บทที่135 ชายบัวขาว

บัณฑิตหนุ่มเงยหน้าขึ้นรีบปฏิเสธทันที

“ข้า…ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ความสัมพันธ์ของข้ากับอาชิงมันตราตรึงในใจข้า นับแต่การตายของนายท่านหลู่ ระหว่างข้ากับอาชิงก็เดินมาจนถึงจุดนี้ได้อย่างไรข้าไม่อาจรู้ได้ หากมันทำให้อาชิงเสียชื่อเสียงก็เป็นความผิดของข้าเอง ข้าขอตัว” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เขารีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“ฟังจากที่เขาพูด ก็ไม่รู้หรอกว่าเขากับแม่นางหลู่มีความสัมพันธ์ขั้นไหนกัน แต่การยกเลิกสัญญาหมั้นหมายเพราะเขายากจนมันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก”

“ใช่ ๆ แม่นางหลู่ใจร้ายเสียจริง”

“เถ้าแก่เนี้ยถัง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะเข้าข้างแม่นางหลู่ แต่อย่างไรเสียก็เห็นใจความรักของบัณฑิตหนุ่มคนนี้เถิด”

เหล่าผู้คนที่สัญจรไปมาหน้าร้านหยุดพูดคุยกันสักพักก่อนแยกย้ายไป

ถังหลี่ถอนหายใจออกมา นางมีความรู้สึกแปลก ๆ กับบัณฑิตคนนี้! แม้คำพูดของเขาจะคล้ายปกป้องหลู่ชิง แต่กลับชี้นำให้ทุกคนเข้าใจว่าตัวเขารักมั่นในตัวนางแต่นางกลับทำให้เขาอกหัก

ถ้าถามถึงความจริงใจล่ะก็เรียกได้ว่าไม่มีเลย

เพื่อเห็นแก่มิตรภาพ ควรเรียกหลู่ชิงมาถามเรื่องนี้ชัด ๆ ดีกว่า

…….

วันต่อมา

ถังหลี่เดินทางไปที่โรงงานเพื่อจัดการกับสินค้าบางอย่างที่จะขาย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวพูดคุยกับหลู่ชิงถึงบัณฑิตหนุ่มที่มายืนหน้าเป่าชิงเก๋อเมื่อวาน

เมื่อหลู่ชิงได้ฟังนางโมโหขึ้นทันที

“ไอ้สารเลวนั่น! มันไปเอามาจากไหนถึงได้กล่าวหาว่าข้าชังคนจนรักคนรวย! ข้าเคยคิดว่าเขาเป็นคน ไม่คิดว่าจะเป็นพวกเดรัจฉานไปได้!”

อารมณ์ของหลู่ชิงร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แต่นางยังควบคุมเอาไว้ได้

“ไม่ได้การแล้ว ข้าจะต้องไปคุยกับเขา!”

หลู่ชิงพูดพร้อมกับวิ่งออกไปทันที เมื่อถังหลี่เห็นเช่นนั้นนางรีบตามอีกฝ่ายไปไม่ห่าง ระหว่างทางถังหลี่ถึงได้รู้ที่มาที่ไปของคนทั้งคู่

หลู่ชิงและหวางช่างชูมีสัญญาหมั้นหมายกัน เพราะหลู่ชิงเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของสกุลหลู่ บิดาของนางจึงเข้มงวดในการคัดเลือกลูกเขยมาก

ครั้งหนึ่งแม่ของชายหนุ่มป่วยหนักมาก หวังช่างชูพานางเดินทางหลายสิบลี้เพื่อไปพบหมอ ชายหนุ่มเว้าวอนขอความช่วยเหลือจากทุกคนท่ามกลางลมหนาว เมื่อนายท่านหลู่เห็นดังนั้นจึงช่วยสองแม่ลูกไว้ หลังจากนั้นเขาก็ได้ทราบว่าหวังช่างชูเป็นบัณฑิตหนุ่มอนาคตไกล อีกทั้งยังกตัญญูต่อมารดา นายท่านหลู่รู้สึกถูกชะตากับเขามาก จึงให้เขามาเป็นคู่หมั้นลูกสาวตัวเอง

หากบิดาของหลู่ชิงไม่ได้เสียชีวิตอย่างกระทันหันแล้วล่ะก็ การแต่งงานครั้งนี้คงจะสำเร็จลุล่วงไปแล้ว ทว่าหลังจากการจากไปของนายท่านหลู่ หวางช่างชูเริ่มทำตัวน่ารังเกียจโดยที่สาเหตุส่วนใหญ่มาจากมารดาของเขา

มารดาของหวังช่างชูปฏิเสธที่จะให้บุตรชายของนางเป็นผู้สืบทอดกิจการเป่าชิงเก๋อ โดยให้เหตุผลว่า บัณฑิตและพ่อค้าเป็นเส้นทางคนละสาย แม้ว่าต้าโจวจะไม่มีข้อห้ามในเรื่องนี้ แต่ว่าหากบุตรชายของนางยอมรับกิจการของสกุลหลู่ไว้เขาจะโดนดูถูก ส่งผลกระทบกับตำแหน่งหน้าที่การงานในภายหน้าของเขา

อย่างไรก็ตามนางให้หลู่ชิงปฏิเสธการสืบทอดกิจการของเป่าชิงเก๋อเช่นกัน นางให้เหตุผลที่ว่าต่อไปภายหน้าบุตรชายของตนจะต้องเป็นขุนนางระดับสูง การมีฮูหยินที่ทำการค้านั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก ถึงเหตุผลจะฟังดูดี แต่ในภายหลังกลับมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น

สุดท้ายแล้วสกุลหลู่ก็ต้องสืบทอดกิจการของเป่าชิงเก๋อต่อไป ดังนั้นฮูหยินหวางจึงบอกกับนางว่า จะให้ลุงของหวางช่างชูมาเป็นคนดูแลกิจการของเป่าชิงเก๋อแทน

นับได้ว่าเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากลสำหรับหลู่ชิง เป่าชิงเก๋อคือสิ่งที่บิดาของนางสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เหตุใดจึงต้องยกมันให้แก่คนนอก? อีกทั้งลุงของช่างชูเป็นเพียงบุรุษลอยชายในเมืองเหยาสุ่ย ไม่มีความรู้ความสามารถในการค้าขาย หากมอบเป่าชิงเก๋อให้เขา คงไม่แคล้วที่จะพังยับเยินแน่!

ดังนั้นหลู่ชิงจึงขอยกเลิกสัญญาหมั้นหมายที่ว่านั้นลงด้วยความโกรธ

“แล้วหวางช่างชู่ไม่พูดอะไรเลยหรือ?” ถังหลี่ถาม

“เขาเป็นคนกตัญญูต่อมารดา ดังนั้นไม่ว่ามารดาของเขาจะว่าเช่นไร เขาย่อมไม่มีวันขัดนาง!” หลู่ชิงพูดประชด

ถังหลี่รู้สึกว่าบิดาของหลู่ชิงเป็นคนเก่งกาจทุกอย่าง เว้นเสียแต่เรื่องการมองคน คนแรกก็หลู่หยวนเจ้าหมาป่าตาขาวผู้นั้น ต่อมาก็เป็นหวางช่างชู แม้ว่าชายหนุ่มจะมีความรู้ความสามารถจริง ๆ แต่ดูไปแล้วท่าจะมีปัญหาไม่น้อย

ไม่นานนักหญิงสาวทั้งสองก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังเล็กดูเก่าโทรมหลังหนึ่ง

หวางช่างชูกำลังนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ดูจะพังมิพังแหล่ ชายหนุ่มนั่งอ่านตำราอยู่ เมื่อหันมาเห็นหลู่ชิง เขาก็ประหลาดใจมาก

“อาชิง!”

หวางช่างชูรีบลุกขึ้นเดินไปหาหลู่ชิง กวาดตามองนางไปมาอย่างลำบากใจ

“เจ้ามาหาข้าหรือ?”

“หวางช่างชู เจ้าไปยืนอยู่ที่หน้าเป่าชิงเก๋อเมื่อวานหรือ?” น้ำเสียงของหลู่ชิงเย็นชา

ชายหนุ่มได้ยินก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ เมื่อมองไปที่ถังหลี่ก็ตระหนักได้ว่าหลู่ชิงคงจะรู้เรื่องหมดแล้ว

“เจ้าโกรธข้าหรืออาชิง ข้าแค่อยากคุยกับเจ้า แต่เจ้าไม่เคยให้โอกาสข้าเลย ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร…” ชายหนุ่มรู้สึกเสียใจมาก

เขารู้แล้วว่าอาชิงก่อนหน้านั้นเป็นคนใจดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าเรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร หรือเป็นเพราะเขาหักหาญน้ำใจนาง? หรือมีเรื่องที่นางไม่ชอบใจ?

“เจ้าคิดว่าเราสองคนยังต้องคุยกันอีกหรือ? พวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว!”

“แต่ว่าข้าไม่อาจปฏิเสธหัวใจตัวเองได้ อาชิง เจ้ายกโทษให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” หวางช่างชูมองนางด้วยแววตาจริงใจ

ให้อภัย?

หญิงสาวไม่สามารถลืมช่วงเวลานั้นได้เลย ในยามที่นางรู้สึกอับจนหนทาง หลู่ชิงคาดหวังว่าคู่หมั้นของตนเองจะเข้าใจและสนับสนุนนาง แต่ผลที่ได้คือครอบครัวสกุลหวางมาขอเป่าชิงเก๋อจากนางถึงหน้าประตู

ชายคนนี้ทำได้เพียงยืนอยู่มุมห้อง เหนียมอาย ปิดปากเงียบ สุดท้ายเขาเลือกที่จะพูดประโยคเดียวว่า

“อาชิง เจ้าควรฟังว่าที่แม่สามีของเจ้าบ้าง”

ดวงตาของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ

“หวางช่างชู เหตุใดเจ้าถึงกล้าสั่งให้ข้าเชื่อฟังแม่ของเจ้า! กิจการของพ่อข้าควรตกเป็นของคนอื่นหรือ! เพื่อบูชาความกตัญญูของเจ้า ข้าต้องอกกตัญญูต่อบิดาตัวเองหรือ!”

“อาชิงข้าคิดผิดไป ตอนแรกท่านแม่ของข้าไม่ได้เต็มใจกับการหมั้นของเรานัก ข้าเลยคิดว่าหากยกเป่าชิงเก๋อให้ลุงข้า ท่านแม่จะได้มองเจ้าดีขึ้น ภายหน้าเมื่อแต่งงานกันแล้วครอบครัวจะได้สามัคคีกลมเกลียวกัน แต่ว่าเป็นข้าเองก็ละเลยความรู้สึกของเจ้า ข้าสำนึกผิดแล้ว ตอนนี้ท่านแม่บอกแล้วว่าหากข้ารักเจ้า ก็จะไม่ขัดขวาง วันที่เจ้ากลับมาเป็นสะใภ้สกุลหวางท่านแม่ก็จะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”

หวางช่างชูกล่าวด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเขากำลังมอบสิ่งดี ๆ ให้กับหลู่ชิง

“อย่างไรก็ตาม เป่าชิงเก๋อของเจ้าก็ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว ตอนนี้ไม่ต้องคิดมากและกังวลใจ ข้าเองก็เสียใจกับเจ้าด้วย เจ้าเป็นเพียงสตรีการทำงานนอกบ้านเป็นเรื่องยาก ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ข้าจะตั้งใจสอบเป็นขุนนาง ท่านแม่กับเจ้าจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น!”

“ขออภัยด้วยที่ข้าไม่สามารถรับมันไว้ได้ ขอบคุณสำหรับ ‘ความหวังดี’ ของเจ้า”

“อาชิง…”

“แม้ว่าข้าจะเป็นคนฉีกสัญญาหมั้นหมายก่อน แต่เพราะครอบครัวของเจ้าไร้ยางอายกับข้า ข้าไม่เคยเสียใจที่ทำเช่นนั้น หากเจ้ายังมาวุ่นวายกับข้าอีก ก็อย่าโทษที่ข้าจะไม่ยินดีต้อนรับและทำเช่นเดียวกันกับที่เจ้ากับมารดาทำกับข้า!” หลู่ชิงพูดจบก็เดินหันหลังจากไป

ถังหลี่เดินตามหลังหลู่ชิง นางรู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีจึงไม่ได้พูดปลอบโยนอะไร ทำเพียงแค่เดินเคียงข้างนางไปตลอดทางเท่านั้น

ทั้งสองเดินไปตามถนนผ่านตรอกหลายตรอก จู่ ๆ หลู่ชิงก็หยุดฝีเท้า นางหันหลังกลับไปหาถังหลี่โถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของนาง

********************