ตอนที่ 117 ไว้หน้า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 117 ไว้หน้า
เพียงแต่ไม่รู้ว่าหลิวฮ่วนจางตกอยู่ในกำมือของเหลียงอ๋องแล้ว หรือว่าหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในหนานเจียงเพื่อรอเวลากลับมาใส่ร้ายท่านปู่ของนางกันแน่

“หรู่ซยง…” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกเซียวรั่วเจียง

“คุณหนูใหญ่สั่งมาได้เลยขอรับ!” เซียวรั่วเจียงไม่ได้เหลิงเพียงเพราะคุณหนูใหญ่เรียกเขาว่าหรู่ซยง แต่กลับกล่าวอย่างนอบน้อม

“หรู่ซยงเก่งวิชาตัวเบา ช่วยไปที่จวนของผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่แล้วบอกเขาว่าฉินหล่างจะช่วยแก้ไขคดีเสบียงอาหารที่หนานเจียงให้ หวังว่าเขาจะเห็นแก่ที่ฉินหล่างเป็นบุตรเขยของตระกูลไป๋ ช่วยแก้ต่างแทนฉินหล่างต่อหน้าพระพักตร์ด้วย ตระกูลไป๋จะสำนึกในบุญคุณครั้งนี้และจะตอบแทนอย่างแน่นอน”

ท่านปู่เคยช่วยรื้อฟื้นคดีของเจี่ยนฉงเหวิน ขุนนางผู้ตรวจการสูงสุด ในตอนนั้นผู้พิพากษาหลู่จิ้นแห่งศาลต้าหลี่ในตอนนี้ยังเป็นเพียงขุนนางผู้ช่วยระดับเจ็ดในศาลต้าหลี่เท่านั้น หลู่จิ้นมีผลงานโดดเด่นมาจากคดีนั้น จากนั้นจึงค่อยๆ เลื่อนขั้นจนได้มาเป็นผู้พิพากษาระดับสามของศาลต้าหลี่ในวันนี้

ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าไม่ว่าอย่างไรผู้พิพากษาหลู่จิ้นแห่งศาลต้าหลี่ก็ต้องเห็นแก่ท่านปู่ของนาง เห็นแก่บุรุษตระกูลไป๋ที่เสียชีวิตที่หนานเจียง ไว้หน้าตระกูลไป๋สักครั้ง…

เหลียงอ๋องนั่งหลับตาฟังเกาเซิงรายงานเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนไปพบฉินเต๋อเจาในวันนี้อยู่หน้าเตาผิง

เหลียงอ๋องกำมือที่กำลังเขี่ยฟืนในเตาผิงแน่น ขมวดคิ้วเข้าหากัน ไอออกมาอย่างหนักสองสามทีอย่างทนไม่ไหว เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งแววตาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต “เแสดงว่าฉินเต๋อเจาสารภาพทุกอย่างกับ

ไป๋ชิงเหยียนแล้วอย่างนั้นหรือ”

“ที่นอกคุกต้าหลี่ ข้าเห็นกับตาว่าด้านในกล่องที่หมัวมัวผู้นั้นทำร่วงลงพื้นคือน้ำหมึก พู่กันและแผ่นผ้าพ่ะย่ะค่ะ! รายชื่อที่อยู่ในแผ่นผ้าที่พวกเขาเอ่ยถึงก็ตรงกันทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ…”

เกาเซิงกล่าวจบก็ได้ยินเสียงเคาะประตูของพ่อบ้านชราดังขึ้น “องค์ชาย คนขององครักษ์เกาที่อยู่ด้านนอกมีเรื่องด่วนขอเข้าพบองครักษ์เกาพ่ะย่ะค่ะ”

“องค์ชาย!” เกาเซิงขอความเห็นจากเหลียงอ๋องว่าควรไปพบหรือไม่

เหลียงอ๋องกระชับเสื้อคลุมสีดำของตัวเองจากนั้นพยักหน้า “ไปดูก่อนเถิดว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

เกาเซิงรับคำพลางเดินจากไป ไม่นานก็กลับเข้ามาอีกครั้ง

เขาทำความเคารพเหลียงอ๋องแล้วกล่าวรายงาน “องค์ชาย คนของเราที่สั่งให้ไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนเจิ้นกั๋วกงมารายงานว่าหลังจากที่ข้าจากไปไม่นาน ฉินหล่างก็ออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงทางประตูหลังแล้วกลับไปยังจวนจงหย่งโหวพ่ะย่ะค่ะ ข้าให้คนไปสอบถามจากสายลับของเราที่อยู่ในจวนจงหย่งโหวแล้วพ่ะย่ะค่ะว่าฉินหล่างกลับไปทำสิ่งใด อีกเรื่อง ต่งซื่อ นายหญิงใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นลมหมดสติลงที่หน้าโถงทำพิธี บัดนี้คนจวนเจิ้นกั๋วกงกำลังตื่นตระหนกพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียงอ๋องเงยหน้ามองเกาเซิงในทันที “องค์หญิงใหญ่รับไม่ไหว ต่งซื่อก็ล้มแล้วอย่างนั้นหรือ!”

“ข้าคิดว่าไม่ถึงกับล้มหรอกพ่ะย่ะค่ะ คนปกติต่อให้ทนไม่ไหวก็ต้องฝืนรอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปก่อนจึงจะวางใจและล้มลงได้ ทว่านายหญิงใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงผู้นี้จัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” เกาเซิงนับถือต่งซื่อมาก น้ำเสียงเลยแฝงไปด้วยความชื่นชม

ก็จริง ตระกูลไป๋เผชิญกับปัญหาที่ร้ายแรงเช่นนี้ ทั้งตระกูลมีเพียงสตรีหลงเหลืออยู่เท่านั้น

แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเป็นคนเข้มแข็ง ทว่า ต่งซื่อคือนายหญิงใหญ่ของตระกูล นับตั้งแต่ข่าวจากหนานเจียงส่งกลับมาในคืนสิ้นปี ต่งซื่อทุกข์ระทมแต่ก็ไม่อาจพักผ่อนอย่างสบายใจได้ อีกทั้งยังต้องจัดการเรื่องพิธีศพของบุรุษตระกูลไป๋ ต้องรับมือกับคนของตระกูลบรรพบุรุษ เหนื่อยล้าจนหมดแรงถือเป็นเรื่องปกติ

ทว่า เมื่อนายหญิงใหญ่ของตระกูลล้มลง จิตใจของคนในจวนเจิ้นกั๋วกงต้องระส่ำระส่ายแน่นอน สมองของเหลียงอ๋องแล่นปลาบ “คนที่จับตาดูจวนเจิ้นกั๋วกงกล่าวว่าคนในจวนเจิ้นกั๋วกงตื่นตระหนกเช่นนั้นหรือ”

เกาเซิงพยักหน้า

เหลียงอ๋องกำหมัดแน่น มองไปยังเตาผิงอย่างตกอยู่ในภวังค์ เขาไม่เคยลืมว่านายหญิงใหญ่ของจวนเจิ้นกั๋วกงผู้นี้เป็นคนจัดระเบียบจวนใหม่เมื่อปีที่แล้ว จวนเจิ้นกั๋วกงจึงถูกปิดผนึกแน่นหนาราวกับเหล็กจน…ส่งข่าวออกมาไม่ได้ ส่งข่าวเข้าไปก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน

บัดนี้นายหญิงใหญ่แห่งจวนล้มลงแล้ว จิตใจของคนในจวนระส่ำระส่าย พวกเขาต้องถือโอกาสนี้ติดต่อกับชุนเหยียน

บัดนี้ใจของเหลียงอ๋องพลุ่งพล่าน ดวงตาเป็นประกาย “หลิวฮ่วนจางอยู่ที่ใดแล้ว”

“หลิวฮ่วนจางซ่อนตัวอยู่ในถ้ำนอกเมืองพ่ะย่ะค่ะ” เกาเซิงกล่าว

เหลียงอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเอ่ยเสียงเบา “รีบส่งคนไปติดต่อชุนเหยียนที่จวนเจิ้นกั๋วกงเดี๋ยวนี้เลย บอกกับชุนเหยียนว่าข้ารักคุณหนูใหญ่ไป๋มาก และข้าก็เอ็นดูชุนเหยียนเช่นเดียวกัน ทว่าบัดนี้คุณหนูใหญ่ไป๋กินแหนงแคลงใจข้าเพราะสาวใช้ของจวนเหลียงอ๋องที่ชื่อหงเชี่ยว ดังนั้นข้าจึงอยากให้นางพยายามหาวิธีนำจดหมายที่ข้าเขียนให้คุณหนูใหญ่ไปวางไว้ในห้องหนังสือของท่านกั๋วกง…”

“เมื่อถึงเวลาข้าจะให้คนแสร้งทำเป็นพบจดหมายเหล่านั้นและทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ข้าจะบอกกับฮูหยินซื่อจื่อว่าท่านกั๋วกงทราบมานานแล้วว่าข้าหลงรักคุณหนูใหญ่ไป๋จึงกักจดหมายที่ข้าเคยเขียนให้คุณหนูใหญ่ไป๋ไว้ก่อน กล่าวว่าเมื่อกลับมาจากหนานเจียงจะยอมให้ข้ากับคุณหนูใหญ่ไป๋แต่งงานกัน สั่งห้ามมิให้ข้าลอบพบกับคุณหนูใหญ่ไป๋อีกเพราะเกรงว่าจะทำให้คุณหนูใหญ่ไป๋เสื่อมเสียชื่อเสียง นึกไม่ถึงว่าท่านกั๋วกงจะเสียชีวิตลงที่หนานเจียง ในเมื่อมีหลักฐานเป็นจดหมายเหล่านี้…ข้าก็ยินดีรับผิดชอบ รับคุณหนูใหญ่ไป๋มาเป็นชายาเอก! เมื่อคุณหนูใหญ่ไป๋แต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนเหลียงอ๋องแล้ว ข้าจะรับชุนเหยียนมาเป็นอนุ”

เกาเซิงมองดูเจ้านายของตัวเอง เจ้านายของเขาเก่งเรื่องเล่นกับใจคนมากที่สุด เขาคิดเหตุผลที่ต้องนำจดหมายพวกนี้ไปวางในห้องหนังสือของเจิ้นกั๋วกงไว้หมดแล้ว หากชุนเหยียนมีใจให้เจ้านายของเขา นางต้องทำตามคำสั่งอย่างแน่นอน

เหลียงอ๋องยืนขึ้น เดินไปที่ชั้นหนังสือ หยิบจดหมายที่เขียนและปิดผนึกเสร็จแล้วส่งให้เกาเซิง “กำชับชุนเหยียนว่าห้ามเปิดจดหมายเหล่านี้เด็ดขาด ด้วยนิสัยของท่านกั๋วกง ท่านไม่มีทางแอบดูจดหมายส่วนตัวของลูกหลานอย่างแน่นอน เรื่องนี้ต้องทำอย่างรอบคอบที่สุด มิเช่นนั้นความพยายามที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า คุณหนูใหญ่ไป๋จะยิ่งเกลียดข้ามากขึ้นไปอีก”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เกาเซิงยื่นมือทั้งสองข้างไปรับจดหมายมา

ได้ยินเสียงเคาะประตูของพ่อบ้านชรา เกาเซิงรีบซ่อนจดหมายไว้ตรงแผ่นอก

“มีเรื่องอันใด” เหลียงอ๋องขมวดคิ้ว ไอออกมาอย่างทนไม่ไหว

“องค์ชาย รองหัวหน้าองครักษ์เถียนเหวยจวินกลับมาแล้ว เขาขอพบองครักษ์เกาพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านชรากล่าว

เกาเซิงกำหมัดคาราวะเหลียงอ๋อง “เถียนเหวยจวินไปสืบเรื่องราวจากสายลับที่จวนจงหย่งโหวพ่ะย่ะค่ะ”

“ให้เข้ามาได้…” เหลียงอ๋องกระชับเสื้อคลุมพลางเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาผิง

ไม่นาน เถียนเหวยจวินก็เดินเข้ามาด้านในพร้อมไอเย็นจากร่างกาย คุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งพลางกำหมัดขึ้นกล่าวรายงาน “องค์ชาย ท่านเกา ข้าไปติดสินบนองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ที่หน้าจวนจงหย่งโหวอ้างว่ามาเยี่ยมดูว่าน้าของตัวเองยังปลอดภัยดีหรือไม่ จากนั้นจึงลอบไปพบกับสายลับของเรา ได้ยินว่าหลังจากที่ฉินหล่างกลับไป เขาเรียกที่ปรึกษาและพ่อบ้านคนสนิทของจงหย่งโหวเข้าไปคุยในห้องหนังสืออย่างเป็นความลับ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ห้องหนังสือทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

“ดูเหมือนว่าฉินเต๋อเจาจะเห็นว่าซิ่นอ๋องถูกถอดยศเป็นเพียงสามัญชน ไม่อาจพลิกสถานการณ์กลับมาได้อีก จึงตัดสินใจสารภาพเรื่องราวทั้งหมดแล้ว” ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยวของเหลียงอ๋องจ้องนิ่งไปยังเปลวไฟในเตาผิง “ฉินเต๋อเจาผู้นี้…ปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้ว”

“องค์ชายวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!” เกาเซิงอาสาจัดการเรื่องนี้ในทันที

สิ้นเสียง ถงจี๋ก็เดินถือยาขมร้อนๆ เข้ามาพอดี “องค์ชาย ได้เวลาเสวยยาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

“ไปเถิด!” เหลียงอ๋องกล่าวกับเกาเซิงหนึ่งประโยค จากนั้นนั่งลงเตรียมดื่มยา

ภายในคุกต้าหลี่ ฉินเต๋อเจาหลับตาลงไม่ยอมมองอาหารและน้ำที่วางอยู่ในห้องขัง เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนฟางนิ่งๆ

ฉินเต๋อเจาระมัดระวังตัวมาก เขากลัวว่าเหลียงอ๋องจะใส่ยาพิษลงในอาหารและน้ำเพื่อปลิดชีวิตเขา