จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 135

ที่หอภารกิจของสํานักชั้นใน

อาคารแห่งนี้แบ่งออกเป็นห้าชั้น ตกแต่งด้วยรูปแบบโบราณเคร่งขรึม

มีสองชั้นที่ถูกเปิดเป็นส่วนรับมอบภารกิจ

ชั้นแรกจะเป็นภารกิจทั่วไป มีความยากค่อนข้างต่ํา กระนั้นเมื่อนําไปเทียบกับภารกิจของ สํานักชั้นนอกแล้วก็ยังยากกว่ากันมาก

ชั้นที่สองจะเป็นภารกิจพิเศษที่มีความยากสูง นอกจากแต้มผลงานแล้วยังมีรางวัลอื่นๆ เป็นสิ่งตอบแทน อาทิ วัตถุดิบ อาวุธ และโอสถ

ภารกิจพิเศษย่อมมีความยากสูงชนิดที่ว่าอาจมีแต่ขาไปไม่มีขากลับ

เมื่อฉันเทียนเดินเข้ามาในหอภารกิจ หลายคนก็หันมองมา ทุกคนล้วนมีระดับการบ่มเพาะ สูงอย่างยิ่ง ต่ําสุดก็อยู่ระดับก้าขั้นกลั่นวิญญาณแล้ว

ดังนั้นการปรากฏตัวขึ้นของระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณย่อมตกเป็นที่สนใจของผู้คนทั้งหมด

“ระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณ?”

” เข้ามาด้วยช่องทางพิเศษหรือ?”

“ระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณก็กล้าเข้ามาที่นี่ ดูท่าคงเบื่อหน่ายชีวิตแล้วจริงๆ”

เสียงพูดคุยดังขึ้น ศิษย์กลุ่มต่างๆมองดูฉินเทียนด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย มีทั้งงงงวย ดูถูกเห ยียดหยาม บ้างก็เห็นเป็นเรื่องขําขัน

เมื่อเข้ามาอยู่ในสํานักแล้ว ระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณก็ไม่นับเป็นอย่างไรเลยจริงๆ ทว่าพวก เขาย่อมไม่รู้ว่าแม้แต่ผู้บมเพาะขั้นสวรรค์อย่างหวังซีก็ยังตกตายด้วยน้ํามือของฉันเทียนมาแล้ว ฉิน เทียนไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้คนส่วนใหญ่ในที่นี้เลย

“ฉินเทียน?”

มีเสียงทักดังออกมาจากทางกลุ่มคน หลายคนหันมองตามเสียงนั้นไปและก็พบว่าผู้ที่ส่งเสีย เอ่ยทักก็คือ เพิ่งผ่านอี

” พี่เพิ่ง” ฉุนเทียนชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางเดินเข้าไปหา

“เขาก็คือฉุนเทียน?”

“ฉินเทียน!!”

ทันใดนั้นภายในโถงชั้นหนึ่งก็มีเสียงคํารามดังขึ้น พลังปราณอันมหาศาลที่แฝงมากับเสียงล้วน ทําให้ผู้ที่ได้ยินได้แต่ลอบปาดเหงื่ออยู่ในใจ เหล่าผู้ที่อยู่ภายในโถงจําต้องเร่งเร้าพลังปราณออ กมาคุ้มครองกาย

เมื่อรับมือกับปัญหาที่เบื้องหน้าได้แล้ว ผู้คนก็หันมองไปยังต้นตอของเสียง

หวังเย่ ระดับสามขั้นสวรรค์ หนึ่งในสิบสองผู้ดูแลของกลุ่มชิงเทียน คนผู้นี้ได้รับการสนับสนุน จากประมุขน้อยของกลุ่ม ได้ฝึกฝนยอดวิชาอย่างหยินสุดขั้วที่จะปลดปล่อยพลังหยินออกมาสร้า งความหนาวเหน็บขั้นหัวใจแก่ผู้ที่อยู่โดยรอบ ทําให้ผู้คนไม่กล้าเฉียดกายเข้าใกล้

ที่สําคัญที่สุดก็คือ เขาเป็นพี่ชายของหวังซี

ในสงครามชิงอํานาจของสํานักชั้นนอก การต่อสู้อันดุเดือดในสนามประลองทําให้ฉุนเทียนมีชื่ อเสียงขึ้นมามีแต่ภายในสํานักชั้นในก็ยังมีผู้ที่ได้ยินชื่อของเขามาบ้าง

โดยเฉพาะกับกลุ่มชิงเทียน พวกเขาต้องสูญเสียผู้ดูแลไปหนึ่งคน อีกทั้งผู้ดูแลนั้นยังถูกเด็ดชีพ โดยศิษย์สายนอกผู้หนึ่งที่อยู่เพียงระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณเท่านั้น นับเป็นเรื่องที่ทําลายชื่อ เสียงของกลุ่มชิงเทียนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ความอัปยศในครั้งนี้มีแต่จะต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้น

การตายของหวังซีทําให้หวังเย็โกรธเกลียดฉินเทียนเข้ากระดูกดํา หากไม่ใช่เพราะประมุขน้อ ยกําลังอยู่ในช่วงปิดด่านกักตนเพื่อทะลวงผ่านไปยังขั้นจักรวาลแล้วล่ะก็ ตัวเขาก็คงพุ่งตรงไปสัง หารฉุนเทียนที่สํานักชั้นนอกอย่างไม่ลังเลไปแล้ว จะยังปล่อยให้ฉันเทียนเสนอหน้าเข้ามายั งสํานักชั้นในได้อย่างไร?

ได้ยินเมื่อผ่านอีเสียงร้องเรียกชื่อ “ฉินเทียน” หวังเย่ก็แทบจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา โทสะกักเก็บไว้ ภายในแทบจะปะทุออกเสียเดี๋ยวนั้น โถงชั้นหนึ่งพลันตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยี อกจนทําให้เหล่าศิษย์ต่างหน้าซีดลง

ทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น

ฉุนเทียนขมวดคิ้ว พลังมังกรพิสุทธิ์ภายในร่างแผ่ออกยับยั้งกลิ่นอายชั่วร้ายเอาไว้ สายตามอ งดูหวังเย่อย่างตกตะลึงก่อนจะพลันเข้าใจขึ้นมา ในใจเพิ่มความตื่นตัวขึ้นหลายส่วน

ที่เขาสามารถสังหารหวังซีลงได้ก็ด้วยเพราะพึ่งพาทักษะพันจิตสังหาร ทักษะหากินของปีศาจ เก้าสวรรค์ อาศัยเพียงกําลังส่วนตัวแล้ว เขาย่อมไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหวังซี ขั้นสวรรค์ย่อมแข็ง แกร่งกว่าขั้นกลั่นวิญญาณมาก

เผชิญหน้ากับหวังเย่ที่อยู่ในขั้นสวรรค์มาแล้วหลายสิบปี ฉุนเทียนก็เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมา

หากอีกฝ่ายต้องการลงมือโดยไม่สนสิ่งใดขึ้นมาจริงๆ ฉุนเทียนก็ยากจะต้านไหว

” หวังเย่ เจ้าจะทําอะไร? ที่นี่คือหอภารกิจ เจ้าต้องการจะก่อเรื่องขึ้นจริงๆ?” เมิ่งฝายอีก้าวออ กมาบังร่างของฉันเทียนเอาไว้พลางตะโกนถามหวังเย่

ในใจของเพิ่งผ่านอีเองก็เต้นไม่เป็นระส่ําแล้วเช่นกัน

เพิ่งผ่านอีเพียงอยู่ในระดับเก้าขั้นกลั่นวิญญาณ แล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของหวังเยู่ได้อย่างไร? เพีย งกลิ่นอายของขั้นสวรรค์ที่แผ่ออกก็แทบกดทับเขาจนหายใจไม่ออกแล้ว

ศิษย์คนอื่นๆเองก็ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วเช่นกัน

ฉุนเทียนหน้าขาวซีด เคล็ดมังกรฟ้าในร่างยังคงส่งพลังออกมาคุ้มครองไม่หยุด กระนั้นก็ยังไม่ อาจต้านทานแรงกดดันจากหวังเยู่ได้ทั้งหมด ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นภายในจิตใจของเขา ถล่มมา รดามัน!”

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของฉุนเทียนสั่นกระตุกอย่างโมโห

พลังปราณในร่างถูกโคจรออกคุ้มครองกาย นอกจากใช้ออกเพื่อปกป้องตัวเองแล้ว ฉินเทียนก็ ไม่มีพลังหลงเหลือไปทําอย่างอื่นอีก

ยอดฝีมือระดับสามขั้นสวรรค์ยังเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากเกินไปสําหรับเขา

“ฉุนเทียน คืนชีวิตน้องชายข้ามา!”

หวังเยู่ถูกโทสะเข้าครอบงําจนแทบไม่สนใจกฎของสํานักใดๆ ฝ่ามือทั้งสองงองุ่มเป็นกรงเล็บ เล็บของแต่ละนิ้วมือล้วนแฝงไว้ด้วยปราณหยินเข้มข้น แทงตรงไปยังร่างของฉันเทียน…………..

พลังหยินชั่วร้ายที่แฝงไว้ด้วยพลังสวรรค์ทั้งน่าขนลุก ทั้งทรงพลัง

หากโดนกรงเล็บนี้เข้าไป ศีรษะของฉันเทียนก็คงเกิดรูขึ้นอีกสิบรู

หวังเก่บรรลุขั้นสวรรค์มาแล้วหลายสิบปี ความแข็งแกร่งของเขาย่อมเหนือล้ํากว่าหวังซีมาก เจอกับคู่ต่อสู้เข้มแข็งเช่นนี้ ฉันเทียนไร้หนทางจะโต้กลับอย่างแท้จริง

ถูกสะกดจนแทบไม่อาจขยับร่าง ในใจฉินเทียนก็เดือดดาลแล้ว ขณะที่เขากําลังจะเปิดใช้งาน โหมดปีศาจ พลังปราณที่บริสุทธิ์อย่างมากขุมหนึ่งก็เข้าปกป้องเขาพร้อมกับสะท้อนกรงเล็บของห วังเยกลับไป

สุ่มเสียงอันลุ่มลึกสายหนึ่งพลันดังขึ้น ”บังอาจ!”

คําว่า “บังอาจ” ที่เปล่งออกมาแฝงไว้ด้วยพลังอันมหาศาล บังคับให้หวังเย่ต้องล่าถอยไป

บุรุษวัยกลางคนที่มีใบหน้าซีดเซียวสวมเสื้อคลุมสีฟ้าปรากฏตัวขึ้นภายในโถงชั้นหนึ่ง แววตา ของเขาวาวโรจน์ดวยความโกรธ

ฉนเทียนผงะ กลิ่นอายนักล่าของเขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายใดๆบนร่างของคนผู้นี้!

นี่นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ครั้งแรกเกิดขึ้นกับเซียนเหลียนฮัวแห่งนิกายจิงซิน

ถ้าแม้แต่กลิ่นอายนักล่าของเขายังจับสัมผัสอันใดไม่ได้ แล้วบุรุษวัยกลางคนผู้นี้จะมีระดับบ่ม เพาะถึงขั้นไหนกัน? ขั้นจุติ?

จิตใจของฉันเทียนเขม็งตึงขึ้นมา เขารีบถอยฉากหลบออกไปทันที

สีหน้าของหวังเผ่พลันเปลี่ยนไป แม้บนใบหน้าจะยังมีร่องรอยโทสะหลงเหลืออยู่บ้าง แต่พลัง สวรรค์ก็ถูกเก็บรั้งกลับไปแล้ว หวังเก่ปรับท่าทางก่อนจะกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสเซียว ท่านไม่ควรเข้า มายุ่งกับเรื่องของกลุ่มชิงเทียน”

ทุกคําพูดถูกกล่าวออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคํา แม้จะเผชิญหน้าอยู่กับผู้อาวุโสหอภา รกิจเซียวเฟิง แต่น้ําเสียงของหวังเย่ก็ยังแฝงแววข่มขู่

สีหน้าของผู้อาวุโสเซียวเฟิงเคร่งเครียดลง เขาหรี่ตาลงก่อนที่พลังอันลึกล้ําจะปะทุออกมากระ ชากหวังเย่หมอบฟุบไปกับพื้น ” การลงมือก่อเรื่องภายในหอภารกิจ เชื่อหรือไม่ว่าเราผู้เฒ่าจะสัง หารเจ้าทิ้งเสียตรงนี้”

เห็นหวังเย่หมดหนทางขัดขืนอย่างสิ้นเชิง ฉุนเทียนก็สะท้านอยู่ในใจ ความปรารถนาที่จะแข็ง แกร่งพลันลุกโชนอย่างแรงกล้า

แม้จะถูกกําราบไว้กับพื้น หวังเย่ก็ยังคงตะโกนออกไปอย่างดื้อด้าน “หากท่านกล้าก็สังหารบิ ดาสิ เอาเลย! ก็แค่ระดับสูงสุดขั้นสวรรค์ผู้หนึ่ง ภายในร้อยปีบิดาต้องแซงล้ํานําหน้าท่านแน่ ถึงตอนนั้นก็คอยดูว่าข้าจะสังหารท่านอย่างไร!”

“โอหัง!” เซียวเฟิงยกมือขึ้น พลังสวรรค์ทะยานพุ่งขึ้นฟ้า ก่อเกิดเป็นทะเลพลังปราณพุ่งบดขยี้ลงมา

” ครืน…………”

ภายในห้องโถงภารกิจ หวังเย่มองดูเซียวเฟิงก่อนจะแค่นเสียง เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะตบเอาฝุ่น ผงตามร่างออกไปก่อนจะวางท่าเย่อหยิ่ง

ที่เบื้องหน้าของเขาปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้น เมื่อมองดูดีๆแล้วก็พบว่านี่เป็นเพียงร่างเงาร่างหนึ่ง เท่านั้น

ร่างเงานี้มีวงคิ้วและใบหน้าอันหล่อเหลาสง่างาม น่าจะอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ ขัดแย้งกับกลิ่นอาย สะกดข่มผู้คนที่แผ่ออกมาอย่างสิ้นเชิง ร่างเงานี้จ้องมองเซียวเฟิงก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ผู้อาวุโส เซียว เห็นแก่หน้าข้า เรื่องราวของให้ยุติลงเพียงเท่านี้”

ใบหน้าของเซียวเฟิงซีดจางลง เหงื่อกาฬผุดเต็มศีรษะ พลังโจมตีที่เขาปลดปล่อยออกกลับถูก ร่างแยกนี้ต้านรับไว้อย่างหมดจด! นี่เป็นความแข็งแกร่งแบบใดกัน?

” ขอรับ….ขอรับ….ประมุขน้อย” เซียวเฟิงเค้นเรี่ยวแรงกล่าวตอบไป แรงกดดันอันมหาศาล ที่กดทับอยู่ร่างของเขาคงจะเข้าบดขยี้เขาทันทีที่กล่าวคําว่า “ไม่” ออกไป

ขั้นจักรวาล ประมุขน้อยทะลวงผ่านไปยังขั้นจักรวาลสําเร็จแล้ว

ร่างเงานั้นยิ้มบางก่อนที่สายตาจะหันมามองฉันเทียนอย่างเย็นชา

แรงกดดันที่เกิดจากการมองดูนี้แทบจะทําให้ฉันเทียนคุกเข่าลงไป พลังปราณที่โคจรอยู่ภาย ในร่างพลันพังพินาศ พลังมังกรพิสุทธิ์ที่หมุนโคจรอยู่พลันลดความเร็วลงจนกลายเป็นหยุดนิ่งไม่เค ลื่อนไหว รับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในร่าง ฉุนเทียนก็ตื่นตะหนกขึ้นมา

“ฮีม ยังไม่คู่ควรให้ข้าต้องลงมือเอง” ร่างเงานั้นแค่นเสียง ในสายตาของเขาแล้ว ฉุนเทียนผู้นี้ ยังเทียบไม่ได้แม้แต่มดปลวก สําหรับการดูถูกเหยียดหยามอย่างที่สุดเช่นนี้ทําให้ฉันเทียนโกรธแค้ นอย่างมาก

พริบตาถัดมา ร่างเงานั้นก็หายไปจากห้องโถง

“ประมุขน้อยแห่งกลุ่มชิงเทียน”

“ฮ่าๆ…ประมุขน้อยบรรลุขั้นจักรวาลแล้ว ตอนนี้อู่เทียนก็ได้แต่งอมือรอรับความตายเท่านั้น”

“เขาก็คือประมุขน้อยของกลุ่มชิงเทียนหลิวชวงหาน บิดาจดจําเจ้าได้แล้ว รอบิดาก่อนเถ อะ….” มุมปากปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายสายหนึ่ง จิตสังหารอัดแน่นไว้เต็มอก