บทที่ 120 หนูและงูในรังเดียวกัน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 120 หนูและงูในรังเดียวกัน

บทที่ 120 หนูและงูในรังเดียวกัน

“อะไรนะ ตายแล้ว? พ่อแม่พวกเจ้าตายแล้ว? ตายแล้วหรือ?” เฉาฮุยดูเหมือนจะไม่เชื่อและพึมพำกับตัวเอง “จะตายได้อย่างไร? ไม่น่าเป็นเช่นนั้น”

เสียงของเฉาฮุยนั้นเบามาก แต่กู้หนิงอันผู้มีโสตประสาทไวนั้นตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง คว้าแขนของเฉาฮุยแล้วรีบถามทันทีว่า “ท่านพูดอะไรออกมา? ทำไมถึงพูดว่าพ่อกับแม่เราตายได้อย่างไร? ท่านกำลังพูดว่าพ่อแม่ของพวกเราไม่ควรตาย? แสดงว่าท่านรู้อะไรมาใช่ไหม? บอกข้าที!”

ภายใต้การเขย่าที่รุนแรงของกู้หนิงอัน เฉาฮุยจึงเกือบจะสร่างเมา เมื่อเขาเห็นกู้หนิงอันถามถึงพ่อและแม่ของเขาอย่างไม่ลดละ เขาก็ได้สติทันที

เฉาฮุยสะบัดมือของกู้หนิงอันอย่างไร้ความปรานี แรงนั้นทรงพลังมากจนทำให้เขาเหวี่ยงกู้หนิงอันล้มลงกระแทกถังน้ำด้านข้าง เมื่อกู้หนิงผิงเห็นพี่ชายของเขาล้มลงจึงรีบช่วยพยุงกู้หนิงอันขึ้นและเดินไปข้างหน้าเพื่อถามเฉาฮุย “ทำไมถึงต้องทำร้ายกันด้วย?”

เฉาฮุยถูกกู้หนิงผิงผลักจนเซ เมื่อเขาเห็นเด็กสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาที่ดูเหมือนกันทุกประการ คิ้วและดวงตาของพวกเขาคล้ายกันมาก ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาพร้อมกับทำไหสุราหล่นแตก วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลมอย่างตื่นกลัวราวกับว่ามีวิญญาณชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ข้างหลังและต้องการจะปลิดชีพเขา

กู้หนิงผิงเห็นว่าคน ๆ นั้นกำลังวิ่งหนี ดังนั้น เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านบาดเจ็บหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไร!” กู้หนิงอันถูศอกที่กระแทกถังแล้วมองไปยังสถานที่ที่เฉาฮุยหนีไปด้วยดวงตาลึกล้ำ

เมื่อสักครู่ที่เฉาฮุยพูดดูเหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่าง เขาหมายความว่าอย่างไรตอนที่เฉาฮุยบอกว่าพ่อแม่ของเขาไม่ควรตาย? นอกจากนี้ สายตาที่เฉาฮุยมองตนเองและกู้หนิงผิงดูเหมือนเขาเห็นอะไรบางอย่าง

เฉาฮุยคนนี้ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน

อีกด้านหนึ่ง เฉาฮุยที่หนีไปได้วิ่งไปถึงบ้านเก่าของครอบครัวกู้ จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อสักครู่เขาถูกเด็กสองคนนั้นทำให้ตกใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจและถ่มน้ำลายอย่างรุนแรงลงบนพื้นในทิศทางที่เขามา

จากนั้นเขาก็ตบที่รั้วบ้านเก่าของครอบครัวกู้ และตะโกนเสียงดังว่า “ท่านพี่ เปิดประตูหน่อย ข้ามาแล้ว”

หลังจากการตบครั้งแรก ก็ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ในตอนนี้เฉาฮุยยิ่งใจร้อนและเตะมันโดยตรง ประตูที่ถูกเตะก็ส่งเสียงดังลั่น และเฉาฮุยก็ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงกรรโชก “เปิดประตู ทุกคนตายหมดแล้วหรือ! เปิดประตู!”

ในช่วงเวลานี้มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในบ้านเก่าของครอบครัวกู้มากเกินไป เฉาฮุยไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เมื่อเห็นว่าประตูถูกตบนานแล้วแต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เขาจึงเตะประตูด้านนอกลานบ้านด้วยแรงเท้าทันที

ยังไม่มีใครในลานบ้านออกมาทักทายเขา เฉาฮุยเห็นแล้วก็รู้สึกไม่พอใจหลังจากได้รับการต้อนรับที่เย็นชาเช่นนี้ ในหลายปีที่ผ่านมาเฉาซื่อและกู้ฉวนโซ่วยังมาต้อนรับ มากินดื่ม และมาดูแลน้องชาย วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อครู่เขาถูกเด็กสองคนเยาะเย้ยที่ทางเข้าหมู่บ้าน แล้วเขายังได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาอีกครั้งเมื่อมาถึงบ้านพี่สาวของเขาอีกหรือ?

“เฉาซินเหลียน ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!” เฉาฮุยตะโกนอย่างดุเดือดในลานบ้าน คราวนี้ เขาเรียกพี่สาวอย่างร้อนใจด้วยชื่อเต็มของนาง

“เฉาซินเหลียน เฉาซินเหลียน…”

เฉาฮุยไม่รู้ว่าต่อให้เฉาซื่อต้องการเปิดประตูให้น้องชายคนนี้เพียงใด แต่นางก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ นางถูกกู้ฉวนโซ่วเตะเมื่อสองสามวันก่อนจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากและกระดูกของนางก็หักและยังคงนอนพักฟื้นอยู่บนเตียง

คนที่อยู่ในบ้านเก่าของครอบครัวกู้มีครอบครัวกู้คนโตกับครอบครัวกู้คนที่สาม ตั้งแต่ครั้งแรกที่เฉาฮุยเคาะประตูลานบ้าน ทุกคนในบ้านได้ยินอย่างชัดเจน

แต่ครอบครัวนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา พวกเขาแค่ต้องการดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของกู้ฉวนโซ่ว วันส่งท้ายปีเก่าของปีนี้ ถ้าได้ดูการแสดงดี ๆ อีกจะไม่เสียเปล่าที่โกรธเคืองเฉาซื่อในปีนี้

อีกครอบครัวหนึ่งอยากเปิดประตูแต่ลุกจากเตียงไม่ได้ อีกครอบครัวหนึ่งตอนนี้หมูตายไม่กลัวน้ำเดือด และพวกเขาไม่สนใจสะใภ้คนนี้แม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้องชายของสะใภ้คนนี้

กู้ฉวนโซ่วได้ยินเสียงตะโกนข้างนอกก็พ่นลมอย่างเย็นชา พลิกตัวแล้วนอนลงอีกครั้ง

ตอนนี้กู้ฉวนโซ่วและเฉาซื่อได้นอนแยกห้องกันแล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่จะเห็นภรรยาในสภาพเช่นนี้ตลอดทั้งวัน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริง ๆ ไม่กี่วันมานี้จมูกของเฉาซื่อก็เป็นสีเขียวและบวมจนมองไม่เห็นความงามของนางทั้งสิ้น รู้สึกเพียงว่าผู้หญิงคนนี้ที่แต่งงานกันมาแปดปีมีจิตใจที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ช่างน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ

เฉาซื่อนอนอยู่ในห้องเดียวกันกับกู้ถิงถิง เพราะเฉาซื่อถูกกู้ฉวนโซ่วเตะอย่างแรงราวกับร่างจะแตกสลาย

เมื่อเฉาฮุยเรียกหาพี่สาวของเขาที่ข้างนอก กู้ถิงถิงก็ตื่นขึ้น พลางสะกิดเฉาซื่อที่กำลังหลับราวกับหมู และพูดว่า “ท่านแม่ ดูเหมือนว่าท่านน้าจะมาแล้ว”

เฉาซื่อไม่ได้หลับ นางได้ยินคำพูดของกู้ถิงถิงและเสียงของเฉาฮุยที่ด้านนอก และยังได้ยินเสียงที่เฉาฮุยเตะประตูลานบ้าน

แต่ร่างกายของเฉาซื่อเจ็บปวดถึงเพียงนี้ นางจะลุกขึ้นได้อย่างไร กู้ฉวนโซ่วทุบตีจนจมูกฟกช้ำและใบหน้าบวมเป่ง ไม่ว่าจะพูดอะไร ปากและแก้มของนางก็เจ็บ ไม่ต้องพูดถึงเสียงตะโกนที่ดังของเฉาฮุยที่เฉาซื่อไม่อาจตะโกนตอบได้เลย

หลังจากรอเป็นเวลานาน เฉาซื่อได้ยินว่าเฉาฮุยยังคงด่าอยู่ข้างนอก ดูเหมือนว่าไม่มีใครออกไปต้อนรับเด็กเหลือขอคนนี้ ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงพูดกับกู้ถิงถิงว่า “ถิงถิง รีบสวมชุดเร็ว แล้วไปที่ลานบ้านเพื่อพาท่านน้าของเจ้ามาที่นี่”

กู้ถิงถิงสูดหายใจและคลานออกจากเตียงอุ่น เพราะแขนสั้นของนาง นางจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเมื่อสวมเสื้อผ้า เฉาฮุยที่รอด้านนอกยิ่งโกรธ ยิ่งรอยิ่งกังวล โดยคิดว่าครอบครัวของเฉาซื่อนั้นละเลยเขา เมื่อใดที่กันเขาได้รับความเย็นชาเช่นนี้?

ยิ่งเฉาฮุยคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ของเหล้าที่เขาดื่มก็พุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง และเขาก็ตะโกน “เฉาซินเหลียน ถ้าท่านยังไม่ออกมาอีก ข้าจะทำในสิ่งที่ท่านไม่คาดคิด!”

เฉาซื่อไม่เคยเห็นน้องชายนางพาลพาโลเช่นนี้ เมื่อเขามาที่นี่เฉาซื่อก็ให้กินและดื่มอย่างดีอยู่เสมอ อีกทั้งนางก็ให้เงินแก่เด็กเหลือขอใช้ด้วย วันนี้เด็กเหลือขอรอเพียงครู่หนึ่งกลับโกรธเสียแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สภาพบ้านใหญ่กับบ้านสามก็คือ อนาคตอยู่ที่ไหน

ไหหม่า(海馬)