โลกของอันหรันเปลี่ยนเป็นสีดำฉับพลัน เธอรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ร่างกายของเธอพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการถูกจู่โจมที่ยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นมาจากฮัวเทียนหลัน
จนในที่สุดร่างกายของอันหรันก็ไม่รับรู้ถึงความรู้สึกใดๆ เธอรู้สึกเพียงว่ามีอะไรบางอย่างไหลผ่านเข้ามาในร่างกายของเธออย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าโลกกำลังหมุน และเธอกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ
แต่แล้ว แท่งร้อนนั้นก็ดึงอันหรันกลับจากอาการเป็นลมหมดสติอีกครั้ง
มือที่ชาทั้งสองข้างถูกปล่อยให้เป็นอิสระ หัวใจอันหรันเต้นด้วยความเร็วสุดขีด มือที่ไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างค่อยๆเอื้อมขึ้นมายกหมอนออกจากใบหน้าอย่างช้าๆ
ก่อนที่เธอจะหยิบปลอกหมอนออกจากปาก ก็เหลือบไปเห็นสายตาเย็นชาของฮั่วเทียนหลันที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ
อันหรันใจสั่นรัว เธอพยายามดึงปลอกหมอนออกจากปาก ก่อนพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก : “คุณ คุณชายฮั่วคะ…ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะนะ!”
“ปล่อยเธอไปงั้นเหรอ” ฮัวเทียนหลันราวกับกำลังฟังเรื่องตลก เขาพูดขึ้นเสียงแข็ง : “เธอเป็นภรรยาของฉัน ฉันเอาเธอมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ เธอคิดว่าตำแหน่งภรรยาฮั่วนี่เป็นได้ง่ายๆหรือไง เธอสามารถครองตำแหน่งนี้ต่อไปได้นะ ไม่ต้องหนีไปไหน แต่เงื่อนไขคือ อย่าถูกฉันเอาจนตายไปก่อนละกัน!”
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันพูดจบ เขาก็ออกแรงอ้าขาทั้งสองข้างของอันหรันที่เธอพยายามหนีบไว้ออกอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น เลือดสีแดงสดตรงหน้าก็ทิ่มแทงเข้ามาที่ตาของเขา
เลือดสีแดงสดเปียกชุ่มผ้าปูที่นอนผืนใหญ่ และยังมีบางส่วนที่ไหลออกมาจากตัวของเธอไม่หยุด
เขามองขึ้นไปมองหน้าอันหรัน พบว่าอันหรันกำลังพยายามยกศีรษะขึ้นมามองเขาอย่างยากลำบาก สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและอิดโรย
เธอตัวสั่นเทาพยายามที่จะเอ่ยอะไรบางอย่างขึ้น แต่กลับไม่มีเสียงออกมา
เดิมทีฮั่วเทียนหลันต้องการเพียงทรมานอันหรันเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้
แต่เมื่อเห็นอันหรันอยู่ในสภาพนี้ เขาก็รีบลุกขึ้น ก่อนจะดึงพรมมาคลุมตัวไว้แล้วตรงไปที่ห้องน้ำ
อันหรันยังคงรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่มันไหลออกมาจากร่างกายส่วนล่างของเธอ เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า ตัวเองแต่งงานเข้ามาในบ้านตระกูลฮัวเพียงระยะเวลาสั้นๆ จะต้องมาตกอยู่ในอันตรายจากการนอนตายบนเตียงอย่างนี้หลายต่อหลายครั้ง
เธอทำอะไรผิดนักหนา ทำไมพระเจ้าถึงได้ปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้
เธออยากจะลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง แต่ร่างกายกลับสูญเสียการควบคุม นานสองนาน แต่กลับทำได้แค่เอาผ้าขนหนูมาคลุมส่วนล่างเอาไว้
หลังจากฮั่วเทียนหลันออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นอันหรันนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของเธอขาวซีด ราวกับว่าจะช็อคไปได้ทุกเมื่อ
เขาหัวเราะเยาะ ผู้หญิงคนนี้ยังเสแสร้งไม่หยุด
แสร้งทำเป็นน่าสงสาร คิดจะทำให้เขารู้สึกเห็นใจ ทำให้เขามองเธอใหม่อย่างนั้นเหรอ
แต่น่าเสียดาย เพราะสิ่งที่เธอทำมันโหดร้ายเกินกว่าจะให้อภัยได้ มู่เหว่ยถูกเธอผลักลงไปอย่างแรง ยังดีที่เขายกมือขึ้นมารองใบหน้าไว้ มีเพียงแค่แขนที่หักกับจมูกที่โดนกระแทกเท่านั้น
มิฉะนั้น เขาจะทำให้อันหรันชดใช้ให้ถึงที่สุด
ที่เธอเลือดออกแบบนี้ ก็ถือเป็นการชดใช้เล็กๆน้อยๆก็แล้วกัน!
ฮั่วเทียนหลันสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ ก็เตรียมเดินออกไปจากห้องทันที ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง
ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูออกไป เสียงอ่อนแรงของอันหรันก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง : “คุณชายฮั่ว ได้โปรด ช่วยพาฉันไปส่งที่โรงพยาบาลทีได้ไหม…”
อันหรันรู้สึกว่าในสมองของเธอตอนนี้ว่างเปล่าไปหมด เธอกลัว ถ้าเลือดยังไหลออกมาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ พรุ่งนี้เช้าเธอต้องกลายเป็นศพแน่
แต่สิ่งที่เธอร้องขอ กลับได้รับกลับมาเพียงท่าทีที่ไม่คิดจะแยแสใดๆของฮั่วเทียนหลัน : “อันหรัน มาถึงตรงนี้แล้ว เธอยังจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นน่าสงสารอยู่อีกเหรอ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ต่อไปฉันจะทรมานเธอทุกๆวัน จนกว่าเธอจะไปบอกกับคุณแม่ว่าเธอมันเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ไม่คู่ควรกับฉัน และต้องหย่ากับฉันก่อนเท่านั้น! ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ประตูห้องก็ถูกปิดเสียงดังปัง
อันหรันจ้องมองเพดานสีขาวหม่นด้วยสายตาว่างเปล่า และหัวใจที่ไร้ความรู้สึก
ความเจ็บปวดทางร่างกาย เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดภายในใจเลยสักนิด
เธอทำผิดพลาดตรงไหนกันแน่ ทำไมถึงต้องทุกข์ทรมานมากมายขนาดนี้
เธอคิดมาตลอดว่าความพยายามของเธอ จะสามารถทำให้ฮั่วเทียนหลันเกิดเปลี่ยนใจ
แต่ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเธอนักล่ะ ทำให้เธอเกือบจะได้รับมันมาอยู่แล้ว แต่กลับต้องสูญเสียทุกอย่างไปจนหมดเช่นนี้
อันหรันรู้ว่าเธอไม่สามารถนอนอยู่บนเตียงต่อไปได้ ถ้าเกิดเป็นอย่างนี้ต่อไปเธอจะต้องตายจริงๆอย่างแน่นอน
เธอพยายามอย่างเต็มที่ในการลุกขึ้นจากเตียง สวมใส่เสื้อผ้าอย่างสะเปะสะปะ ร่างกายส่วนล่างของเธอมีเลือดไหลออกมาไม่ยอมหยุด
เธอยิ้มอย่างขมขื่น สภาพของเธอเป็นเช่นนี้ อาจจะตายก่อนจะไปถึงที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ
เธอเดินโซซัดโซเซไปเปิดประตู แล้วเดินลงไปชั้นล่าง
เพียงเเค่ระยะทางสั้นๆสิบกว่าเมตรเท่านั้น แต่ภาพในหัวของเธอถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวอยู่หลายครั้งจนแทบจะเป็นลมหมดสติไป
เวลานี้คนรับใช้ของบ้านก็คงหลับไปหมดแล้ว ขณะที่เธอเปิดประตูหน้าบ้าน ดวงตาของเธอก็มืดดับลง ก่อนจะกลิ้งตกลงไปตามขั้นบันได
โชคดีที่บันไดไม่ได้สูงนัก แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังแข็งใจลุกขึ้นมาในที่สุด
เธอขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ระยะเวลาเดินทางสั้นๆเพียงสิบนาทีเท่านั้น แต่เธอกลับรู้สึกราวกับว่ามันเป็นเส้นทางเดินของชีวิต
อดทนต่อไปอีกนิด แล้วจะมีชีวิตรอด
แต่ถ้าหากเธอทำไม่ได้ ก็อาจจะจากโลกนี้ไปตลอดกาล
และในที่สุด เธอก็มองเห็นป้ายโรงพยาบาลจากที่อยู่ไกลๆ
สติของอันหรันพร่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆ เธอรู้สึกกระหายน้ำมาก ก่อนจะยกมือขึ้นมาอย่างสั่นเทา แม้จะอยู่ในที่มืดแต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความซีดเซียวของมันจากการสูญเสียเลือดไปอย่างมาก
สติของเธอค่อยๆหายไป ขณะนั้นเองที่อันหรันเหมือนกับมองเห็นคุณพ่อแคุณแม่และอันเฮา กำลังกวักมือเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา พวกเขากำลังรอเธออยู่
รอให้อันหรันมาอยู่ด้วยกัน ครอบครัวจะได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
อันหรันยิ้มก่อนจะยื่นมือออกไปหวังจะจับมือของอันเฮา แต่แล้วร่างของทั้งสามคนกลับเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ
อันหรันกระวนกระวาย เธอลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนจะชนเข้ากับกระจกด้านหน้าของรถ
แรงเฮือกสุดท้ายหมดลง กับอันหรันที่นอนแน่นิ่งอยู่บนรถอย่างนั้น…
Range Rover พุ่งเข้าชน Alto ที่เพิ่งถอยออกมาใหม่ๆในช่วงเวลากลางดึก
“คุณหมอหลี่ครับ คุณหมอลี่ รถของคุณหมอถูกชน!”
หลี่ฮุ่ยหมอแผนกฉุกเฉินที่กำลังอยู่เวรดึก รีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
นี่คือรถคันใหม่ที่เธอพึ่งถอยออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว Alto คันนี้เขาใช้เวลาเก็บเงินซื้อถึงสองปี ถึงแม้จะไม่ได้แพงมาก แต่มันก็เป็นรถคันแรกในชีวิตของเธอ และเธอก็หวงแหนที่สุด
ดึกขนาดนี้ใครมันมาขับรถชนที่โรงพยาบาล! เธอเอ่ยขึ้นอย่างหาเรื่อง!
หลี่ฮุ่ยรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ให้ยาแก่คนไข้แล้ว เธอก็วานให้เพื่อนร่วมงานของเธอมาช่วยดู ก่อนจะรีบเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
ด้านล่างตึกถูกห้อมล้อมด้วยคนกลุ่มหนึ่ง และมีรปภ. เข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
เพื่อนร่วมงานที่โทรแจ้งเหตุกับเธอชี้ไปที่ Range Rover และ Alto ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “นั่น อยู่ตรงนั้นไง เจ้าของรถคันนั้นไม่ลงมาสักที รถก็ไม่ได้ดับ แต่เรียกยังไงก็ไม่มีเสียงตอบรับ”
หลี่ฮุ่ยรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จากการกระแทกอย่างแรงของรถอีกคัน ทำให้ Alto ของเธอเละจนเปลี่ยนทรง
“เฮ้ย ลงมาเดี๋ยวนี้ คุณชนรถฉันนะ!” หลี่ฮุ่ยเดินไปตรงที่นั่งคนขับ ก่อนจะตบกระจกรถอย่างแรง
แต่กลับไม่มีการตอบรับใดๆกลับมา หลี่ฮุ่ยเขย่งเท้ามองเข้าไปข้างใน ก่อนจะพบว่ามีคนกำลังนอนฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย
เธอขมวดคิ้วขึ้น ตามสัญชาตญาณของการเป็นหมอมาหลายปี สิ่งนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
“ทุบกระจกรถเร็ว” หลี่ฮุ่ยเอ่ยบอกรปภ.ที่ยืนอยู่ข้างๆ
รปภ.เป็นหนุ่มวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่าปี เขารีบส่ายหัวขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “คุณฮุ่ยครับ นี่คือ Range Rover เชียวนะครับ มองแค่แวบเดียวก็ดูออกว่ามันเป็นรุ่นกันกระสุนได้ อีกอย่างหน้าต่างรถคันนี้ก็แพงหูฉี่ ทุบแตกไปจะเอาที่ไหนจ่ายครับ!”
หลี่ฮุ่ยขมวดคิ้ว เธอส่องไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือเข้าไปสำรวจดูด้านใน ก่อนจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวของเลือด
“ไปเร็ว รีบไปหาสว่านไฟฟ้ามา หรืออะไรก็ได้ที่สามารถทุบกระจกรถคันนี้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจ่ายค่าเสียหายเองทั้งหมด!”