ตอนที่ 118 สรุปคดี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 118 สรุปคดี
จู่ๆ ฉินเต๋อเจาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าห้องขัง เขากำมือแน่น เบิกตามองไปทางต้นเสียง เห็นคนสวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่ด้านหลังผู้คุมคุก

ใจของฉินเต๋อเจากระตุกวูบ แสร้งทำเป็นลุกขึ้นยืนอย่างสงบนิ่ง ปัดเสื้อผ้าที่มีเศษกองฟางติดอยู่แล้วเอ่ยถามออกไป “ผู้ใดกัน”

“เชิญท่านตามสบายขอรับ!” ผู้คุมคุกทำความเคารพคนผู้นั้นแล้วเดินจากไป

คนผู้นั้นเปิดหมวกเสื้อคลุมออก ฉินเต๋อเจามองไปจึงพบว่าเป็นเกาเซิง องครักษ์ข้างกายของเหลียงอ๋อง เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเกาเซิง ใจเต้นรัวอย่างคุมไม่ได้

ฉินเต๋อเจาควบคุมสติ ยืนเอามือไขว้หลัง ควบคุมท่าทีของตัวเองพลางเอ่ยถาม

“ท่านเกา ท่านช่วยไปรายงานเหลียงอ๋องด้วยว่าไป๋ชิงเหยียนได้รายชื่อของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสบียงไปหมดแล้ว นางต้องใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์แน่นอน เหลียงอ๋องโปรดเตรียมรับมือด้วย”

เกาเซิงกวาดสายตามองไปยังอาหารที่วางอยู่หน้าประตูห้องขังโดยไม่ถูกแตะต้องแม้แต่นิดเดียว

“ท่านโหวทราบหรือไม่ขอรับว่าคุณชายฉินนำรายชื่อที่ท่านโหวมอบให้ไปตีกลองที่หน้าศาลต้าหลี่พร้อมกับบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลฉินแล้ว ลงมือรวดเร็วเช่นนี้…ท่านโหวมิได้เป็นคนสั่งการหรือขอรับ”

สีหน้าของฉินเต๋อเจาซีดเผือดในทันที เขาเดาได้ทันทีว่าฉินหล่างโดนไป๋ชิงเหยียนหลอกเข้าแล้ว

“ท่านเกาอย่ากล่าววาจาเหลวไหลเช่นนี้สิ ข้ามิได้มอบรายชื่อพวกนั้นให้คุณหนูใหญ่ไป๋ คุณหนูใหญ่ไป๋มาในวันนี้เพื่อนั่งคัดลอกรายชื่ออีกหนึ่งฉบับ จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น ตระกูลไป๋น่าจะมีรายชื่อพวกนี้อยู่ก่อนแล้ว ด้วยสติปัญญาของคุณหนูใหญ่ไป๋…องค์ชายต้องทรงระวังตัวนะขอรับ!”

ฉินเต๋อเจาแสดงความจงรักภักดี

“ส่วนลูกเนรคุณนั่น ต่อให้ข้าถูกสอบสวนก็จะไม่มีวันแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ตอนที่ข้าส่งมอบเสบียง เสบียงยังดีอยู่!”

“เช่นนี้แสดงว่าท่านโหวจงรักภักดีต่อองค์ชายมากใช่หรือไม่ขอรับ” น้ำเสียงเยือกเย็นของเกาเซิงราบเรียบ

“ไม่เพียงแต่จงรักภักดีต่อองค์ชายเท่านั้น แต่ข้าทำเพื่อรักษาชีวิตด้วย หากยอมรับคงหนีไม่พ้นโทษตาย ไม่ยอมรับก็ยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่”

ฉินเต๋อเจามองดูเกาเซิงนิ่งๆ ตอนนี้แสดงออกถึงความจงรักภักดีมันดูเสแสร้งเกินไป กล่าวออกไปว่าต้องการรักษาชีวิตถึงจะดูจริงใจที่สุด

เกาเซิงชักมีดสั้นตรงเอวออกมา ฉินเต๋อเจาตกใจจนถอยหลังหนีไปสองก้าว ร่างกระแทกเข้ากับกำแพง

“ท่านเกา!”

“องค์ชายเคยตรัสกับท่านโหวว่า บนโลกนี้มีเพียงคนที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่จะรักษาความลับได้ดีที่สุด!”

กล่าวจบ เกาเซิงเคลื่อนกายมาอยู่ตรงหน้าฉินเต๋อเจาอย่างรวดเร็ว มีดสั้นคมกริบไม่ได้แทงลึกเข้าไปในท้องของฉินเต๋อเจา ฉินเต๋อเจาอ้าปากค้างแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ตรงหน้ามีเพียงแสงเทียนริบหรี่ที่สะท้อนอยู่บนกำแพงในห้องขังเท่านั้น

เกาเซิงจับลำคอของฉินเต๋อเจา ประคองให้เขานั่งคุกเข่าลงอย่างช้าๆ ท่าทีสงบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

จวบจนมือของฉินเต๋อเจาที่จับแขนเสื้อของเขาแน่นค่อยๆ คลายออก เกาเซิงจึงปล่อยร่างของฉินเต๋อเจา นำฝักมีดประดับอัญมณีที่ซ่อนไว้บริเวณเอวของเขาใส่ลงไปในรองเท้าหนังกวางของฉินเต๋อเจา

มีดนี้เป็นมีดชั้นเลิศ บาดลงบนเนื้อของฉินเต๋อเจาอย่างง่ายดาย ด้ามมีดกันปากแผลเอาไว้ ไม่มีเลือดออกแม้แต่หยดเดียว

เกาเซิงใช้เสื้อคลุมคลุมใบหน้าไว้ตามเดิมแล้วเดินจากไป ผู้คุมที่เดินมาล็อคประตูเดินจากไปราวกับไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น

ตั้งแต่ที่ข่าวสงครามจากหนานเจียงส่งกลับมาในวันที่สามสิบของปีที่แล้ว เมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ผู้คนไม่มีเวลาพักหายใจเลยสักนิด

ฉินหล่างที่ขอสละตำแหน่งซื่อจื่อเมื่อปีที่แล้ว นำบรรดาบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของจวนจงหย่งโหวไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูศาลต้าหลี่ ท่ามกลางการควบคุมขององครักษ์ที่ถูกส่งไปเฝ้าจวนจงหย่งโหว ชายหนุ่มถือแผ่นผ้ารายชื่อผืนหนึ่งอยู่ในมือ เหมือนจะนำหลักฐานของคดีเสบียงอาหารที่หนานเจียงมามอบให้เพื่อความชอบธรรมโดยตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ในครอบครัวทิ้ง

ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับคดีนี้มาก ผู้พิพากษาหลู่จิ้นของศาลต้าหลี่สั่งให้คนพาตัวฉินหล่าง และบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลฉินที่ฉินหล่างพามาด้วยเข้ามาในศาลต้าหลี่เพื่อสอบถามอย่างละเอียด

เมื่อบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของจวนฉินเห็นรายชื่อพวกนั้นก็เชื่อในทันทีว่าฉินเต๋อเจายอมเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อให้คุณชายใหญ่ปกป้องเกียรติยศของจวนจงหย่งโหวสืบไป บัดนี้พวกเขารับฉินหล่างเป็นนายใหญ่คนใหม่ของตระกูลฉิน จึงเอ่ยตอบไปในทางเดียวกันตามที่ปรึกษากันไว้ที่ห้องหนังสือก่อนหน้านี้แล้ว

ที่ปรึกษาของฉินเต๋อเจาให้การว่า ฉินเต๋อเจาเห็นว่าผู้อื่นลักลอบกักเก็บเสบียงไว้เองแล้วล้วนได้กำไร เขาจึงเกิดความโลภขึ้นมา

ทว่า เขารู้สึกละอายใจ อีกทั้งเพิ่งเคยทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้เป็นครั้งแรกจึงทิ้งหลักฐานไว้มากมายจนถูกลูกน้องจับได้ เดิมทีคิดว่าปลอบใจคนหนึ่งแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อส่งเสบียงไปที่ใด ทุกคนก็ล้วนนำหลักฐานนี้มาบีบบังคับขู่เข็ญเขา ยิ่งพอหลังๆ ขุนนางพวกนั้นยิ่งใจกล้ามากขึ้น ลอบสับเปลี่ยนเสบียงชั้นดีกลายเป็นเพียงรำข้าวสาลี

สุดท้ายคนพวกนี้กลับเหิมเกริมถึงขนาดแลกขายเสบียงเป็นเงินก่อนที่เสบียงจะถูกส่งไปถึงเมืองเฟิ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ จงหย่งโหวกลัวว่าจะเดือดร้อนมาถึงตัวเองจึงตัดสินใจลงมือสังหารคนเหล่านั้น

ที่ปรึกษาสารภาพอย่างละเอียดว่าตนเคยเสนอความคิดเห็นใดให้ฉินเต๋อเจาบ้าง องครักษ์ของจงหย่งโหวฆ่าปิดปากคนพวกนั้นอย่างไรบ้าง สารภาพทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือก

ผู้พิพากษาหลู่จิ้นถือหนังสือสารภาพความผิดของบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของจวนจงหย่งโหวไว้ในมือ สั่งให้คนนำตัวพวกเขาไปขังคุก ส่วนเขาเตรียมไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวัง

ฉินหล่างไม่ลงรอยกับคนของจวนจงหย่งโหว ผู้คนต่างรับรู้กันดีตั้งแต่ตอนที่ฉินหล่างย้ายออกจากจวนจงหย่งโหวแล้ว อีกอย่างฉินหล่างได้รับคำชมจากฮ่องเต้และฮองเฮาว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์ ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลไป๋ยังขอร้องให้เขาช่วยปกป้องฉินหล่าง ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่จึงไม่กล้าละเลยฉินหล่าง เขาจัดที่พักให้ชายหนุ่มพักในห้องรับรองของศาลต้าหลี่เป็นการชั่วคราว

ฉินหล่างยินดีทำตามนั้น ชายหนุ่มคุกเข่าลงบนพื้นกล่าวว่าตนทำผิดต่อความเมตตาของฮ่องเต้ ฝากให้ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ทูลฮ่องเต้ว่าจวนจงหย่งโหวยินดีมอบทรัพย์สมบัติของตระกูลให้ท้องพระคลัง เพื่อชดเชยความผิดของบิดา

ผู้พิพากษาหลู่จิ้นมองดูฉินหล่างที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด หวนนึกถึงเรื่องที่พ่อบ้านของจวนเจิ้นกั๋วกงมากล่าวกับเขาจึงพยักหน้า “คุณชายใหญ่วางใจได้ขอรับ!”

เดิมทีผู้พิพากษาหลู่จิ้นคิดว่าคดีนี้ต้องเป็นคดีที่ยุ่งยาก และวุ่นวายมาก นึกไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้สอบสวน บุตรชายของจงหย่งโหวจะนำหลักฐานมามอบให้เขาเช่นนี้

ผู้พิพากษาหลู่จิ้นรู้สึกขอบคุณฉินหล่างอยู่ไม่น้อย ดังนั้นตอนที่กราบทูลฮ่องเต้ เขาจึงหาโอกาสกล่าวชมเชยฉินหล่างต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ด้วย

ฮ่องเต้ไม่ได้ทอดพระเนตรคำสารภาพผิดที่ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่นำมา เขาทำเพียงหลับตาฟังสิ่งผู้พิพากษาศาลต้าหลี่เล่าจนจบ จากนั้นเขาก็เดือดดาลขึ้นมาในทันที

“จงหย่งโหวช่างบังอาจมากจริงๆ!” ฮ่องเต้กัดฟันกรอด โทสะปะทุอยู่ในใจ เตรียมจะด่าฉินเต๋อเจา แต่เหมือนจะนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ ผุดลุกขึ้นยืนในทันที

“หลิวฮ่วนจางใช้เรื่องเสบียงหลอกซิ่นอ๋อง ทว่า หลิวฮ่วนจางอยู่ที่ทัพด่านหน้า เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเสบียงส่งไปไม่ถึงเมืองเฟิ่ง!” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น

ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ทำความเคารพพลางกล่าวอย่างนอบน้อม “จากคำให้การของบ่าวผู้ซื่อสัตย์ของจวนจงหย่งโหว คนที่อยู่ในรายชื่อพวกนั้นล้วนเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุหมดทุกคนแล้วพ่ะย่ะค่ะ! มีเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่…คือน้องภรรยาของหลิวฮ่วนจางนามว่าซุนอี้หมิงพ่ะย่ะค่ะ วันที่หนึ่งเดือนสิบสองของปีที่แล้ว คนที่ฉินเต๋อเจาส่งไปสังหารซุนอี้หมิงสังหารเขาไม่สำเร็จ แต่กลับทิ้งหลักฐานไว้ องครักษ์เสียชีวิตไปสองคนพ่ะย่ะค่ะ! ที่น่าบังเอิญก็คืออันจิ้งกั๋วแห่งที่ว่าการจิงเจ้าอิ่นเคยเอ่ยถึงคดีนี้ให้กระหม่อมฟังว่าเขาตรวจสอบจากทุกคนที่เคยมีความแค้นกับซุนอี้หมิงแล้ว แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด ตอนนี้ดูเหมือนว่า…จิงเจ้าอิ่นน่าจะสรุปคดีนี้ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

น้องภรรยาของหลิวฮ่วนจางอย่างนั้นหรือ!