บทที่ 158 พ่อบ้านจูจัดการศัตรู!

อัปยศอดสู! ช่างอัปยศอดสูยิ่งนัก แค่โรงยาโรงหนึ่ง ยังกล้าพูดเช่นนี้กับนาง! คิดว่าใคร ๆ ก็สามารถรังแกจี้กั๋วกงได้อย่างนั้นหรือ?

ถังกั๋วกงกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ ได้ยินเสียงจากทางด้านนอกก็ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นมา “ผู้ใดมาส่งเสียงดังกัน”

พ่อบ้านจูรีบออกไปเรียกคนรับใช้ร้านยาคนหนึ่งมาสอบถาม เมื่อได้ยินว่าเป็นถังหมิงก็คิดว่าตนเองฟังผิดไป จึงได้เปิดม่านและมองออกไปด้านนอก

เป็นถังหมิงจริง ๆ ด้วย!!!

เขาช่างรนหาที่ตายจริง ๆ กั๋วกงมีความคิดที่จะลงจากตำแหน่งแล้ว และวางแผนที่จะเลือกคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริงในตระกูลถัง ดูท่าถังหมิงผู้นี้…คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

พ่อบ้านจูกลับไปรายงานถังกั๋วกงตามความจริง

ถังกั๋วกงหัวเราะเสียงเย็นออกมา “เจ้าเด็กคนนี้ถูกแม่ของเขาเลี้ยงจนเสียคนไปหมดแล้ว ถึงมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ได้ ขอเพียงไม่รบกวนท่านหมอเทวดา ก็ปล่อยพวกเขาไป”

พ่อบ้านจูพยักหน้ารับ “แต่ท่านหมอเทวดาได้ตั้งป้ายแผ่นหนึ่งเอาไว้ที่หน้าประตู บอกว่าคนของจวนจี้กั๋วกงและสุนัขห้ามเข้ามาภายใน หรือว่าท่านหมอเทวดากับจวนจี้กั๋วกงจะมีความแค้นต่อกันขอรับ”

จะว่าไปแล้วก็แปลก ทั้ง ๆ ที่แซ่จี้เหมือนกัน

ทันใดนั้นถังกั๋วกงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

เขารู้สึกว่าชื่อ ‘จี้จือฮวน’ ก่อนหน้านี้เหมือนเคยได้ยินใครพูดถึงมาก่อน

ด้านนอก หากว่าจี้หมิงซูก้มหน้าก้มตาจากไปเช่นนี้ มิเท่ากับยอมให้หย่งอันถังทำเป็นแบบอย่าง ที่เหยียบย่ำจวนจี้กั๋วกงเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าหรอกหรือ?

ตอนที่นางมาก็ได้พาผู้ติดตามและคนรับใช้มาด้วยไม่น้อย จี้หมิงซูจึงตะคอกออกไปทันที “บังอาจ จวนจี้กั๋วกงใช่ที่ที่พวกเจ้าจะดูถูกเหยียดหยามได้อย่างนั้นหรือ คิดว่าจวนจี้กั๋วกงของข้าไม่มีคนแล้วหรืออย่างไร?”

ทันทีที่นางแสดงตัว คนที่มาดูเรื่องสนุกก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น

“นี่ก็คือคนของจวนจี้กั๋วกงหรอกหรือ?”

“อ้อ นางน่ะหรือ จี้หมิงซูอย่างไรเล่า ก่อนหน้านี้ที่ถูกไท่ซ่างหวงมอบราชโองการตำหนิผู้นั้นอย่างไรเล่า เหตุใดยังมีหน้าออกมาอีก”

“กวาดพื้นอยู่ที่ถนนข้าง ๆ ไม่ใช่หรือ? วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไมกัน”

จี้หมิงซูหันหน้าไปมองกลุ่มคนที่มุงดูอยู่ อย่างไรซะนางก็ยังมีองค์ชายรองคอยหนุนหลัง คนเหล่านี้ก็ดีแต่พูดเหน็บแนมอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น ไหนเลยจะกล้ามาเผชิญหน้ากับนางตรง ๆ

จี้หมิงซูเห็นพวกเขาหลบสายตาของตนเอง จึงได้มองไปทางคนรับใช้ของร้านยา “เหยียดหยามกั๋วกง โรงยาของพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีความผิดใหญ่หลวงเพียงใด? ราชโองการที่องค์ไท่จู่*พระราชทานด้วยพระองค์เองยังตั้งอยู่ที่โถงบรรพชน การที่พวกเจ้าปฏิบัติเช่นนี้เท่ากับเป็นการดูหมิ่นราชวงศ์และราชสำนักรู้หรือไม่!”

* องค์ไท่จู่ (太祖皇帝) เป็นคำเรียกปฐมกษัตริย์หรือผู้ก่อตั้งราชวงศ์

หากจี้หมิงซูไม่พูด ทุกคนคงไม่สนใจจวนกั๋วกง แต่เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ใครบ้างยังจะกล้าพูดอะไรอีก?

คนรับใช้ร้านยามองไปทางถังซุ่นด้วยความตกใจ

ถังซุ่นเป็นคนที่เคยติดตามพ่อบ้านจูมาก่อน จะต้องตกใจเพราะเรื่องแค่นี้อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นยังจะเปิดร้านทำการค้าอะไรในเมืองหลวงได้อีก ขุนนางตำแหน่งสูงและผู้มียศถาบรรดาศักดิ์คนไหนบ้างที่ไม่เคยเห็น

“ท่านพูดเช่นนี้ทำให้โรงยาของเราลำบากใจแล้ว องค์ไท่จู่แต่งตั้งจวนจี้กั๋วกงของพวกท่าน เพราะเห็นว่ามีผลงานช่วยบ้านเมือง ไท่ซ่างหวงมีราชโองการตำหนิด้วยพระองค์เอง ถึงขนาดเตือนว่าจะยึดตำแหน่งกั๋วกง นั่นย่อมเป็นเพราะพวกท่านทำให้ไท่ซ่างหวงผิดหวัง คนที่ทรยศต่อพระมหากรุณาธิคุณไม่ใช่หย่งอันถังของเรา แต่เป็นจวนจี้กั๋วกงของพวกท่านต่างหากเล่า

พวกเราทำตามราชโองการของไท่ซ่างหวง ถือเป็นความจงรักภักดี ท่านเอาองค์ไท่จู่มาข่มขู่พวกเรา จะบอกว่าไท่ซ่างหวงทำผิดอย่างนั้นหรือ?”

จี้หมิงซูคิดไม่ถึงว่าโรงยาเล็ก ๆ เช่นนี้ จะมีเถ้าแก่ที่พูดจาคมคาย เอ่ยสองสามประโยคก็ตอกนางจนหน้าหงายกลับมาแล้ว

นางหัวเราะเสียงเย็น “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

“อ้อ? เมื่อครู่แม่นางจี้ยังพูดจาจริงจัง จนข้าคิดว่าท่านไม่พอใจกับการตัดสินใจของไท่ซ่างหวงเสียอีก?”

จี้หมิงซูชี้ไปที่ป้ายไม้แล้วเอ่ยขึ้นมา “ไท่ซ่างหวงไม่ว่าจะลงโทษหรือตกรางวัลก็ล้วนเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากฮ่องเต้ที่มีต่อจี้กั๋วกง จี้กั๋วกงน้อมรับด้วยความเต็มใจ เพียงหวังว่าพระองค์จะทรงหายกริ้ว แต่โรงยาเป็นที่ที่ใช้ช่วยรักษาคน เพียงเพราะพวกเจ้าไม่ชอบจวนจี้กั๋วกงก็จะดูถูกเหยียดหยามเราเช่นนี้ได้อย่างนั้นหรือ? ข้าในฐานะลูกหลานของจวนจี้กั๋วกง หากมองดูพวกเจ้าทำเช่นนี้ก็ไม่สมควรเป็นลูกหลานของตระกูลแล้ว”

ในบรรดาฝูงชนมีคนจำนวนไม่น้อยพยักหน้าเห็นด้วย คำพูดนี้นับว่ามีเหตุผล ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น หากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้คงจะโมโหมากจริง ๆ

จี้หมิงซูเห็นว่ามีคนเข้าข้างตัวเองแล้ว จึงเอ่ยเสียงดังต่อไปอีก “เป็นหมอควรมีเมตตา จะลำเอียงเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้าว่าหย่งอันถังของพวกเจ้าก็ไม่ใช่โรงยาที่ดีอะไร อาการป่วยของถังกั๋วกงก็เป็นแม่นางลู่ของตระกูลหมอเทวดาข้างกายข้าผู้นี้เป็นคนรักษาให้ แต่พวกเจ้ากลับไม่ให้คนเข้าไป หย่งอันถังบัดนี้ต่อให้เปลี่ยนเจ้าของ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ของถังกั๋วกงหรืออย่างไร? เนรคุณเช่นนี้ยังกล้าเอ่ยชื่อไท่ซ่างหวงอีก เป็นการล้างแค้นส่วนตัวชัด ๆ”

ทุกคนอยู่ในความโกลาหลทันที คิดไม่ถึงว่าหย่งอันถังจะทำเช่นนี้ แม้แต่ผู้มีพระคุณของถังกั๋วกงก็ยังไม่ยอมให้เข้าไปอย่างนั้นหรือ?

เวลานี้ลู่อวิ๋นเซียงย่อมไม่อธิบายสิ่งใด นางเพียงยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก

“หย่งอันถังของพวกเจ้าทำเช่นนี้จะเกินไปแล้วกระมัง คนเขาอยากมาขอคำชี้แนะจากหมอเทวดาของพวกเจ้าก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

ช่างใหญ่โตจริง ๆ”

พ่อบ้านจูทนฟังอยู่นาน เดิมคิดว่าคนพวกนี้คงจะไสหัวไปได้แล้ว ไหนเลยจะรู้ว่ายังมีนักต้มตุ๋นอย่างลู่อวิ๋นเซียงอยู่ด้วย ถึงกับกล้าแอบอ้างว่าเป็นผู้มีพระคุณของท่านกั๋วกง!

นางคนหน้าไม่อาย คนอย่างพ่อบ้านจูทนอะไรก็ทนได้ แต่จะให้ทนกับเรื่องนี้น่ะหรือ?

ไม่ต้องรอให้ถังกั๋วกงสั่ง เขาก็เปิดม่านและพุ่งตัวออกไปทันที ก่อนจะชี้หน้าลู่อวิ๋นเซียงและเริ่มด่ากราด

“เจ้ามันไว้ใจไม่ได้! ลู่อวิ๋นเซียง เจ้ากล้าพูดอีกครั้งหรือไม่ว่าเจ้าเป็นผู้มีพระคุณของท่านกั๋วกง!” พ่อบ้านจูเอามือทั้งสองข้างเท้าเอว และถามออกมาตรง ๆ

ลู่อวิ๋นเซียงยังสวมหมวกปิดหน้าเอาไว้จึงมองคนที่มาใหม่ได้ไม่ชัดเจน แต่หลังจากได้ยินคำพูดนั้นแล้ว ก็รู้ว่าจะต้องเป็นพ่อบ้านจู ตาแก่ที่ไม่ยอมตาย ๆ ไปซะผู้นั้นแน่

เวลานี้นางไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี!

ถังหมิงเองก็รู้สึกประหลาดใจ “พ่อบ้านจู เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

พ่อบ้านจูยังนึกสงสารถังหมิงอยู่บ้าง อย่างไรเสียก็เป็นหลานชายเจ้านายของตนเองไม่ใช่หรือ น่าเสียดายที่เป็นคนไม่ได้เรื่อง

“คุณชายหมิง เหตุใดท่านถึงไปอยู่กับนักต้มตุ๋นผู้นี้ได้ นางบอกว่านางช่วยท่านกั๋วกงท่านก็เชื่อแล้วอย่างนั้นหรือ?”

ถังหมิงกะพริบตาปริบ ๆ “ไม่ใช่นางอย่างนั้นหรือ?”

“เฮอะ ช่างกล้าพูดไม่ดูตัวเองเอาซะเลย ทุกคนมาดูเร็วเข้า คนผู้นี้มาหลอกกินหลอกอยู่ในจวนกั๋วกงของเรา วัน ๆ เอาแต่ทำตัวเสแสร้ง ทำให้ร่างกายท่านกั๋วกงของเราแย่ลงทุกวัน และเกือบถูกนางทรมานจนตาย แต่โชคดีที่ต่อมามีหมอเทวดาหญิงท่านหนึ่งมาช่วยเอาไว้ ท่านกั๋วกงของเราถึงได้อาการดีขึ้น แต่สุดท้ายสตรีผู้นี้กลับแอบอ้างชื่อของท่านกั๋วกง เที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋นคนภายนอก เฮอะ! บอกว่านางช่วยท่านกั๋วกง ถุย!” พ่อบ้านจูด่าลู่อวิ๋นเซียงยาวเหยียดจบแล้ว

จากนั้นก็หันหน้าเล็งไปที่จี้หมิงซู “พูดจาแต่ละประโยคมีแต่กลิ่นเหม็นเน่า ป้ายไม้เขียนเอาไว้แบบนี้จวนจี้กั๋วกงของเจ้ามีปัญหาอย่างนั้นหรือ หากเจ้ามีปัญหาก็ไปแจ้งทางการสิ ไปหาไท่ซ่างหวงสิ ทำไม จวนจี้กั๋วกงของพวกเจ้าสร้างเรื่องอับอายน้อยไปหรืออย่างไร? กลัวคนอื่นกลั่นแกล้งเจ้า เช่นนั้นจวนจี้กั๋วกงของพวกเจ้าก็อย่าไปทำเรื่องหญิงร้ายชายเลวสิ”

พลังฝีปากของพ่อบ้านจูนั้นครบเครื่องเป็นอย่างมาก หลังจากพูดออกมาก็ทำให้สตรีทั้งสองถึงกับใบ้กิน

ประกอบกับจี้จือฮวนรู้สึกว่าด้านนอกเสียงดังจนรบกวนสมาธิในการตรวจงานของนาง จึงได้ลงมาจากชั้นสองและเห็นเหตุการณ์ที่ชั้นหนึ่งทั้งหมด

“เป็นแม่นางที่งดงามยิ่งนัก”

“ท่าทางไม่ธรรมดาเลย”

มีคนอุทานออกมา จี้หมิงซูจึงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะอึ้งจนแข็งค้างในทันที ใบหน้าของสตรีผู้นี้คล้ายกับจี้จือฮวนเจ็ดถึงแปดส่วน เพียงแต่บุคลิกท่าทางนั้นไม่เหมือนกัน ท่าทางเย็นชาเช่นนี้ ไหนเลยจะใช่คนที่นางอัปลักษณ์อย่างจี้จือฮวนจะเทียบได้