จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 136
ประมุขน้อยกลุ่มชิงเทียน หลิวชวงหาน เป็นผู้เข้มแข็งอันดับต้นๆแห่งสํานักเทียน
เพียงส่งร่างเสมือนจริงออกมาก็สามารถกดหัวฉินเทียนได้แล้ว
สําหรับหลิวชวงหานแล้ว ฉุนเทียนไม่มีแต่คุณสมบัติจะเป็นศัตรูของเขาเลยด้วยซ้ํา
เป็นแรงกดอันใหญ่โตราวขุนเขา ฉุนเทียนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ในใจเพาะสร้างเป็นความ แค้นอันลึกล้ํา สายตาของเขาจ้องมองทิศทางที่ร่างเงาหายไปก่อนจะกําหมัดแน่น ประมุขน้อยงั้น เหรอ? รอบิดาก่อนเถอะ หากทําเจ้าตายไม่ได้ บิดาจะเขียนชื่อกลับหลังให้เลย
“น้องฉิน เจ้าไปล่วงเกินเขาตั้งแต่เมื่อใด?” เพิ่งผ่านอีหน้าขาวซีด ความเสียหายที่เกิดจากแร งกดดันทางจิตวิญญาณของหวังเยู่นั้นไม่ใช่เล็กน้อยเลย
ฉินเทียนยิ้มเจื่อน ไม่ได้ตอบคํา
“ฉินเทียน ให้เจ้ามีชีวิตอีกสักหลายวันก็แล้วกัน แต่ไม่ช้าก็เร็วชีวิตของเจ้าจะต้องเป็นของข้า” หวังเยู่หัวเราะเสียงเย็น แววตาเข้มข้นไปด้วยจิตสังหาร
ฉินเทียนหันไปจ้องมองหวังเยโดยปราศจากความกลัว เขาดูสงบนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน รอยยิ้มลี้ลับค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า
หวังเย่ผงะก่อนจะหรี่ตาลง
สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่งร่างกายก็กลายเป็นเงาดําหายไปจากหอภารกิจ
ประมุขน้อยกลุ่มชิงเทียนบรรลุขั้นจักรวาล ในใจของหวังเยู่ก็ตื่นเต้นยินดี ไม่ช้าก็เร็วฉัน เทียนย่อมต้องตายในมือของเขา แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องที่สําคัญกว่าให้เขาไปกระทํา และอีกอย่าง หากเขาลงมือฆ่าคนภายในหอภารกิจ คนของหอคุมกฏจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นแน่ แม้ว่าหวังเย่ จะไม่เกรงกลัว แต่เขาก็ไม่อยากตอแยปัญหาใส่ตัวโดยไม่จําเป็น
เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งปี งานประลองจัดอันดับของศิษย์สายในก็จะเวียนมาถึง
ผู้ที่เป็นศิษย์สายในทั้งหมดล้วนแต่ต้องเข้าร่วม ถึงตอนนั้นต่อให้เขาฆ่าฉันเทียนตายคามือก็จะ ไม่มีผู้ใดสามารถเอาผิดเขาได้
หลังหวังเย่จากไป หอภารกิจก็กลับมาคึกคักดังเดิม หลายคนเริ่มคาดเดาว่าฉุนเทียนจะมีชีวิต รอดได้อีกกี่วัน เขาไปล่วงเกินกลุ่มชิงเทียนเข้าแบบนี้ก็ยากจะก้าวหน้าในสํานักในแล้ว เวลานี้หลิ วชวงหานทะลวงผ่านคอขวดขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่ อํานาจของกลุ่มชิงเทียนย่อมพุ่งทะยาน
ระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณอย่างฉินเทียนจะมีชีวิตรอดได้อีกสักกี่วันก็ยากจะบอกได้
ทุกย่างก้าวของเขาล้วนเต็มไปด้วยความอันตราย
ฉินเทียนแค่นเสียงอยู่ในใจ เขาเงยหน้ามองแผ่นศิลาดําก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นที่สอง
” น้องฉิน ภารกิจในชั้นที่สองอันตรายมาก แม้แต่ยอดฝีมือขั้นสวรรค์ก็ยังยากจะสําเร็จ ใยเจ้า ไม่หาภารกิจที่ง่ายกว่าไปก่อนล่ะ?” เมิ่งผ่านอีเดินตามฉินเทียนไปพลางอธิบาย คงไม่ใช่ว่าฉันเทียน เสียสติไปแล้วหรอกนะ?
“เหอะ ระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณก็กล้าขึ้นไปรับภารกิจในชั้นสอง ไม่ใช่ว่าหวาดกลัวจนเสียสติ ไปแล้วหรอกนะ?”
” ช่างไม่เจียมตัว”
“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็ตายอยู่ดี บางทีคงเลือกจบชีวิตอยู่ในภารกิจที่ดูยากๆเพื่อรักษา หน้าตากระมัง ฮ่าๆ…”
ฉันเทียนไม่นําพาเสียงเยาะเย้ยเหล่านั้น กระทั่งยังสงสารคนเหล่านั้นเสียด้วยซ้ํา เมื่อเดิน อยู่บนเส้นทงแห่งเต๋ที่ทั้งอันตรายและท้าทายสวรรค์ หากเอาแต่กลัวไม่กล้าเสี่ยงภัย แล้วเมื่อใด จะบรรลุ?
มรรคาเต่ําสามพันพันวิถี สุดท้ายล้วนบรรจบรวมเป็นหนึ่ง มีเส้นทางใดบ้างที่ไม่ต้องเสี่ยงอัน ตราย?
” พี่เติ้ง เส้นทางของข้านั้นแตกต่างกับผู้อื่น ภารกิจในชั้นหนึ่งไม่มีส่วนช่วยใดๆต่อการบ่มเพาะ ของข้า” ฉินทียนกล่าวอย่างกํากวม
เพิ่งผ่านอีไม่ได้คิดมาก หลังจากขบคิดใคร่ครวญดู เขาก็ยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “กระทั่งน้องฉันยัง มีความกล้า แล้วใยข้าจึงต้องกลัว? เส้นทางแห่งเต๋ต้องบุกเบิกฝ่าฟันจึงบรรลุ ข้าติดอยู่ที่ระดับเก้า ขั้นกลั่นวิญญาณมาสิบปีแล้ว ที่ไม่อาจทะลวงย่อมเป็นเพราะยังขาดซึ่งโอกาส แทนที่จะเก็บตัวฝึก เงียบๆ ใยไม่ลองแสวงหาโชคในคราเคราะห์ดูสักหน บางทีสิ่งที่ตามหาอาจจะอยู่ในเดิมพันนี้เอง”
ได้ยินคํากล่าวของเพิ่งผ่านอี ฉุนเทียนก็อึ้งก่อนจะตอบว่า “ตกลง!”
ในโถงภารกิจของชั้นสองมีศิษย์อยู่บางตากว่าชั้นหนึ่งมาก กระนั้นศิษย์ทุกคนล้วนอยู่ในขั้นส วรรค์
เห็นผู้มาใหม่สองคนเดินเข้ามาในโถง หลายคนก็มองมาอย่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
จะเห็นได้ว่าสภาพจิตใจของผู้บ่มเพาะขั้นสวรรค์และผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณนั้นแตกต่า งกันอย่างใหญ่หลวง
ฉินเทียนยืนมองแผ่นศิลาดําอยู่เงียบๆ หลังจากมองดูอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจเลือกภารกิจ “เพลิงทะเลลี้ลับ”
เขาเดินไปยังมุมรับภารกิจก่อนจะยื่นป้ายหยกออกไป “ภารกิจเพลิงทะเลลี้ลับ”
เสียงที่ใช้กล่าวไม่ได้ดังนัก แต่หลายคนก็ยังได้ยินแล้วก็ต้องตกตะลึง ภารกิจ “เพลิงทะเลลี้ลับ” ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในสามภารกิจที่ยากที่สุด หากตัดสินตามระบบแล้วก็สมควรถูกจัดอยู่ในภารกิ จระดับ S เป็นภารกิจที่มีความยากสูง ทุกสิ่งที่ประสบพบเจอสามารถพรากชีวิตผู้รับภารกิจไป
ภารกิจรวบรวม เพลิงทะเลดี้ลับ” ถูกปล่อยออกมาโดยประมุขแห่งตําหนักเลี่ยหยางประมุข เสิ่นเหยียนซึ่งเป็นนักหลอมเพียงคนเดียวในสํานักเทียนจี่แห่งนี้ ลือกันว่านางจะใช้ ‘ทะเลเพลิ งลี้ลับ” นี้เพื่อหลอมสร้างกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไร้คู่เปรียบ ศาสตราเทวะที่สามารถแหวกทะลวงฟ้า
ในเขตน่านน้ําทมิฬซึ่งอยู่ทางเหนือของทวีปเทียนหยวน สัตว์ประหลาดและปีศาจจํานวนนับ ไม่ถ้วนออกอาละวาดอย่างเหิมเกริม ความอันตรายของเขตพื้นที่นี้ยังเหนือกว่าเขตเทือกเขาคุนห ลุนหรือเทือกเขาเสวียนคงอยู่หลายขุม ทั้งยังเป็นพื้นที่รกร้างห่างไกล ในรัศมีพันลี้แทบไม่อาจพบ เห็นเงาร่างของมนุษย์ นับเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าสัตว์อสูรและปีศาจโดยแท้
เพลิงทะเลลี้ลับ เพลิงที่ถือกําเนิดขึ้นในส่วนลึกของมหาสมุทร การจะรวบรวมกลับมาย่อม อันตรายอย่างสุดแสน
ที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นราชาน่านน้ําทมิฬ สัตว์อสูรที่เหนือกว่าระดับสิบ ทุกสิ่งทุกอย่าง ในน่านน้ําทมิฬล้วนอยู่ในการควบคุมดูแลของมัน
ภารกิจนี้ถูกปล่อยออกมาได้ครึ่งปีแล้ว เหล่าผู้ที่เคยรับภารกิจล้วนมีแต่ขาไปไม่มีขากลับ
นานวันเข้าภารกิจนี้ก็ถูกจัดเป็นหนึ่งในสามภารกิจที่อันตรายสูงสุด
พิจารณาจากภายนอกแล้วฉุนเทียนก็แค่ผู้บ่มเพาะระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณผู้หนึ่ง การรับภา รกิจที่อันตรายขนาดนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเอาชีวิตไปทิ้ง แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับสูงสุดขั้นสวรรค์ก็ยังไม่ กล้ารับภารกิจนี้ไปโดยผลีผลาม ฉุนเทียนผู้นี้ราวกับลูกวัวแรกเกิดไม่เกรงกลัวพยัคฆ์ เกรงว่า สมองของเขาคงมีปัญหาแน่ๆ
หากแต่ในใจของฉันเทียนกลับเต็มไปด้วยความยินดี ทั่วทั้งน่านน้ําทมิฬเต็มไปด้วยสัตว์อสูรดุ ร้ายจํานวนนับไม่ถ้วน คิดดูว่าจะเป็นค่าประสบการณ์มากมายเพียงใด?
นี่นับเป็นภารกิจที่เหมาะสําหรับการเพิ่มเลเวลโดยแท้
ที่ฉินเทียนต้องการที่สุดก็คือสถานที่แบบนี้เอง สัตวอสูรในเขตพื้นที่ทั่วไปไม่อาจสร้างความ พึงพอใจต่อเขา หากต้องการจะเพิ่มเลเวล เขาก็ต้องตามหาสถานที่ที่มีสัตวอสูรอยู่ชุกชุม
ในเวลาครึ่งปีถัดจากนี้เขาจะต้องบรรลุขั้นสวรรค์ให้ได้
หวังเย่จะต้องตายภายในครึ่งปี!
เพิ่งผ่านอีอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าขึ้นมาไม่ทันไรฉุนเทียนก็หยิบเอาภารกิจสุดแสนอันตรายภา รกิจนี้แล้ว ในเรื่องนี้เพิ่งผ่านไม่เข้าใจเลยจริงๆ กระนั้นเขาก็ยังคงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคํา
เขาเชื่อใจในตัวฉุนเทียน
หลังจากนั้นฉันเทียนก็ขึ้นไปยังชั้นที่สามและใช้หกพันแต้มแลกซื้อเครื่องรางลี้ภัยมาหกชิ้น นี่เป็นสิ่งของที่ใช้รักษาชีวิต ฉุนเทียนย่อมต้องเตรียมพร้อมเอาไว้
จากนั้นทั้งสองก็ออกจากหอภารกิจมุ่งหน้าไปยังสํานักชั้นนอก
ในเวลาเดียวกัน ที่ตําหนักเทียนหยาง หนึ่งในแปดตําหนักหลัก
ภายในโถงหลัก บุรุษเรือนผมสีแดงยืนมือไพล่หลัง เส้นผมสีแดงของเขาพริ้วกระพือ ร่างกาย เปล่งแสงสีแดงอยู่ลางๆ สายตาของเขาจ้องมองหยางฮั่นอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า ”เขยข้า ระ ดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณนี้อับอายขายหน้าไปแล้ว”
หยางฮั่นก้มหน้าลงนิ่งเงียบไม่กล้าต่อคํา
หนานกงเหยียนที่มองดูอยู่เม้มปากแน่นก่อนจะเดินมาหยุดที่ข้างกายหนานกงลี่ จากนั้นจึงก ล่าวด้วยน้ําเสียงออดอ้อน ” ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยเขานะ”
สายตาของหนานกงลี่ยังคงเย็นชา ในแววตาเกิดประกายสูงขึ้นวูบ ตําราเล่มหนึ่งถูกดีดออกไป ให้หยางฮั่น “นี่เป็นทักษะระดับอมตะ เพลิงเทพเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะส่งเจ้าไปที่เกาะลอยฟ้า ภาย ในครึ่งปีต้องบรรลุขั้นสวรรค์ มิเช่นนั้น…”
หนานกงลี่แค่นเสียงเย็น “มิเช่นนั้นตระกูลหนานกงจะไม่รับเศษสวะเข้าตระกูล”
หยางฮั่นคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม “ขอบคุณท่านพ่อตา ข้าจะไม่ทําให้ท่านต้องผิดหวัง”
ในใจหยางฮั่นกลับหัวเราะ หนานกงลี่ รอก่อนเถอะ สักวันบิดาจะสะกดข่มเจ้าลง ถึงตอนนั้น ข้าจะตอบแทนการหยามเหยียดนี้กลับไปนับร้อยเท่าพันทวี!”