ตอนที่ 120

Silver Overlord

120 – ความผิดปกติ

การเป็นผู้คุ้มกันให้กับผู้ว่าการทหารนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าให้อาหารและจูงม้าเดินไปรอบๆค่าย

หวงฟู่เฉียนฉีมีคนเลี้ยงม้าอยู่แล้ว ดังนั้นทุกครั้งที่เอี้ยนลี่เฉียงมาที่สำนักงานผู้ว่าการทหารมันจะทำให้เอี้ยนลี่เฉียงนึกถึงฉากที่ ซุนอู้คง(ซุนหงอคง)ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลคอกม้าของสวรรค์

อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่ใช่เด็กที่บอบบางเช่นกัน เขาศึกษาวิธีเลี้ยงม้าจากคนดูแลม้าของสำนักงานผู้ว่าการด้วยความจริงจัง ในเวลาไม่ช้าเขาก็เรียนรู้งานทุกอย่างได้อย่างชำนาญ

ครั้งสุดท้ายที่เอี้ยนลี่เฉียงเห็นหวงฟู่เฉียนฉีคือเดือนก่อนซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่เผ่ารามมืดจะบุกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในแคว้นกานและแคว้นเฟิง

แต่ชาวเผ่ารามมืดมักเรียกมันว่า ‘การล่าสัตว์’ เมื่อหวงฟู่เฉียนฉีเห็นว่าอากาศเริ่มเย็นลงเขาและกองทหารม้าจึงได้ออกไปประจำการอยู่ที่ชายแดน

รอบนอกของเส้นทางศิลาขาวอยู่ใกล้กับเผ่ารามมืดมีเพียงขุนเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเท่านั้นที่กั้นทั้งสองอาณาจักรไว้

หวงฟู่เฉียนฉีค่อนข้างกังวล เนื่องจากเป็นหน้าที่ของเขาเขาจึงเดินทางไปที่นั่นเป็นการส่วนตัวและเพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเอี้ยนลี่เฉียงยังคงต้องเข้าเรียนในสถาบันศิลปะการต่อสู้ หวงฟู่เฉียนฉีจึงได้สั่งให้เขาอยู่ที่นี่และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

หวงฟู่เฉียนฉีมีม้าแรดมังกรสี่ตัว ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ หวงฟู่เฉียนฉีนำไปด้วยสองตัวส่วนอีกสองตัวนั้นทิ้งไว้ที่เมืองผิงซี

ดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงที่เป็นหัวหน้าคนเลี้ยงม้าจึงจำเป็นต้องรับหน้าที่ดูแลม้าทั้งสองตัวนี้โดยการพามันไปวิ่งเล่นรอบๆเมือง

“เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีหิมะตกเราจึงต้องปูหญ้าแห้งในคอกม้าในวันนี้เพื่อให้พื้นดินแห้งและสะอาดไม่เช่นนั้นม้าจะไม่สามารถนอนหลับได้ หากคืนนี้หิมะตกหนักเราต้องให้ให้อาหารม้าแรดทุกตัวด้วยถั่วดำนึ่งแช่ในเหล้าขาว” คนเลี้ยงม้าชราได้ให้คำแนะนำแก่เอี้ยนลี่เฉียง

ในคอกม้าของสำนักงานผู้ว่าการทหารเอี้ยนลี่เฉียงกำลังทำความสะอาดร่วมกับคนเลี้ยงม้าหลายคน พวกเขาแต่งพื้นคอกม้าของด้วยฟางข้าวแห้งและใส่อาหารลงในถาด

จากนั้นพวกเขาก็แปรงขนม้าแรดทั้งสองตัวจนมันเงาและเรียบเนียน คนเลี้ยงม้าอธิบายในขณะที่ทำงานกับเอี้ยนลี่เฉียงโดยถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับม้าให้แก่เขา

เอี้ยนลี่เฉียงปัดฝุ่นมือเมื่อแปรงขนม้าแรดสองตัวเสร็จแล้ว จากนั้นเขาก็ถอดชุดหลวมๆที่เขาสวมในเวลาทำงานออกทั้งหมด

“ลุงหูข้าจะต้องกลับบ้านในช่วงปีใหม่รบกวนท่านช่วยดูแลพวกมันต่อด้วย!”

“ ไม่มีปัญหา…” ลุงหูคนเลี้ยงม้ายิ้มให้เขาอย่างจริงใจ

“ ข้ายังต้องขอบคุณนายน้อยสำหรับเนื้อและสุราที่ท่านมอบให้ด้วย!”

“ฮ่า ๆ ๆ มันคงไม่เหมาะที่จะมามือเปล่าเมื่อลุงหูกำลังให้ความรู้อันมีค่าเกี่ยวกับการเลี้ยงม้า ในตอนที่ข้ากลับมาก็จะนำสุราและเนื้อที่ดีกว่านี้มาอีกด้วย!”

“ นายน้อยเจ้าจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอนถ้าเจ้าเดินตามรอยเท้าของท่านผู้ว่าการทหาร…”

“ ฮ่าฮ่าขอบคุณลุงหูที่แนะนำ”

เอี้ยนลี่เฉียงออกจากสำนักงานผู้ว่าการทหารทางประตูด้านข้างหลังจากอำลาคนเลี้ยงม้า ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วแต่หิมะก็ยังตกอยู่และอุณหภูมิดูเหมือนจะหนาวกว่าเมื่อเทียบกับตอนกลางวัน

จำนวนคนเดินบนถนนลดลงอย่างมากและร้านค้าริมถนนจำนวนหนึ่งก็ปิดไปแล้ว มีเพียงไม่กี่แห่งที่ยังเปิดอยู่เช่นร้านอาหารและร้านเหล้า โคมไฟที่ยังคงแขวนอยู่นอกร้านค้าทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมากในคืนที่หนาวเย็นเช่นนี้

เกล็ดหิมะลอยลงมาจากท้องฟ้าตกลงตรงปกเสื้อของเอี้ยนลี่เฉียง ความเยือกเย็นทำให้เขาตื่นอาการง่วงเหงาหาวนอนทันที

เอี้ยนลี่เฉียงดึงหมวกขนจิ้งจอกขึ้นมาปิดศีรษะของตัวเองไว้และพันผ้าพันคออีกสองสามรอบโดยเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของใบหน้า เพื่อใช้มองถนนในช่วงค่ำคืน

ในกลางวันถนนยังคงมีรถลากวิ่งไปมา แต่ตอนนี้ไม่มีให้เห็นแล้วไม่มีแม้แต่คนเดินเท้า เอี้ยนลี่เฉียงคิดว่าเขาเหลือเพียงทางเลือกเดียวก็คือต้องเดินกลับเท่านั้น

โชคดีที่บ้านพักของเขาอยู่ไม่ไกลเกินไป เขาจะใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็สามารถเดินถึงบ้านได้

เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปตามถนนอย่างไม่เร่งรีบตามตรอกซอกซอยเล็กๆไปเรื่อยๆ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามท้องฟ้าก็มืดสนิทและเอี้ยนลี่เฉียงก็อยู่ห่างจากสำนักงานผู้ว่าการทหารมากแล้ว

เพื่อให้กลับบ้านได้อย่างรวดเร็ว เอี้ยนลี่เฉียงจึงใช้ทางลัดที่เขาไม่ค่อยได้ใช้ พวกมันเป็นเพียงตรอกเล็กๆที่มีไม่กี่แห่งในเมือง ผิงซี

ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงเพิ่งผ่านตรอกเล็กๆภายในย่านการค้า เขาก็ได้ยินเสียงรถม้าแล่นมาจากด้านหลัง เอี้ยนลี่เฉียงจึงเคลื่อนตัวออกไปเพื่อหลีกทางให้

รถม้าแล่นผ่านเอี้ยนลี่เฉียงโดยไม่หยุดขณะที่มันยังคงเดินหน้าต่อไปยังจุดหมายปลายทาง

เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่รถม้า มันค่อนข้างเก่าแต่มีความยาวไม่น้อย ดูเหมือนว่ามันเป็นเกวียนสำหรับขนส่งสินค้าและคนขับรถม้านั่งอยู่ข้างหน้าเร่งความเร็วด้วยแส้อย่างร้อนใจ

เขาไม่ได้สังเกตเห็นเอี้ยนลี่เฉียงที่กำลังเดินอยู่ริมถนนท่ามกลางลมพัดและหิมะที่กำลังตกหนัก

มีร้านอาหารเล็กๆอยู่ข้างหน้าถนน โคมไฟที่แขวนเรียงรายอยู่ด้านนอกสว่างไสวไปตามถนนด้านนอกของร้านอาหาร

เอี้ยนลี่เฉียงที่เดินตามหลังรถม้าหยุดชะงักลงทันที เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง เขารีบเงยหน้าขึ้นและมองเห็นคนขับรถม้าซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะนั้นเองเขาก็เหลือบไปเห็นคนขับรถม้าคนนั้นภายใต้แสงของโคมไฟที่แขวนอยู่นอกร้านอาหาร เพียงสั้นๆเขาสามารถมองเห็นด้านหลังศีรษะของคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน

คนขับรถม้าสวมหมวกขนสุนัขจิ้งจอกและสวมเสื้อนวมขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้ไม่มีใบหูข้างหนึ่ง

รอยแผลเป็นคล้ายงูซึ่งยังไม่จางหายไปยังคงสามารถมองเห็นได้บนผิวหนังที่เผยออกมาไม่กี่นิ้วบนคอของเขา

คนขับรถม้าคนนี้มีหูที่ขาดหายไปและมีรอยแผลเป็นที่คอของเขา…เขาไม่ใช่ชายชาตูที่สูญเสียหูจากการถูกเอี้ยนลี่เฉียงทำร้ายในวันนั้นหรอกหรือ?

แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะไม่เห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม แต่ด้วยใบหูที่หายไปและรอยแผลเป็นที่คอของเขา แต่ก็ไม่มีทางที่เอี้ยนลี่เฉียงจะจำผิดพลาดได้

ชายชาตูคนนั้นไม่ได้สวมเครื่องแต่งกายตามปกติในตอนนี้ แต่สวมชุดของชาวฮั่นแทนและปกปิดตัวเองอย่างแน่นหนา

สิ่งแรกที่เข้ามาในสมองของเอี้ยนลี่เฉียงก็คือนี่ต้องเป็นกับดักอย่างแน่นอน แต่เขารีบปฏิเสธความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว

นั่นเป็นเพราะเขาใช้ทางลัดในวันนี้และเขาได้ตัดสินใจเลี่ยงเส้นทางส่วนใหญ่ที่เขาใช้

แม้ว่าชาวชาตูเหล่านี้จะรู้ว่าเขากำลังจะออกจากสำนักงานผู้ว่าการทหาร พวกเขาก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาจะไปทางไหนและวางกับดักไว้ล่วงหน้าเพื่อรอเขา

รถม้าขับผ่านมาห่างจากร้านอาหารเล็กๆประมาณห้าสิบวาจากนั้นก็เลี้ยวไปทางซ้ายเข้าสู่ถนนอีกเส้นที่อยู่ด้านข้าง

เอี้ยนลี่เฉียงไม่รอช้าเขารีบใช้ออกด้วยท่าร่างเก้ากระบวนท่าเงาสายลมและไล่ตามไปอย่างเงียบเชียบ