บทที่ 147 ผู้พิทักษ์
บทที่ 147 ผู้พิทักษ์
หลังจากนั้น อวี๋ฉู่สะบัดมือ หมากล้อมทั้งหมดบนโต๊ะพลันหายไป ราวกับพวกมันไม่เคยปรากฏขึ้น
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นมองดูคู่ดวลหมาก พลางกล่าวว่า “ผู้อาวุโสขอให้ข้ามาที่นี่เช่นนี้ คงไม่ได้จะชวนข้าเล่นหมากล้อมเพียงอย่างเดียวกระมัง”
พระพุทธองค์ย่อมส่ายหน้า กล่าวว่า “ข้าพามาที่นี่ในวันนี้ เพราะมีบางอย่างอยากบอกพวกเจ้าทั้งสอง”
เขาเอียงศีรษะชำเลืองมองเซียวเทียนผู้ตามเรื่องราวไม่ทัน กล่าวว่า “เจ้าออกไปก่อน”
หลังจากสะบัดมือ ร่างของบุตรแห่งโชคชะตาพลันหายไป เหลือเพียงลู่หยวนกับอวี๋ฉู่ในหมู่เมฆ
“เจ้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว คงจะทราบดีใช่หรือไม่?”
เมื่อคำพูดของอวี๋ฉู่ดังขึ้น ชายหนุ่มก็บังเกิดความประหลาดใจขึ้นมา
เขารู้ว่าเจ้าสำนักอวี๋ฉู่ มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์มาก่อน และเคยไปมาหาสู่กันหลายปี
ในความทรงจำของลู่หยวน เขาพบผู้ฝึกยุทธ์ฉายาพระพุทธองค์หลายครั้งตั้งแต่ยังหนุ่ม ทำให้ทราบว่าอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูล ดังนั้นตอนพบกับอีกฝ่ายครั้งแรก เขาจึงคารวะ ก่อนเอ่ยปากเรียกผู้อาวุโส
ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คาดเดาวัตถุประสงค์ของเจ้าสำนักอวี๋ฉู่ไว้มากมาย ว่าที่เขามาหาในครั้งนี้ต้องการอะไร แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องการหมั้นหมาย
หากชายหนุ่มจำไม่ผิด การหมั้นหมายเหมือนจะมีมาก่อนที่เขาจะเกิดด้วยซ้ำ เป็นเจ้าสำนักอวี๋ฉู่ที่เป็นพ่อสื่อให้กับเขา
“ข้าทราบดี”
ลู่หยวนตอบอย่างแผ่วเบา จิบชาร้อนที่คู่สนทนาเพิ่งนำมาให้พลางกล่าวว่า “แต่ตระกูลนั้นสูญสิ้นไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ? เพราะงั้นการหมั้นหมายจึงถูกระงับไป”
คู่ที่อวี๋ฉู่เป็นพ่อสื่อให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์คือตระกูลนักบุญที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลนี้รุ่งเรืองมากเมื่อสามแสนปีก่อน ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลลู่แต่อย่างใด บรรพชนของสองตระกูลได้มีการคบค้ากัน
แต่หลังจากสงครามครั้งใหญ่ ตระกูลนั้นเริ่มซ่อนตัวจากโลก ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีก ท้ายที่สุดด้วยเหตุผลมากมาย ตระกูลนั้นจึงได้หมั้นหมายกับตระกูลลู่
แต่ไม่นานหลังจากลู่หยวนกำเนิดขึ้นมา มีรายงานว่าตระกูลนั้นถูกฆาตกรรม พวกเขาทุกคนถึงแก่ความตายในชั่วข้ามคืน แม้กระทั่งสตรีที่หมั้นหมายกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีก
ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องการหมั้นหมายไป
อวี๋ฉู่เผยรอยยิ้มออกมา กล่าวว่า “ข้าไม่เชื่อว่าตระกูลนั้นถูกฆาตกรรม ชายชราทราบภูมิหลังของพวกเขาเป็นอย่างดียิ่ง ต่อให้ตระกูลลู่ของเจ้าถูกทำลายไป ตระกูลของพวกเขาก็ยังคงเติบใหญ่อยู่ดี!”
“ดังนั้น ข้าจึงออกค้นหาอยู่พักใหญ่ จนเมื่อไม่นานมานี้ ข้าพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้”
อวี๋ฉู่กล่าวว่า “บรรพชนตระกูลลู่ของเจ้าขอให้ข้าสืบข่าวคราวเกี่ยวกับตระกูลนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่นกัน”
ลู่หยวนวางถ้วยชาลง ถามอย่างสงบว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสทราบข่าวคราวแล้ว เหตุใดจึงไม่บอกบรรพชนโดยตรง มีเป้าหมายอะไรถึงมาบอกกับข้าเช่นนี้?”
ผู้ฟังระบายยิ้ม ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะหิน กระดานหมากล้อมที่เพิ่งหายไปพลันปรากฏขึ้น ตัวหมากล้อมทั้งหมดเริ่มผสมปนเปจนไร้ระเบียบ ก่อนตกลงมาที่เดิมอีกครั้ง
กลุ่มตัวอักษรแปลกประหลาดปรากฏบนกระดานหมากล้อม ประกอบด้วยเส้นสั้นบ้างยาวบ้างดูแปลกพิศวง
เส้นเหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน คล้ายกับกำลังอธิบายบางสิ่ง
ผ่านไปสักพัก ความกดอากาศต่ำเริ่มก่อตัวขึ้นรอบข้างสิ่งเหล่านี้ พลังจำนวนหนึ่งหลอมรวมขึ้นบนเส้นที่สั้นบ้างยาวบ้างเหล่านั้น
ลู่หยวนหลุบตาลง เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พลันเกิดจิตสังหารที่ไม่อาจปิดบังได้อยู่ในดวงตาของเขา “ผังดวงชะตาหรือ?”
ชายหนุ่มสัมผัสถึงจิตสังหารในใจได้
ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ ทันทีที่เกิดมาก็จะมีผังดวงชะตาเป็นของตน
ยิ่งเวลาผ่านไป ผังดวงชะตาเหล่านี้จะเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่ไม่มีวันเกินกว่าระยะที่กำหนด
สิ่งนี้จึงถูกเรียกในอีกชื่อว่าผังสวรรค์ลิขิตชะตา!
บางคนผังดวงชะตาดีมาตั้งแต่เกิด ไม่เพียงแค่เป็นเพราะพรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะภูมิหลังตระกูลอีกด้วย พวกเขามีชะตาที่จะกลายเป็นผู้ปกครองไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง
บางคนผังดวงชะตาย่ำแย่ถึงขีดสุด ไม่มีพรสวรรค์ ไม่มีภูมิหลัง ชั่วชีวิตไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ชะตาคนเราถูกควบคุมด้วยผังดวงชะตาเท่านั้น วาสนาของผู้คนไม่อาจแยกออกจากมันได้
ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังครอบครัว พรสวรรค์ หรือแม้แต่รูปลักษณ์ พวกมันล้วนมองเห็นได้ผ่านผังดวงชะตา
ผู้คนส่วนใหญ่เรียกมันว่าวิถีเร้นลับ เป็นการกล่าวอ้างว่าคือการศึกษาวิถีแห่งสวรรค์ แต่วิถีแห่งสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่ จะแตะต้องได้อย่างไร?!
ใครเล่าจะสามารถทำความเข้าใจได้?!
ถึงอย่างไร พวกเขาส่วนใหญ่ก็ได้ทำการศึกษาผังดวงชะตา มีความเชี่ยวชาญผังดวงชะตาของผู้คน ขอเพียงทะลวงได้หนึ่งถึงสองครั้ง ย่อมสามารถควบคุมวาสนาได้ ทำให้ชะตาของคนผู้นั้นราบรื่น
บางคนที่มีพรสวรรค์ดี สามารถทะลวงได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นวาสนาของดินแดนของตระกูล หรือแม้แต่ของแผ่นดินใหญ่ก็ไม่เว้น
ลู่หยวนยังคงนึกภาพของผังดวงชะตาที่เห็นเมื่อครู่ตอนก้มศีรษะ เขามีสายเลือดมารอยู่กับตัว บนผังดวงชะตาจะแสดงข้อมูลนี้ออกมาหรือไม่?
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าไม่สามารถฆ่าพระพุทธองค์ในตอนนี้ได้ แต่ถ้าอีกฝ่ายทราบเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะต้องเสียอะไร เขาก็ต้องฆ่าอวี๋ฉู่ในวันนี้!
พระพุทธองค์ไม่หวาดกลัวความสงบของบุตรศักดิ์สิทธิ์แม้แต่นิดเดียว ถึงแม้บุตรศักดิ์สิทธิ์จะนับว่าเป็นผู้น้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ใช้หมากล้อมเพื่อสร้างผังดวงชะตาของตระกูลขึ้นมา
ทว่าเขาไม่ได้สงสัยในผังดวงชะตาของลู่หยวน แต่สนเรื่องการทำกิจการมาก
“เจ้าหนูหยวน ข้าขอบอกเจ้าตามตรง ข้าพบหญิงสาวที่เป็นคู่หมั้นของเจ้า ข้าได้ทะลวงผังดวงชะตาของนางแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
ผู้ฟังลืมตาขึ้นมองอวี๋ฉู่อย่างเย็นชา แววตาเฉียบคมดุจกระบี่ล่าสังหาร เขากำลังคิดว่าจะฆ่าชายชราผู้นี้อย่างไรดี
กุ่ยซู่ จงซื่อ เหิงอีเจี้ยน? หรือจะอัญเชิญลู่เทียนเหอกับอู่หมิงเสวี่ยมาเลยดี?
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนไม่ตอบ คู่สนทนาจึงกล่าวช้า ๆ ว่า “หญิงสาวคนนี้เป็นผู้ไร้ชะตา!”
จิตสังหารในดวงตาของชายหนุ่มพลันหายไป
ผู้ไร้ชะตาหรือ?!
ขอเพียงเป็นวัตถุที่ปรากฏขึ้นในโลก ย่อมต้องเข้าสู่วิถีแห่งสวรรค์และโลก ส่งผลให้มีโชคชะตา แล้วจะมีบางคนที่ไร้ชะตาได้อย่างไร?!
ยิ่งกว่านั้น หากผู้ไร้ชะตามีจริง มันก็เป็นชีวิตที่เลวร้ายที่สุด!
คนแบบนี้เรียกว่าผู้ถูกฟ้าพิฆาต ขอเพียงอยู่ข้างกายคนผู้นี้ หากไม่มีชะตาที่แข็งแกร่งพอจะเกื้อหนุนอีกฝ่าย พวกเขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้เกินสองสามเดือน!
ส่วนลู่หยวนเป็นผู้น้อยที่อวี๋ฉู่เฝ้าดูจนเติบใหญ่ การจับคู่ในครั้งนี้ก็เป็นพระพุทธองค์คอยให้การปกป้อง
ก่อนหน้านี้หญิงสาวได้หายไป การหมั้นหมายนั้นนับว่ายังติดขัด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลสักพัก
ตอนนี้นางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การสอบถามของอวี๋ฉู่ ทำให้เขาทราบจุดประสงค์ในปัจจุบันของนาง ซึ่งอีกฝ่ายต้องการตามหาลู่หยวน
หากชะตาของคุณชายลู่ตื้นเขินเกินไป ย่อมไม่สามารถแบกรับหญิงสาวไร้ชะตาผู้นี้ได้
อย่าว่าแต่ชายชราจากตระกูลลู่จะมาฆ่าเขาเลย หากว่าตามมโนธรรมแล้วมันสุดที่จะยอมรับได้!