผู้บังคับบัญชา​กองพล​อาชา​หาญ​ซ้าย​ยั่วเย้า​มา​เมื่อ​ครู่​จะ​มลาย​หาย​ไป​ในทันที​แล้ว​ ​ยัง​รู้สึก​กระดากอาย​เล็กน้อย​ด้วย

“​เป็น​เพราะ​พวกเขา​นั้น​ได้รับ​เทียบ​เชิญ​ไป​กินข้าว​จน​ชิน​”​ ​เขา​กล่าว​อธิบาย​ ​“​เห็น​อะไร​ก็​ต้อง​มีส่วน​แบ่ง​สักหน่อย​ ​ไหน​เลย​จะ​ช่วย​เอา​ของ​มาส​่ง​ให้​เจ้า​ด้วย​เจตนา​ดี​ได้​!​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​ไว้หน้า​พวกเขา​มาก​ก็ได้​”

ความรังเกียจ​ที่​ส่งผ่าน​มากั​บถ​้อย​คำ​นี้​ช่าง​เด่นชัด​เกินไป​แล้ว

หวัง​ซี​เม้มปาก​หัวเราะ

เฉินลั​่ว​พรู​ลมหายใจ​ยาว​ออกมา​ครั้งหนึ่ง​ ​รู้สึก​สบายใจ​ขึ้น​มาก​ ​กล่าวว่า​ ​“​เจ้า​วางใจ​เถอะ​ ​ครั้งนี้​ข้า​เชิญ​พ่อครัว​ของ​ซู​โจว​มาทำ​โจ๊ก​ปูม้า​ให้​ ​รับประกัน​ว่า​เชื่อถือได้​มากกว่า​คราวก่อน​อย่างแน่นอน​”

หวัง​ซีก​ล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เจ้า​ไปหา​พ่อครัว​ซู​โจว​มาจาก​ที่ใด​ ​ถือว่า​เอาใจใส่​แล้ว​”

เฉินลั​่ว​หัวเราะ​ไม่ได้​กล่าว​สิ่งใด

คราวก่อน​หลังจาก​หวัง​ซีก​ลับ​ไป​แล้ว​ ​เขา​ไป​ซื้อ​ตัว​พ่อครัว​มาส​อง​สาม​คน​ ​หนึ่ง​ใน​จำนวน​นั้น​ยัง​เชี่ยวชาญ​การ​ทำ​ขนม​ของ​ซู​โจว​เป็นอย่างมาก​อีกด้วย​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​รีบร้อน​บอก​เรื่อง​นี้​แก่​หวัง​ซี​ ​รอตอ​นที​่​นาง​มากิ​นข​้า​วที​่​นี่​คราวหน้า​ ​จะ​ได้​ทำให้​นาง​ประหลาดใจ​ครั้งหนึ่ง

ยิ่ง​คิด​เฉินลั​่​วก​็​ยิ่ง​รู้สึก​อารมณ์ดี​ ​เขา​พูด​เรื่อง​ซือ​จู​กับ​หวัง​ซี​ ​“​กำหนด​ลงมา​เรียบร้อย​แล้ว​ ​หาก​มิใช่​แต่ง​กับ​องค์​ชาย​สาม​นาง​ก็​น่าจะ​ได้​แต่ง​กับ​องค์​ชาย​ห้า​ ​ส่วน​องค์​ชาย​สี่​ ​จะ​แต่ง​กับ​คุณหนู​ต่าง​สกุล​ของ​จวน​เว​่​ยกั​๋​วกง​ ​อีก​ไม่​กี่​วัน​ก็​น่าจะ​มี​ราชโองการ​ประกาศ​ออกมา​”

“​คุณหนู​ต่าง​สกุล​ของ​จวน​เว​่​ยกั​๋​วกง​?​”​ ​หวัง​ซีพ​ยายาม​ค้น​เรื่อง​ของ​เว​่​ยกั​๋​วกง​จาก​ความทรงจำ

จวน​เว​่​ยกั​๋​วก​งคือ​หนึ่ง​ใน​ตระกูล​ที่อยู่​ใน​กองบัญชาการ​ทหาร​ทั้ง​ห้า

แต่​เว​่​ยกั​๋​วกง​ผู้​นี้​แตกต่าง​จาก​ผู้บังคับบัญชา​กองบัญชาการ​ท่าน​อื่นๆ​ ​เมื่อนานมาแล้ว​เขา​ได้รับบาดเจ็บ​จาก​การจลาจล​เผ่า​เหมียว​ที่​ผิง​ติ้ง​ ​พัก​รักษาตัว​อยู่​ที่​บ้าน​มาตั​้ง​แต่​สมัย​ที่​ฮ่องเต้​พระองค์​ก่อน​ยัง​ครอง​บัลลังก์​ ​ไม่ได้​สนใจ​เรื่อง​ใน​ราชสำนัก​มานาน​แล้ว​ ​แต่​บรรดาศักดิ์​ของ​เขา​ยังอยู่​ ​ฮ่องเต้​เอง​ก็​ไม่​อาจ​เพิกถอน​ตำแหน่ง​ผู้บังคับบัญชา​กองบัญชาการ​ทหาร​ทั้ง​ห้า​ของ​เขา​ออก​ไป​ได้

เขา​มีบุ​ตร​ชาย​และ​บุตรสาว​เพียง​อย่าง​ละ​หนึ่ง​คน​ ​หลังจากที่​บุตรชาย​ป่วย​เสียชีวิต​ ​เขา​ไม่​อยาก​ให้​บุตรสาว​ต้อง​เป็นทุกข์​ ​จึง​ไม่ได้​รับ​บุตรธรรม​จาก​คนใน​ตระกูล​มา​เป็น​ผู้สืบทอด​ ​บอกว่า​รอ​ให้​วันใด​ที่​เขา​ใกล้​ตาย​ ​จะ​ยื่น​ฎีกา​ขึ้นไป​ให้​ราชสำนัก​และ​ฮ่องเต้​เป็น​ผู้ตัดสินใจ​เอง

ฮ่องเต้​พระองค์​ก่อน​กับ​ฮ่องเต้​พระองค์​ปัจจุบัน​ต่าง​รับ​น้ำใจ​ของ​เขา​ไว้

คนที​่​ได้รับ​การขนานนาม​ว่า​เป็นคุณ​หนู​ต่าง​สกุล​ของ​จวน​เว​่​ยกั​๋​วกง​ได้​ ​ก็​มี​แค่​บุตร​ที่​ถือกำเนิด​มาจาก​บุตรสาว​ของ​เว​่​ยกั​๋​วก​งค​นที​่​แต่ง​เข้า​ตระกูล​ถาน​ที่​สืบทอด​ตำแหน่ง​ผู้บังคับบัญชา​กองพล​มาจาก​บรรพบุรุษ​ท่าน​นั้นแล​้ว

…………………………………………………………………

ตอนต่อไป