บทที่ 176 ล้ำค่า
ทั้งๆที่คิดอยู่ว่า ยากที่จะได้ชนะอีกครั้ง ไม่ว่าพูดยังไงก็จะเล่นเนื้อเล่นตัวอยู่ต่อหน้าเขา
สร้อยเส้นนี้ ก็คือจะไม่สวมใส่!
กลับจงใจจะทำให้ หลังจากเขาทำให้กลายเป็นสร้อยข้อมือสวมใส่ให้กับตนเองจริงๆ เธอกลับตัดใจไม่ลงที่จะถอดออกอีก
เหมือนดั่งคำพูดของเขา สร้อยข้อมือนี้สวยจริงๆ
“ฉัน หิวแล้ว ฉันจะไปทำกับข้าว คุณรออยู่ที่นี่”
“อย่า! ผมไป!”
เขาจ้องมองเธออย่างอ่อนโยน ยิ้มแล้วยิ้มอีก พูดว่า “ครั้งก่อนชิมหมี่ของที่รักไปแล้ว ครั้งนี้ก็ให้ที่รักชิมฝีมือการทำอาหารของผมสักหน่อยเช่นกัน”
“คุณทำเป็นหรือ?”
“เป็นหรือไม่เป็น กินแล้วก็รู้เอง”
“……”
“รออยู่บนโซฟา อีกสักครู่ก็เสร็จแล้ว!”
หลิงเล่พูดจบ ผลักรถเข็นไป เลื่อนไปยังทางของห้องครัวอย่างเป็นธรรมชาติมาก มู่เทียนซิงจ้องมองเงากายที่ไปไกลของเขา ไม่ว่าคิดยังไงล้วนไม่วางใจ เดินไปข้างหน้าสองก้าว ในใจเธอคิดว่า ถึงแม้ว่าตามไปช่วยหน่อย ตีไข่สักหน่อย ล้างผักนิดหนึ่ง ก็ดีเช่นกันนะ
แต่ อยู่ดีๆเขากลับหยุดรถเข็นไว้ หันหน้ามองไปยังเธอ “อย่าเข้ามา!”
เธออึ้งชะงักอยู่กับที่ “ฉันแค่อยากจะช่วยคุณ ไม่หวังให้คุณเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป”
“ผมไม่อยากให้คุณเห็นลักษณะที่ผมทำกับข้าว ถ้าหากว่าคุณอยากจะดูจริงๆ รออีกครึ่งปี จะดีไหม?”
ความหมายของเขาชัดเจนมาก อีกสักครู่เขายังต้องยืนขึ้นมาล้างผัก หยิบจาน ทำอาหาร ล้วนต้องเดินไปๆมาๆ เขาไม่ยอมที่จะให้เธอเห็นท่าทางการเดินที่หัวมังกุท้ายมังกรของเขา ถึงแม้ว่าเธอเคยเห็นครั้งหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่ยอมให้เธอเห็นครั้งที่สองอีกเช่นกัน มู่เทียนซิงจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ บนหัวใจเจ็บจี๊ดๆ
หลิงเล่กลับยิ้มแล้วยิ้มอีกกับเธอ “ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่นานผมก็ทำเสร็จแล้ว”
เขาไปแล้ว
รถเข็นคันหนึ่ง เลื่อนไปอย่างว่องไวเหมือนดั่งปลา
มู่เทียนซิงกลับมาหน้าโซฟานั่งลง กลับไม่กล้าดูทีวี ไม่กล้าเคลื่อนย้ายความสนใจที่พุ่งไปจุดจุดเดียว
ข้างหลังของเธอล้วนตึงแน่นมากทั้งตัว หูคู่หนึ่งพยายามฟังการเคลื่อนไหวในห้องครัว กลัวเขาหกล้มอย่างมาก หรือว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธอกลับไม่รู้
ฉากนี้ ก็ถูกจั๋วหรันคู่สามีภรรยามองเห็นแล้วเช่นกัน
ตอนแรกคือจั๋วหรันได้ยินเสียงของไฟที่ถูกเปิดในห้องโถงใหญ่ ดังนั้นกวาดดูกล้องวงจรปิดหนึ่งที พบเห็นซือซ่าวลงไปข้างล่างกับคุณหนูมู่
เขามองเห็นลักษณะที่เขาทั้งสองคืนดีกันเหมือนเดิม รีบเรียกฉวีซือเหวินตื่น
เพราะว่าฉวีซือเหวินก็พัวพันกับเรื่องนี้กันอยู่อย่างอุตลุดเหลือเกิน ในใจเธอมีมากน้อยที่ตำหนิตนเองเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอเพียงแค่รับคำสั่งจากคนอื่น
ตอนที่พวกเขาเปิดเสียงของกล้องวงจรปิด ได้ยินตอนที่ซือซ่าวจะลงครัวทำอาหารให้กับคุณหนูมู่ด้วยตนเอง ทั้งสองคนสบตาพร้อมกันหนึ่งที ล้วนกลืนน้ำลายแล้วกลืนน้ำลายอีก เริ่มอิจฉาคุณหนูมู่ขึ้นมา! ซือซ่าวจะมีฝีมืออย่างหนึ่ง และยังเก่งกว่าฉวีซือเหวินอีก!
นั่นก็คือทำเมนูปลา
ฝีมือนี้ก็ฝึกตอนที่อยู่หางโจวในปีนั้น หนีจื่อหยางคุณตาของซือซ่าวมาสอนเขาด้วยตนเอง ในปีนั้นขาของซือซ่าวเพิ่งเดินได้พอถูๆ ไถๆ หนีจื่อหยางทำปลาให้กับเขากินด้วยตนเอง หลังจากเขากินแล้วชื่นชมไม่หยุดปาก ยังทอดถอนใจพูดว่า เกรงว่าวันหลังจะไม่มีโอกาสจะได้กินอีกแล้ว
จากนั้น หนีจื่อหยางจึงบอกเคล็ดลับทั้งหมดที่ทำปลานี้ให้กับซือซ่าวฟังอย่างละเอียด สอนเขาทั้งช่วงบ่าย
ซือซ่าวฉลาดเหลือเกิน เพียงแค่ช่วงบ่ายช่วงหนึ่ง ล้วนสืบช่วงแก่นสารการทำปลาทั้งหมดของหนีจื่อหยางแล้ว
ทุกปีจั๋วหรันพวกเขาก็มีแค่ความโชคที่ได้กินหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น ล้วนยังอยู่ในตอนที่เป็นเทศกาลหรือปีใหม่เท่านั้น ซือซ่าวจะตั้งใจลงครัวโชว์ฝีมือนี้สักหน่อย
“ทำยังไงดีล่ะ ฉันอยากออกไป” ฉวีซือเหวินพูด “ฉันแกล้งทำเป็นลุกขึ้นมากินน้ำ จากนั้นเดินสวนทางกันกับซือซ่าว พบเห็นเมนูปลาแล้ว จากนั้นฉันก็เลยถือโอกาส……..”
“หยุด!” จั๋วหรันยิ้มเบาๆอยู่ ทำลายความฝันของเธอ พูดว่า “นี่เป็นซือซ่าวตั้งใจโชว์อยู่ต่อหน้าคุณหนูมู่ล่ะ สิ่งที่ต้องการก็คือบรรยากาศ นี่เป็นเพียงโลกของคนทั้งสองแบบนี้ ทันทีที่คุณเข้าไป จะไม่ใช่ต้องถูกทำร้ายจนหมดเลยหรือ?”
ฉวีซือเหวินแลบลิ้นต่อๆกัน “ฉันอยากกินล่ะ! คุณก็รู้เช่นกัน ทั่วใต้หล้านี้ อาหารที่สามารถทำให้ผู้หญิงที่มีฝีมือการทำอาหารยอดเยี่ยมขนาดนี้อย่างฉันคิดถึงอยู่ตลอด มีเพียงเมนูปลาของซือซ่าวแล้ว!”
“เหอะๆๆ~” จั๋วหรันหัวเราะอีก “ไอ้โง่น้อย คุณอยากกินปลา ก็เกลี้ยกล่อมคุณหนูมู่ให้ดีๆ เพียงแค่คุณหนูมู่สั่ง ซือซ่าวจะต้องลงครัวด้วยตนเองอย่างแน่นอน!”
ได้ยินคำพูด ฉวีซือเหวินยิ้มอย่างเบิกบาน “ใช่! สามีจ๋า คุณฉลาดจริงๆ!”
“อืม ตอนนี้ไม่ได้กินปลา ผมฝืนใจ เป็นปลาสักครั้งหนึ่ง โดนคุณกิน!”
“อ่า! คุณฝันไปเถอะ!”
อยู่ในระหว่างการหยอกล้อเล่นของจั๋วหรันคู่สามีภรรยา อ่อนโยนรักใคร่สุดซึ้งแยกจากกันไม่ได้หนึ่งรอบจบเสร็จสิ้นไปแล้ว เขาทั้งสองคนหลับตาลง นอนไปอย่างพอใจ แต่หลิงเล่นี่เพิ่งยกข้าวสองถ้วย นั่งรถเข็นเลื่อนออกมาจากข้างใน
ทันทีที่มู่เทียนซิงเห็น รีบวิ่งเข้าไปรับข้าวจากมือของเขาวางอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ยังมีอะไรอีก คุณอย่าขยับ ฉันไปเอา!”
“สวมใส่ถุงมือนะ ระวังร้อน!”
“ได้!”
หลิงเล่ไม่ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือของเธอ หนึ่งคือเขานั่งอยู่บนรถเข็นไม่สะดวกที่จะยกปลาทั้งจานจริงๆ เขารู้ได้ชัดว่าตอนที่เขายุ่งอยู่ในห้องครัว ในใจของอีหนูร้อนใจอย่างมาก ทรมานอย่างมากแน่นอน
รอตอนที่เธอเต็มเปี่ยมด้วยความประหลาดใจยกเมนูปลาที่นิ่มสดจานหนึ่งออกมา อดไม่ได้ อิอิ ชื่นชมความประหลาดใจ “คุณลุง คุณแน่ใจว่านี่เป็นคุณทำเองหรือ? ทำไมฉันรู้สึกว่านี่เป็นที่อาซือทำเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้วซ่อนอยู่ข้างใน หลังจากคุณเข้าไปแล้ว อุ่นสักหน่อยค่อยยกออกมาล่ะ?”
จ้องมองมือที่เป็นนักเปียโนคู่นั้นของเขา ขาวอ่อนนุ่มนิ่มลื่น ยังไงก็ไม่เหมือนมือที่จับมีดหั่นผัก
มู่เทียนซิงต่อที่ไปที่มาของอาหารนี้ แสดงความสงสัยอย่างมาก
หลิงเล่กลับหัวเราะแล้ว จ้องมองเธอพูดว่า “พูดอย่างงี้ คุณก็รู้สึกว่าผมทำได้เก่งมากใช่ไหม?”
แท้ที่จริงแล้วเขาก็รู้ว่าหลังจากตนเองยกออกมาเธอจะประหลาดใจ เพราะว่าทุกครั้งที่เขาลงครัว ฉวีซือเหวินพวกเขาล้วนคือกอดถ้วยชามไว้ตาปริบๆรออยู่ข้างนอก
“ไม่เพียงแค่เก่ง! ฉันพูดกับคุณ โอ๊ะ เมื่อกี้ฉันอยู่ในครัวอดไม่ได้แอบชิมหนึ่งชิ้นไปล่ะ! อ๋าว อ๋าว ช่างอร่อยเหลือเกินจริงๆ!”
นึกไม่ถึงคุณลุงบ้านเธอยังมีฝีมือนี้ มู่เทียนซิงพออกพอใจเหลือเกิน ไม่ว่าคิดยังไงล้วนรู้สึกว่าตนเองได้กำไรแล้ว
“เหอะๆ คุณดีใจก็พอ”
เขายิ้มแล้ว หลังจากพูดจบ และเสริมอีกคำหนึ่งว่า “ถ้าคุณชอบ ผมยังอยากจะไปฝึกทำอาหารอย่างอื่นอีกได้ วันหลังทำกับข้าวให้คุณกินทุกวัน ดีหรือไม่?”
“ได้สิ!”
อีหนูไม่สนใจว่าเขาพูดอะไรแต่จะเริ่มกิน เธอล้วนขานรับอย่างไม่ใส่ใจ ในปากชื่นชมต่อๆกัน
กลับไม่รู้ว่า ส่วนชายบางคนจดจำคำพูดของเธอไว้ในใจแล้วจริงๆ อีกทั้งตัดสินใจแล้วว่า เพื่อที่จะได้รับความชมเชยสรรเสริญและ ชื่นชอบของเธอยิ่งมากกว่านี้ และจะพยายามไปศึกษาค้นคว้าฝีมือการทำกับข้าวเลย!
ในห้องอาหารน้อย ทั้งสองคนก็นั่งตรงข้ามกัน ตรงกลางกั้นปลาจานหนึ่ง ทั้งกินทั้งพูดคุยแบบนี้ ล้วนลืมการไหลผ่านของเวลาไปแล้ว
มู่เทียนซิงเริ่มเล่าจากตอนเวลาเด็กๆ พูดถึงเรื่องสนุกของบ้านเกิดเมืองชิงเฉิง พูดถึงเรื่องสนุกในโรงเรียน พูดถึงเรื่องมากมาย และยังไม่ลืมยัดแผ่นปลาเข้าไปในปากทุกเวลา
หลิงเล่ก็ฟังอยู่อย่างเงียบๆเช่นนี้
ยิ่งฟัง ยิ่งรู้สึกที่รักของบ้านตนเองคือล้ำค่าเช่นนี้
ความบาดเจ็บเช่นนั้น เพียงแค่ปลาจานหนึ่ง ทำให้เธอลืมจนเกลี้ยงไปหมดแล้ว
เธอยิ่งไม่คิดอะไรมากเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอับอาย
ท้องฟ้าที่อยู่นอกหน้าต่างค่อยๆสว่างขึ้น เสียงจักจั่นเสียงหนึ่งดังกว่าอีกเสียงหนึ่ง มู่เทียนซิงจึงรู้สึกตื่นตระหนก ปลาจานหนึ่งล้วนถูกเขาทั้งสองกินหมดเลย
ลุกขึ้นมา บิดขี้เกียจหนึ่งที “ง่วงมาก!”
เขายิ้มเบาๆ “กลับไปนอนต่ออีก!”