บทที่ 175 แคร์

ตอนที่มู่เทียนซิงผลักหลิงเล่ออกจากลิฟต์ จึงพบเห็น ห้องโถงใหญ่ในชั้นหนึ่งล้วนมืดตึดตือไปหมด!

ตู้เย็นกับตู้ปลาที่อยู่ไม่ไกล มีไฟLEDที่ประณีตกำลังกะพริบๆอยู่ แต่ว่าแสงสว่างที่เล็กน้อยแบบนั้นก็ไม่พอทำให้สายตาของพวกเขามองเห็นอย่างกว้างขวาง

มู่เทียนซิงจ้องมองนอกหน้าต่าง ทางนั้นก็มืดตึดตือเช่นกัน ไม่รู้ว่าคืออยู่ในกลางคืนจริงๆหรือว่าผ้าม่านปิดมิดชิดเกินไป

เธอทนไม่ไหว พูดว่า “คุณลุง ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนหรือ?”

หลิงเล่เงยหน้าขึ้นจ้องมองเธอหนึ่งที “อืม น่าจะเป็นตีสี่”

สมรรถภาพทางกายของอีหนูนี้ เขาถือว่าเข้าใจถ่องแท้บ้าง มักจะป่วยเร็ว หายก็เร็วเช่นกัน ครั้งก่อนตอนที่อยู่ในหางโจว ไข้ขึ้นสูงมาก ถึงกลางคืนไข้ลดแล้ว ทันทีนั้นก็โวยวายอยากจะไปเที่ยวข้างนอก ตอนนี้ก็เช่นกัน เห็นลักษณะที่กระปรี้กระเปร่าแบบนี้ของเธอ สามารถที่จะจินตนาการถึงว่าหลายชั่วโมงก่อนเธอยังเป็นผู้ป่วยที่หน้าซีดมีอาการซึมๆคนหนึ่งล่ะ?

มู่เทียนซิงสูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที กายก้มแล้วก้มอีกไปยังหลิงเล่โดยไม่รู้ตัว “งั้นพวกเราขึ้นไปเถอะ ฉันกลัวความมืด”

“คุณไม่ใช่หิวแล้วหรือ?”

“แต่ฉันกลัวความมืด!”

“เหอะๆ~” ในอากาศส่งเสียงหัวเราะขรึมต่ำเบาๆของเขามา หยิบมือถือออกมา เปิดไฟฉายขึ้น เขาบอกกับเธอว่า “รอผมอยู่ที่นี่ ผมจะไปเปิดไฟ”

ตามปกติ เพียงแค่เขาออกจากห้องชุด ก็จะถือกระดิ่งเตียงด้วย

ทันทีที่คนของตระกูลจั๋วได้ยินเสียงกระดิ่งเตียง ก็จะเปิดไฟของห้องโถงใหญ่ขึ้นมา ความต้องการทั้งหมดของเขาก็จะเติมความพออกพอใจ

แต่ว่าตอนนี้ อีหนูบอกว่าหิวแล้ว อยู่ดีๆเขาก็มีอารมณ์ อยากจะลองทำอะไรดูสักอย่างให้กับเธอด้วยตนเอง

รถเข็นสีเงินเลื่อนไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอ กวาดรอยเส้นโค้งที่งดงามกับพื้นที่สะอาดเอี่ยมขึ้นมาหนึ่งเส้น เงากายของเขาดูเหมือนยิ่งห่างกับเธอยิ่งไกล กลับอยู่ในเวลาที่เธอจิตใจวุ่นวายที่สุดมีแสงสว่างส่องให้กับโลกที่สีทะเลน้ำเงินใบนี้

หันหน้ามา เขายิ้มกับเธอ “ดูทีวีอยู่บนโซฟาสักพัก รอผม ผมไปทำของกินให้คุณ”

มู่เทียนซิงอึ้งชะงักอยู่หน้าลิฟต์ จ้องมองเขาจากข้างล่างถึงข้างบนอย่างไม่กล้าเชื่อ “คุณพูดว่าอะไรหรือ?” เธอทำอาหารเป็น ก็เรียนมาโดยบังเอิญเช่นกัน ก็เพียงแค่ฝีมือทำหมี่ผักเสฉวนใส่หมูเส้น เมนูนั้นเท่านั้น โดยเฉพาะเธอใส่ผักเสฉวน ก็ฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเช่นกัน อยากจะใช้กลิ่นสดของผักเสฉวนปกคลุมฝีมือการทำอาหารที่ย่ำแย่ของตนเอง!

นอกจากนี้ เธอดูเหมือนทำเป็นแต่ต้มมาม่าแล้ว!

แต่เขาหรือ?

ทำอาหารเป็นหรือ?

“คุณกำลังล้อเล่นกับฉันอยู่มั้ง?” มู่เทียนซิงเหลือบตาขาวจ้องมองเขาหนึ่งที อยู่ดีๆนึกถึงอะไรได้ เดินเข้าไปยังเขา วางมาดขรึมพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณรักเอ็นดูอาซือว่าพวกเขาเหน็ดเหนื่อยทั้งวันแล้ว ใจร้ายไม่ลงที่จะเรียกล่ะก็ ฉันสามารถจัดการเองได้ล่ะ ฉันก็ไม่เชื่อว่าในห้องครัวไม่มีของเหลือสักนิด!”

เธอคิดว่า นี่ก็ตีสี่แล้ว หาของรองท้องอะไรก็ได้แล้ว

ก็ไม่เชื่อว่าในตู้เย็นแม้แต่เกี๊ยวซ่า เกี๊ยวเหล่านี้ล้วนไม่มี!

อีกทั้งขนมปัง เค้กมักจะมีมั้ง?

ไม่งั้นเช้าตรู่อาซือเสกขนมปังที่จะมาทำแซนวิสออกมาได้ยังไงหรือ?

เธอตบไหล่ของเขาต่อๆกันด้วยความปลอบโยน รอยยิ้มมั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยม “รอนี่ พี่ไปทำ อีกสักครู่พวกเราก็จะมีของกินแล้ว!”

หลิงเล่หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ดึงข้อมือของเธอไว้ ก็ห้ามเธอเดินไปเช่นนี้ อีกทั้งจ้องมองเธออย่างเงียบๆ

ยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกในใจหวานชื่น อบอุ่น

คำพูดของแม่ไม่มีผิด คุณหนูมู่ที่เขาชอบคนนี้ เป็นประเภทที่เกลี้ยกล่อมง่ายที่สุดในโลกแล้ว เพียงแค่สัตย์ซื่อจริงใจ ซื่อตรงจริงใจ จงรักภักดีจริงใจกับเธอย่างเด็ดเดี่ยว เธอก็จะเพราะความรักพุ่งไปอย่างไม่กลัวอันตรายใดๆทั้งสิ้น

เพียงแค่ ก่อนหน้านั้นทำไมเขาไม่สามารถเข้าใจถ่องแท้ล่ะ?

ก็ยังเป็นเด็กที่มีแม่เหมือนดั่งของล้ำค่าชิ้นหนึ่งเหมือนอย่างที่คิด แม้แต่คบรักกับใครล้วนสามารถบรรลุได้

เขาจับคอของเธอลง ไม่รู้ว่าเสกสร้อยสีเงินเส้นหนึ่งที่แฝงไว้ด้วยพลอยไพลินอันแวววาวเม็ดหนึ่งออกมาจากไหน แวววาวแล้วแวววาวอีกอยู่ข้างหน้าเธอ “เทียนซิง ผมจะสวมใส่ให้คุณ”

มู่เทียนซิงจ้องมองสร้อยเส้นนั้น นึกถึงอารมณ์ที่โมโหดึงมันออกมาในวันนี้ สีหน้ามีความสลับซับซ้อนเล็กน้อย

หลิงเล่กลับทนเห็นลักษณะที่เหมือนคิดอะไรอยู่ของเธอไม่ได้

เขาจะให้เธอตอนที่อยู่กับตนเอง ตั้งใจหน่อย ไม่อนุญาตให้คิดฟุ้งซ่าน ความทรงจำที่ไม่มีความสุขเหล่านั้น ดีที่สุดก็คือทั้งชีวิตล้วนไม่ต้องคิด!

เห็นเธอก้มตัวลง เขาจะสวมใส่ให้เธอแล้ว

อยู่ดีๆเธอกลับสะบัดมือทันที จ้องมองเขา “พวกเรายังไม่ได้คืนดีกันล่ะ!”

“เทียนซิง!”

เขาร้อนใจแล้ว จับข้อมือของเธอไว้อย่างรุนแรงอีก พลังนั้น รุนแรงจนทำให้คนตกใจเล็กน้อย!

“เทียนซิง ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ วันหลังจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว! สวมใส่เส้นนี้ไว้เถอะ! คุณล้วนไม่รู้ วันนี้ผมออกจากห้องน้ำ ตอนที่เห็นทั้งบ้านเหลือแต่สร้อยเส้นนี้อยู่ ผม……ผม…….ผมล้วนไม่สามารถที่จะอธิบายถึงความเจ็บปวดใจของผมว่ามากขนาดไหนจริงๆ! ผมรู้ว่านี่เป็นความผิดของผม ผมสมควรอยู่แล้ว แต่ว่าคุณอย่าไม่สนใจผมอีกเลย!”

ลักษณะที่เขาตื่นเต้นร้อนใจเกินไป ทำให้ใจของมู่เทียนซิงสั่นสะเทือนเล็กน้อย

แก้มของเธอแดงเล็กน้อย มีความเขินอายเล็กน้อยพูดว่า “ที่แท้คุณแคร์ฉันขนาดนี้หรือ!”

ตามลักษณะท่าทางที่มีมาโดยตลอดของหลิงเล่ ได้ยินคำพูดนี้ ควรที่จะมอบคำนี้ให้กับเธอจริงๆ “พูดจาไร้สาระ!”

แต่ว่าวันนี้ เขาเป็นลูกผู้ชายมากอดทนไว้แล้ว ตาปริบๆจ้องมองเธอ พยักหน้าต่อๆกัน

เธอดีใจแล้ว

รู้สึกถึงว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ

ก้มหัวลง จูบหนึ่งทีอยู่บนหน้าผากเขา ก่อนที่เขาจะดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง พูดกับเขาว่า “จะให้ฉันสวมใส่ก็ได้ แต่ว่า ต้องดูว่าคุณจะปฏิบัติตัวยังไงแล้วล่ะ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้จนถึงตอนงานหมั้นของพวกเรา ถ้าหากว่าคุณทำให้ฉันไม่สบายใจ ฉันก็จะยกเลิกสัญญาการแต่งงานของพวกเราได้ทุกเวลา”

ใบหน้าหล่อที่ประหลาดใจของหลิงเล่เศร้าลงในทันที “ไม่ใช่มั้ง?”

อีหนูนี้ ช่างเล่นเก่งจริงๆนะ!

เธอทำตาดุใส่เขาหนึ่งที โมโหพูดว่า “ยังไง ฉันล้วนไม่เคยคบรักกับใครดีๆมาก่อน ฉันก็อยากจะคบรักกับใครดีๆสักครั้ง สัมผัสความสุขที่เรียบง่ายที่สุดระหว่างคู่รักทั่วไปสักหน่อย ฉันก็อยากรู้ความรู้สึกที่ถูกผู้ชายที่รักจีบเป็นแบบไหน สรุปก็คือผู้หญิงทุกคนควรมีร่องรอยการใช้ชีวิตที่ปกติ ฉันล้วนอยากจะพยายามลองเดินสักรอบ!”

แม้ว่าเธอเขินอายมาก ตั้งใจแกล้งทำโมโหปกปิด แต่ว่าแก้มที่แดงระเรื่อนั้น ยังมีความใฝ่ฝันที่โผล่ออกมาจากสายตาตอนที่พูดอยู่ ล้วนถูกหลิงเล่จับได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวแล้ว

เขานึกถึงสิ่งที่จั๋วหรันเคยพูดมาก่อน รักผู้หญิงของตนเอง ก็คือทำให้ความปรารถนาของเธอพออกพอใจ ไม่ว่าความปรารถนามากน้อยขนาดไหน ล้วนต้องดูว่าเป็นดั่งเรื่องที่ยิ่งใหญ่ตั้งใจไปทำให้สำเร็จ

จั๋วหรันรักฉวีซือเหวินขนาดนี้ ความจริงพิสูจน์ได้ว่า ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว พวกเขาคู่สามีภรรยานี้ไม่เคยทะเลาะกันสักครั้ง

ผ่านการลงมือปฏิบัติขนาดนี้มาหลายวัน หลิงเล่ก็พบเห็นด้วยเช่นกัน ปรัชญาของการเข้ากันได้ดี เพียงสามารถทำให้เพิ่มความรักซึ่งกันและกัน งั้นก็ต้องยืมกระจกเงามาเป็นการเรียนรู้ล่ะ

พยักหน้า เขารับปากเสียเลย “ได้!”

ดึงมือของเธอมา เขาจูบอยู่บนมือของเธอหนึ่งที

“ที่รักวางใจเถอะ ร่องรอยการเติบโตที่ผู้หญิงทั้งหมดควรมี ผมจะประสบเจอเป็นเพื่อนกับคุณสักรอบอย่างแน่นอน ความสุขเล็กน้อยที่ธรรมดาที่สุดของคู่รักใต้แผ่นดิน ผมก็จะประสบเจอสักรอบเป็นเพื่อนกับคุณอย่างแน่นอนเช่นกัน”

เขาพูดอย่างจริงจัง เธอฟังไปฟังมาก็เมาแล้ว

แม้แต่ผู้ชายที่ปากหวานก้นเปรี้ยวคนนี้เอาสร้อยคอทำให้กลายเป็นสร้อยข้อมือหมุนสามรอบอยู่ข้อมือที่ขาวสะอาดหมดจด และติดไว้ให้เรียบร้อยอีกด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอล้วนไม่รู้!

รอตอนที่เธอมีปฏิกิริยาขึ้นมา เขาเผยรอยยิ้มดั่งจิ้งจอกออกมาให้เห็นแล้ว พูดกับเธอว่า “สร้อยข้อมือสวยจริงๆ”