บทที่ 157 คนไม่เต็มเต็งมาหาถึงที่

ถังหมิงกำลังเดินซื้อของใช้ที่จำเป็นบนถนนเป็นเพื่อนลู่อวิ๋นเซียงอยู่พอดี ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาถูกคนตีโดยไม่รู้ตัว ก็ต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่งถึงออกมาข้างนอกได้

ระหว่างทางได้ยินคนบอกว่าหย่งอันถังมีหมอเทวดามา ฟังดูลึกลับมาก

ถังหมิงได้ยินก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เพราะนั่นเป็นถึงร้านยาของตระกูลถัง

“แม่นางลู่ ไม่สู้ตามข้าไปหย่งอันถังเถอะขอรับ จะได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้กับหมอเทวดาผู้นั้นด้วย”

ลู่อวิ๋นเซียงไม่ยินดียินร้ายกับท่าทีของเขา หากไม่ใช่เพราะหนอนพิษที่เขานำมา นางก็คงไม่ต้องเสียดวงตาไปข้างหนึ่งเช่นนี้

แต่ตอนนี้นางยังพักอยู่ในที่ที่ถังหมิงจัดเตรียมให้ นางจึงยิ้มน้อย ๆ และเอ่ยว่า “ก็ดีเหมือนกัน จะได้ศึกษาฝีมือการแพทย์ด้วย”

“ใช่แล้ว หากว่าฝีมือการแพทย์ไม่ดี ยังต้องรบกวนแม่นางลู่ช่วยชี้แนะด้วย”

ลู่อวิ๋นเซียงเบ้ปาก ตอนนี้นางยังสวมหมวกคลุมหน้าอยู่ ไม่กล้าเปิดเผยใบหน้าให้ใครเห็น เมื่อมองดูดวงตาที่ปิดสนิทอีกข้างของตัวเองในตอนกลางคืน นางก็รู้สึกโกรธแค้นจนกัดฟันกรอด

ความจริงแล้วถังหมิงก็เบื่อที่จะปรนนิบัตินางแล้วเช่นกัน แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นคนที่ช่วยท่านปู่เอาไว้ เพื่อให้ได้ตำแหน่งกั๋วกง ตอนนี้ต่อให้เขาต้องลดตัวลงอดทนไปสักระยะหนึ่งก็ไม่เป็นไร

ลู่อวิ๋นเซียงกับถังหมิงเดินไปพลางซื้อของไปพลาง ก่อนจะเห็นจี้หมิงซูกำลังกวาดพื้นอยู่ไกล ๆ ลู่อวิ๋นเซียงถึงกับเปิดหมวกออกเพื่อดูให้ชัด ๆ

ในใจนางมีความสุขอย่างยิ่ง จี้หมิงซูผู้นั้นปกติเอาแต่แสร้งทำตัวเป็นคนเจ้าแผนการ ทั้งยังพานางไปหาไท่ซ่างหวงอะไรนั่นอีก สุดท้ายเรื่องที่ก่อก็ย้อนกลับมาตบหน้าตัวเองไม่ใช่หรือ?

ตอนนี้ทั้งเมืองหลวงใครบ้างที่ไม่หัวเราะเยาะนาง? องค์ชายรองออกไปนอกเมืองยังไม่กลับ หากรู้เรื่องนี้เข้าเกรงว่าเมื่อกลับมาคงถึงขั้นตัดความสัมพันธ์กับนางเลยกระมัง

ในใจของลู่อวิ๋นเซียงมีความสุขอยู่ครู่หนึ่ง นางในตอนนี้ไม่อยากเห็นใครได้ดีทั้งสิ้น

จี้หมิงซูยิ่งไม่อยากขายหน้า นางก็ยิ่งอยากเข้าไปทักทาย

“นั่นหมิงซูไม่ใช่หรือ ข้าอยากเข้าไปคุยกับนางหน่อย”

ถังหมิงอึดอัดเล็กน้อย “แม่นางจี้ผู้นี้ถูกลงโทษ บัดนี้คนในเมืองหลวงล้วนหลบเลี่ยงจวนจี้กั๋วกง พวกเราอย่าเข้าไปจะดีกว่า”

ลู่อวิ๋นเซียงไม่พอใจ “ข้ากับนางรักกันไม่ต่างกับพี่น้อง พบกันเวลานี้แต่กลับไม่ไปทักทาย มิเท่ากับข้าอยากจะตัดความสัมพันธ์กับนางหรอกหรือ?”

ถังหมิงอับอายจนเหงื่อแตก “ขอรับ ๆ ๆ”

ลู่อวิ๋นเซียงชอบที่จะเห็นคุณชายจากตระกูลผู้ดีอย่างถังหมิง ทำท่าทางนอบน้อมกับตนเอง

นางเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ จากนั้นก็เดินไปทางจี้หมิงซู

“หมิงซู”

เห็นได้ชัดว่าจี้หมิงซูไม่ได้อยากพบลู่อวิ๋นเซียงเท่าใดนัก แต่อยู่ต่อหน้าคนนอกนางเล่นละครได้เก่งกว่าลู่อวิ๋นเซียงมาก นางดึงมือของลู่อวิ๋นเซียงมากุมโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด “อวิ๋นเซียง ตาของเจ้าดีขึ้นหรือยัง? เหตุใดวันนี้ถึงออกมาข้างนอกเล่า?”

ท่าทางของนางนั้นไร้เดียงสาราวกับว่าดีใจจริง ๆ ที่ลู่อวิ๋นเซียงมาปรากฏตัวในเวลานี้ อย่างน้อยคนที่อยู่รอบ ๆ ก็มองไม่ออกแม้แต่นิดเดียว

ความจริงทั้งสองคนต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ หลังจากที่จวนจี้กั๋วกงเกิดเรื่องลู่อวิ๋นเซียงก็ย้ายออกไปทันที นั่นก็เพราะอยากจะตัดความสัมพันธ์ไม่ใช่หรือ ตอนนี้มาเสแสร้งทำเป็นรักใคร่ดุจพี่น้อง ในเมื่ออยากเห็นนางอับอายเช่นนั้นก็อย่าโทษที่นางไม่ไว้หน้าก็แล้วกัน

จี้หมิงซูอ้าปากขึ้นมาก็เอ่ยจี้ใจดำทันที ทำให้ลู่อวิ๋นเซียงชักมือกลับด้วยความรังเกียจและเอ่ยว่า “ข้าได้ยินว่าหย่งอันถังมีหมอเทวดาท่านหนึ่งมา อีกทั้งหย่งอันถังนี้ก็เป็นของจวนถังกั๋วกง คุณชายถังจึงเชิญข้าไปขอคำแนะนำจากหมอเทวดา แต่บังเอิญได้พบกับเจ้าพอดี”

จี้หมิงซูกำลังคิดที่จะไปหาหมอเทวดาท่านนั้นอยู่เช่นกัน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงบอกสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา “ข้าใกล้จะกวาดพื้นเสร็จแล้ว เช่นนั้นอีกเดี๋ยวข้าเดินไปกับพวกเจ้าด้วยก็แล้วกัน”

ถังหมิงมีท่าทีเป็นมิตรกับจี้หมิงซูที่มีหน้าตางดงามเป็นอย่างมาก “แม่นางจี้ไปหย่งอันถังด้วย ถือเป็นเกียรติของพวกเราแล้วขอรับ”

ขณะเดียวกันรถม้าคันหนึ่งก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูของหย่งอันถังพอดี พ่อบ้านจูประคองถังกั๋วกงลงจากรถม้า ก่อนจะรีบเข้าไปด้านใน

ถังซุ่นจึงรีบออกมาต้อนรับ “โอ๊ย ท่านกั๋วกงช้าหน่อยขอรับ เหตุใดถึงได้รีบร้อนมาเช่นนี้เล่าขอรับ”

พ่อบ้านจูเอ่ยด้วยความดีใจ “ท่านหมอเทวดาอยู่ที่ใดหรือ?”

“กำลังตรวจคนไข้อยู่ขอรับ เราอย่าเข้าไปรบกวนจะดีกว่า” ถังซุ่นพอจะรู้นิสัยของจี้จือฮวนบ้างแล้ว

หากเข้าไปตอนนี้ นางต้องตอกหน้าหงายกลับมาเป็นแน่

ถังกั๋วกงพยักหน้ารับ “เจ้าพูดถูกแล้ว พวกเราไปรอที่ห้องดื่มชากันดีกว่า”

“ได้ขอรับ ข้าจะให้คนเตรียมชาและขนมให้ขอรับ”

ถังซุ่นเชิญถังกั๋วกงและพ่อบ้านจูไปยังห้องดื่มชาที่เงียบสงบ อีกเดี๋ยวเมื่อเจอหน้าจะได้ทักทายปราศรัยกันได้สะดวก

แต่ช่างบังเอิญยิ่งนัก ไม่นานนักพวกลู่อวิ๋นเซียงก็มาถึงหย่งอันถังเช่นกัน

ถังหมิงเป็นคนของจวนถังกั๋วกงก็จริง แต่กลับเลือกเดินตามเส้นทางการเป็นจอหงวน ร้านขายยาและร้านค้าของตระกูล อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ที่ที่ปัญญาชนควรจะไป ดังนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่

และเนื่องจากจู่ ๆ ก็มีข่าวเรื่องหมอเทวดาแพร่ออกไป คนที่มาจึงมีมากกว่าปกติ ถังหมิงกำลังคิดจะแหย่เท้าเข้าไป คนรับใช้ของร้านยาก็รีบโบกพัดไล่เขาออกไปทันที “รู้กฎระเบียบบ้างหรือไม่ ไปเข้าแถว”

ถังหมิงอึ้งไปเล็กน้อย คนรับใช้ข้างกายก็ตะคอกออกมาทันที “เจ้าตาบอดหรืออย่างไร เจ้านายของตัวเองก็ไม่รู้จักหรือ?”

คนรับใช้ร้านยาเพิ่งอ่านกฎใหม่ของร้านยาไป เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมา “เป็นคนตระกูลเฉินหรือ? หรือว่าแซ่เผย? มีหลักฐานหรือไม่?”

คนรับใช้พับแขนเสื้อขึ้น “นี่ เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร หย่งอันถังแซ่ถัง ท่านนี้เป็นหลานชายแท้ ๆ ของถังกั๋วกง เจ้ามีตาหรือไม่ ยังไม่รีบหลบไปอีก”

เมื่อครู่คนรับใช้ร้านยายังเห็นถังกั๋วกงต้องเข้าไปรออยู่เลย แล้วหลานชายเขานับเป็นตัวอะไรกัน

“ที่เจ้าพูดถึงมันเรื่องอดีตสมัยไหนกัน ตอนนี้หย่งอันถังไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนกั๋วกงแล้ว”

ถังหมิงห้ามคนรับใช้ที่โต้เถียงกันอยู่ที่หน้าประตู เพราะเช่นนี้จะทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายได้ง่าย ๆ ท่านปู่เกลียดการที่ลูกหลานในบ้านอาศัยชื่อของเขาไปรังแกคนนอกที่สุด

ลู่อวิ๋นเซียงรู้สึกว่าถังหมิงนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังคว้าน้ำเหลวอีก ตอนนี้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มองมาที่นาง

นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและเอ่ยขึ้น “ลู่อวิ๋นเซียงจากตระกูลหมอเทวดา มาขอพบท่านหมอเทวดา รบกวนพี่ชายช่วยไปแจ้งให้ทีเจ้าค่ะ”

คนรับใช้ร้านยายังคงเคารพหมออยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหมอเทวดานั้นมีชื่อเสียงมาก

เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะขึ้นไปที่ห้องด้านในที่อยู่บนชั้นสอง อาศัยตอนที่จี้จือฮวนดื่มน้ำอยู่แจ้งคำขอของลู่อวิ๋นเซียง

จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะยังไม่ตาย “ไม่ให้พบ”

คนรับใช้ร้านยาตอนนี้รู้จักพี่สาวท่านนี้ดีแล้ว พูดกระชับ รัดกุม ตรงประเด็น โดยจะไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่คำเดียว

บอกว่าไม่ให้พบ นั่นก็คือไม่ให้พบจริง ๆ

หน้าประตู อู๋จิงเอ่ยอย่างหมดความอดทน “หย่งอันถังเป็นอะไร คุณหนูของพวกเรายอมมาที่นี่ก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว นี่ยังกล้าให้พวกเรารออยู่ด้านนอกอีกอย่างนั้นหรือ?”

คำพูดนี้ทำให้ถังหมิงมีสีหน้าอึดอัดไม่น้อย หย่งอันถังแห่งนี้ไม่ใช่ของตระกูลถังตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้!

ส่วนจี้หมิงซูตอนนี้ชื่อเสียงไม่ดีนัก จึงพยายามไม่ทำตัวเด่นและปล่อยให้ลู่อวิ๋นเซียงจัดการไป

ได้พบก็ย่อมเป็นเรื่องดี หากไม่ได้พบก็เป็นลู่อวิ๋นเซียงที่ต้องขายหน้า

ตอนที่คนรับใช้ร้านยาวิ่งลงมา อู๋จิงก็ต่อว่าทันที “ยังไม่รีบเชิญพวกเราเข้าไปอีก ทำให้ตระกูลหมอเทวดาโมโห หย่งอันถังของพวกเจ้ายังสามารถเปิดต่อได้อีกหรือ?”

คนรับใช้ร้านยาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ขออภัย ท่านหมอเทวดาบอกว่าไม่อยากพบพวกเจ้า”

สีหน้าของลู่อวิ๋นเซียงเปลี่ยนไปทันที อู๋จิงก็ยิ่งร้อนรนจนอยากจะด่าคน จากนั้นก็เห็นคนรับใช้ร้านเอาป้ายไม้ที่ทำขึ้นมาใหม่มาวางไว้ที่หน้าประตู “อย่าขวางทาง”

เมื่อทุกคนมองไปที่ป้ายไม้ก็หัวเราะออกมาทันที ดูท่าจี้กั๋วกงตอนนี้ใคร ๆ ก็สามารถเหยียบย่ำได้แล้ว

สีหน้าของจี้หมิงซูเคร่งขรึมขึ้นในชั่วพริบตา เดิมนางเอาแต่หัวเราะเยาะลู่อวิ๋นเซียง ทว่าตอนนี้นางกลับกลายเป็นตัวตลกที่สุดเสียเอง!