จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 137

น่านน้ำทมิฬเขตทะเลเหนือ สถานที่ที่หนาวเหน็บตลอดทั้งปี

สัตว์อสูรและปีศาจอยู่กันอย่างชุกชุม มีการป้องกันอย่างเข้มงวด

หลังอาศัยอยู่ในสถานที่อันเย็นยะเยือกมานานหลายชั่วอายุ ผ่านการวิวัฒนาการตัวเองเพื่อดำรงอยู่ในสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ สภาพร่างกายของสัตว์อสูรที่อยู่ที่นี่ก็แตกต่างจากสัตวอสูรในสถานที่อื่นอย่างสิ้นเชิง สัตว์อสูรส่วนใหญ่ของน่านน้ำทมิฬล้วนมีขนปกคลุมร่าง กระดูกเส้นเอ็นแข็งแรงคงทนจนแกร่งประดุจเหล็กกล้า อาวุธทั่วไปไม่อาจระคายผิว

พลังโจมตีทางกายภาพของสัตว์อสูรในที่แห่งนี้แข็งแกร่งจนแทบไร้ผู้ต้าน แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือการโจมตีด้วยพลังปีศาจที่รุนแรงกว่าสัตวอสูรทั่วไปเกือบเท่าตัว

ฉุนเทียนและเพิ่งผ่านอีเดินทางรอนแรมเป็นระยะทางกว่าหนึ่งแสนดี้ใช้เวลากว่าครึ่งเดือน ในที่สุดก็เดินทางมาถึงเมืองสุดท้ายก่อนที่จะเข้าเขตน่านน้ำทมิฬ เมืองแห่งนี้มีชื่อว่า เมืองอสูร

เมืองอสูรยังรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง เมืองแห่งคนบาป เมืองที่อำนาจอิทธิพลของอาณาจักรใหญ่ยื่นมาไม่ถึง

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เมืองแห่งนี้ก็ยังมีกฎหมายเป็นของตนเอง ผู้ที่ก่ออาชญากรรมหรือไม่ปฏิบัติตามก็เป็นไปได้มากว่าจะถูกส่งออกจากเมือง หรือกระทั่งถูกสังหารตายคาที่

เมืองแห่งนี้ไม่สนใจเรื่องราวแต่หนหลัง ไม่ว่าจะเคยฆ่าราชาปีศาจ หรือทรยศหักหลังสำนักนิกาย ขอเพียงก้าวเท้าเข้าเมืองมาก็จะไม่มีผู้ใดตามมาล้างแค้นได้อีก หากว่าเกิดเรื่องขึ้น เจ้าเมืองอสูรก็จะลงมือด้วยตนเอง

เมื่อเป็นเจ้าเมืองของเมืองเถื่อน ความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองอสูรย่อมต้องแข็งแกร่งน่าพรั่นพรึง ลือกันว่าเจ้าเมืองผู้นี้ได้บรรลุถึงขั้นจักรวาลแล้ว

ทั่วทั้งทวีปเทียนหยวนแห่งนี้ ตัวตนอย่างขั้นจักรวาลนับว่ามีอยู่เพียงน้อยนิด

กระทั่งสำนักนิกายใหญ่ๆเองก็ยังแสร้งเป็นลืมตาข้างปิดตาข้างสำหรับการดำรงอยู่ของเมืองเถื่อนแห่งนี้ พวกเขาเองก็ไม่ต้องการมาตอแยเจ้าเมืองอสูรเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อมีการปกป้องจากเจ้าเมืองอสูร เมืองอสูรจึงกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกอาชญากรรม เมื่ออาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวว่าฏกหมายจะสามารถตามมาเอาผิด

ทว่าตราบใดที่สองเท้ายังไม่เหยียบน่างเข้าเขตเมือง คนผู้นั้นก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากผู้ปกครองเมืองอสูร

นอกจากจะเป็นแหล่งซ่องสุมสำหรับพวกเดนคนแล้ว เมืองแห่งนี้ยังเป็นทางผ่านเดียวที่เชื่อมไปยังน่านน้ำทมิฬ หากต้องการไปน่านน้ำทมิฬ เช่นนั้นก็ต้องเดินทางผ่านเมืองแห่งนี้

เมืองอสูรแห่งนี้มีสิ่งของชิ้นหนึ่งที่สามารถทำให้มนุษย์สามารถหายใจใต้น้ำ ของสิ่งนั้นก็คือ มุกหลีกวารี

ไข่มุกนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางไปยังน่านน้ำทมิฬ เมื่อมีมุกชนิดนี้พกติดตัวก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องดำลงไปในน้ำลึกเพียงใด อีกทั้งมันยังมีคุณสมบัติปรับค่าแรงดันใต้น้ำให้มีค่าใกล้เคียงกับบนบก ดังนั้นของสิ่งนี้จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับนักผจญภัยทุกคน

นอกจากมุกหลีกวารีอันเป็นของขึ้นชื่อแล้ว ที่เมืองอสูรแห่งนี้ยังมีโรงประมูลขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง

ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมมีสมบัติอยู่มากมายหลากหลาย

มีตำนานเล่าว่าพื้นที่เขตน่านน้ำทมิฬนั้นเคยเป็นแดนปีศาจมาก่อน ทว่าผลพวงจากสงครามในยุคโบราณ เซียนท่านหนึ่งได้ทำให้แผ่นดินผืนนี้จมลงสู่ใต้น้ำ แดนปีศาจแห่งนี้จึงถึงกาลอวสาน สมบัติมากมายของแดนปีศาจก็จมลงสู่ก้นมหาสมุทรไปพร้อมกัน

สำหรับพวกนักผจญภัยโดยเฉพาะผู้บ่มเพาะวิชาปีศาจแล้ว น่านน้ำทมิฬแห่งนี้นับเป็นขุมทรัพย์ที่รอการค้นพบเลยทีเดียว

ที่หน้าประตูทางเข้าของเมือง ทหารยามสองนายยกหอกขวางฉุนเทียนและเพิ่งผ่านอีเอาไว้ ” จ่ายค่าผ่านทาง

”เท่าไร?” ฉุนเทียนถาม

” หนึ่งแก่นต่อหนึ่งคน

“หนึ่งแก่น?” เพิ่งผ่านอีตะลึง “นี่ไม่มากไปหรือ?”

ทหารยามทั้งสองยังคงสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดไม่จา

ฉินเทียนนำแก่นอสูรออกมาสามแก่นออกมาส่งให้ทหารยามพลางหัวเราะกล่าว “พี่ชายทั้งสอง สองแก่นนี้ถือเป็นค่าผ่านทาง ส่วนอีกแก่นถือเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาเถอะ”

ทหารยามทั้งสองตาเป็นประกาย “น้องชายช่างใจกว้างนัก ฮ่าๆ”

” ข้าอยากรู้ว่าพวกเราจะสามารถซื้อมุกหลีกวารีได้ที่ไหน?” ฉุนเทียนถาม

” มุกหลีกวารี? พวกเจ้าต้องการไปยังน่านน้ำทมิฬ?” พวกทหารยามชะงัก พวกเขาย่อมมองออกว่าฉันเทียนเพียงอยู่ระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณ ต้องการเข้าสู่น่านน้ำทมิฬด้วยระดับฝีมือ เช่นนี้นั่นไม่เท่ากับการรนหาที่ตายเหรอ? แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น แต่พวกเขาก็คร้านจะเอ่ยปากห้าม พวกเขาย่อมเคยพบเจอนักผจญภัยที่หิวกระหายสมบัติมานับไม่ถ้วน นักผจญภัยเหล่านั้นล้วนไม่เคยเชื่อฟังคำเตือน ทหารยามถอนหายใจก่อนจะกล่าวตอบ “ที่เขตใต้ของเมืองจะมีสมาคมร้านค้าแห่งหนึ่งที่ขายมุกหลีกวารีอยู่ แต่หากเจ้าต้องการสิ่งของดีๆ เจ้าก็คงต้องไปที่โรงประมูล

“ใยจึงต้องไปซื้อถึงโรงประมูล?” เพิ่งผ่านอีเอ่ยถามอย่างงุนงง

ทหารยามผู้นั้นเผยยิ้มมีลับลมคมในพลางเดาะแก่นอสูรที่ถืออยู่ในมือ “มีเพียงโรงประมูลเท่านั้นที่พวกเจ้าจะสามารถได้รับมุกหลีกวารีที่บริสุทธิ์ที่สุด ส่วนที่อื่นๆนั้น เหอๆ…”

ทหารยามเพียงหัวเราะ แต่ก็ไม่กล่าวเพิ่มเติม

ฉุนเทียนกุมหมัดเป็นการขอบคุณ จากนั้นทั้งสองจึงเดินเข้าไปในเมือง

ขณะที่เดินกันอยู่ เพิ่งผ่านอีก็ยังคงไม่เข้าใจ โรงประมูลคือสถานที่ประมูลสินค้าล้ำค่า แล้วทำไมสิ่งของทั่วไปอย่างมุกหลีกวารีถึงไปเกี่ยวข้องกับที่นั่นได้? ที่โรงประมูลใช่จัดการประมูลขึ้นทุกวันเลยหรือไม่?

ฉินเทียนยิ้มบางก่อนจะกล่าวว่า “นี่เข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อนำผลประโยชน์เข้ามาคำนวณด้วยท่านก็จะเข้าใจเอง”

วิธีการผลิตมุกหลีกวารีนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเมืองอสูรอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อที่จะเพิ่มอิทธิพลของโรงประมูล มุกหลีกวารีที่มีความบริสุทธิ์สูงจึงมีขายเฉพาะที่โรงประมูลเท่านั้น

ผู้คนส่วนใหญ่ และนักผจญภัยแทบทุกคนที่เข้ามาในเมืองล้วนแต่ต้องการมุกหลีกวารี อาศัยเพียงเก็บค่าผ่านประตูเมืองจะได้รับผลประโยชน์สักเท่าใดเชียว?

มุกหลีกวารีของโรงประมูลนั้นต่างออกไป หากว่าต้องการค้นหาสมบัติหรือออกสำรวจน่านน้ำทมิฬ คนผู้นั้นย่อมต้องการมุกหลีกวารี และมุกหลีกวารีบริสุทธิ์ก็ล้วนแต่ต้องมาหาที่โรงประมูลทั้งยังต้องจ่ายเม็ดเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มันมา ไม่เช่นนั้นการจะเข้าไปสำรวจในน่านน้ำทมิฬก็เป็นได้เพียงความคิดเพ้อฝัน

การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มชื่อเสียงของโรงประมูล หากแต่ยังเพิ่มผลกำไรอีกมหาศาล

ไม่นานเพิ่งผ่านอีกตาเป็นประกาย เขาหันไปมองฉันเทียนก่อนจะหัวเราะ “น้องฉินไม่เพียงแต่จะมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ สมองของเจ้ายังปราดเปรื่องอีกด้วย”

เดิมทีฉินเทียนต้องการจะหาภารกิจที่ง่ายดายกว่านี้และนำพวกหลินหยานติดตามมาด้วยเพื่อยกระดับพลังให้กับพวกเขา อย่างไรก็ตามเมื่อได้ทราบว่าสำนักในจะจัดการประลองเพื่อจัดอันดับหนึ่งร้อยยอดฝีมือในอีกครึ่งปี เขาก็จำต้องหันมาให้ความสำคัญกับมันก่อน หากเขาไม่อาจทะลวงผ่านขั้นสวรรค์ให้ได้โดยเร็ว ถึงตอนนั้นเกรงว่าแม้แต่ชีวิตตัวเองก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว

เมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงได้แต่นำเพิ่งผ่านอีมาด้วยกัน

สิ่งที่กลุ่มของหลินหยานขาดแคลนหาใช่ประสบการณ์ต่อสู้ หากแต่เป็นระดับการบ่มเพาะ ต่อให้ฉุนเทียนนำพวกเขามาด้วยกัน ก็เป็นไปได้มากว่าฝีมือของพวกเขาคงเพิ่มขึ้นได้ไม่มาก และอีกประการ ฉุนเทียนเองก็รับประกันไม่ได้ว่าจะสามารถปกป้องคุ้มครองพวกเขาได้ทั้งหมด เพราะกระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอดได้เลย

สุดท้ายเพิ่งผ่านอีจึงใช้เส้นสายของตนส่งพวกเขาไปยังสถานที่บ่มเพาะชั้นเลิศที่สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะได้ถึงสองเท่า และนั่นทำให้ฉันเทียนต้องจ่ายแต้มผลงานออกไปอีกห้าหมื่นแต้ม

แต่ในเมื่อแต้มจำนวนนั้นสามารถยกระดับความแข็งแกร่งของคนทั้งกลุ่ม ฉุนเทียนก็คิดว่าแต้มเพียงจำนวนเท่านั้นไม่นับเป็นอย่างไร

ฉุนเทียนและเพิ่งผ่านอีเข้ามายังส่วนตลาดที่ซึ่งผู้คนเดินกันขวักไขว่

ฉินเทียนยิ้มก่อนจะเดินไปยังโรงประมูล

” ท่านทั้งสองมาเพื่อประมูลหรือว่าขายสินค้า?”

ที่หน้าทางเข้ามีพนักงานผู้หนึ่งเดินออกมาขวางพวกเขาเอาไว้

” ประมูล

”เช่นนั้นต้องจ่ายค่าผ่านทางจำนวนสองแก่น”

” หา?” เพิ่งผ่านอีผงะ “ค่าผ่านทางก็จ่ายไปแล้วตอนเข้าเมือง ตอนนี้จะเข้าโรงประมูลก็ยังต้องจ่ายด้วย? เลิกเรียกเมืองแห่งนี้ว่าเมืองอสูรเถอะ เปลี่ยนเป็นเรียกเมืองตบทรัพย์ยังจะตรงกว่า”

” หากไม่จ่ายค่าผ่านทางเช่นนั้นก็ขอเชิญท่านทั้งสองโปรดออกไป”

ฉินเทียนนำแก่นออกมาสองแก่นยื่นให้พนักงาน “แค่แก่นเพียงสองแก่นเองพี่เมิ่ง ไม่จำเป็นต้องขุ่นเคืองไป”

หลังจากรับค่าผ่านทางมา ใบหน้าอันเรียบเฉยก่อนหน้าของพยักงานก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม เขาล้วงป้ายไม้ที่สลักตัวเลขเอาไว้ออกมาสองอันก่อนจะยื่นส่งให้ “นี่คือหมายเลข หากต้องการประมูลก็เพียงแค่ยกขึ้นมา หากพวกท่านทั้งสองต้องการแก่น

อสูร ที่ชั้นสามของเราก็มีขาย ร้านของเรา ซื่อสัตย์ยุติธรรม พวกท่านสามารถหาซื้อได้ในราคาตามท้องตลาด”

“ขอบคุณ”

ฉินเทียนกล่าวก่อนจะนำเพิ่งผ่านอีเข้าไปด้านใน