บทที่ 137 ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต
เจียงหนิงเอ๋อใช้ศีรษะกระแทกเบาๆที่หน้าอกของเซียวอี้เฟิง“ฉันรู้ค่ะ”
“คุณเอาเงินห้าล้านไปทำอะไร?”
เจียงหนิงเอ๋อลุกขึ้นนั่ง พูดอย่างออดอ้อน“ก็เอาไปลงทุนไง”
“ลงทุน?”เซียวอี้เฟิงคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงข้างกายนี้จะมีหัวธุรกิจด้วย “ลงทุนให้ใคร?”
เจียงหนิงเอ๋อไม่อยากให้เซียวอี้เฟิงถามมากมาย จึงพูดด้วยความออดอ้อนว่า“โอ๊ย คุณอย่าพึ่งถามอะไรสิค่ะ ให้ฉันเก็บเป็นความลับบ้างได้ไหมคะ?รอให้ฉันประสบความสำเร็จแล้วค่อยบอกคุณดีไหมคะ?”
วันนี้เจียงหนิงเอ๋อทำให้เซียวอี้เฟิงรู้สึกน่าสนใจและแปลกใหม่เล็กน้อย จึงตอบทันที “เอาอย่างนี้นะ ผมให้คุณสามล้านก่อน ถึงแม้เงินห้าล้านไม่ได้ถือว่ามากไปสำหรับการลงทุน แต่บัญชีการเงินของบริษัทจะใช้ไปสุ่มสี่สุ่มห้ามิได้ คุณเอาไปใช้ก่อนสามล้าน ส่วนที่เหลือผมค่อยให้ทีหลังก็แล้วกัน”
เจียงหนิงเอ๋อได้ยินดังนั้น หางตาก็ยิ้มกว้างขึ้นมา มือทั้งสองข้างไปโอบคอของเซียวอี้เฟิงไว้ จากนั้นก็ดูบนใบหน้าเขาแรงๆ “ขอบคุณมากค่ะอี้เฟิง”
ถึงแม้จะไม่ได้เงินห้าล้าน แต่ได้สามล้านก็ไม่เลวแล้ว เจียงหนิงเอ๋อก็รู้จักเพียงพอเหมือนกัน
“ฮ่าๆๆ”เซียวอี้เฟิงหัวเราะเสียงดัง“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณก็ทำให้ผมพอใจสิ”
เซียวอี้เฟิงสูบบุหรี่ในมือคำสุดท้าย จากนั้นก็พลิกตัวไปกดทับร่างของเจียงหนิงเอ๋อเอาไว้ ทั้งสองได้เริ่มปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่ง……
วันรุ่งขึ้น
เจียงหนิงเอ๋อเอาเงินสามล้านไปที่บ้านของลี่จีถอง
“คุณเก่งมาก มีอุบายที่ดีมาก”ลี่จีถองมองเงินสามล้านสีแดงจนตาก็เริ่มแดงตามขึ้นมา
เจียงหนิงเอ๋อพูดอย่างถ่อมตนว่า “ก็ไม่มีอะไรหรอก”
ลี่จีถองขมวดคิ้ว“แต่มีเพียงสามล้าน อีกสองล้านที่เหลือควรทำยังไงดีล่ะ?”
ส้งหวั่นหวั่นที่นั่งพิงอยู่บนโซฟาค่อยๆเอ่ยปากพูดว่า“ถ้าอย่างนั้นฉันออกเงินสองล้านที่เหลือเอง”
ลี่จีถองได้ยินก็รีบปรบมืออย่างตื่นเต้นดีใจ “ดีๆ ตอนนี้รวบรวมเงินห้าล้านได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นบริษัทของพวกเราก็จะสามารถทำธุรกิจได้ตามปกติแล้ว”
เจียงหนิงเอ๋อกับส้งหวั่นหวั่นพยักหน้า
“แต่ว่าครั้งนี้พวกเราต้องฉลาดหน่อยนะ”ส้งหวั่นหวั่นพูดราวกับคิดอะไรบางอย่างได้
ลี่จีถองพยักหน้า แต่พอคิดดีแล้วก็ไม่มีว่าต้องฉลาดในด้านไหนบ้าง“ฉลาดอะไร?”
“โง่จัง คุณโดนลี่จุนถิงขัดขวางมาหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่จำใส่สมองสักทีนะ”เจียงหนิงเอ๋อเหล่ตามองลี่จีถองแวบหนึ่ง
เธอไม่ใช่ส้งหวั่นหวั่นที่จะต้องเอาใจคนของตระกูลลี่ เพื่อจะได้แต่งงานกับลี่จุนถิง ซึ่งเธอไม่เหมือนกัน
เธอได้รู้จักลี่จีถองไม่นานก็รู้ว่าหล่อนเป็นสมาชิกในแก๊งที่สมองทื่อมาก ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเธอเกลียดเจียงหยุนเอ๋อ และถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกเธอมีศัตรูคนเดียวกัน เธอจะไม่เลือกมาร่วมมือกับลี่จีถองหรอก
ลี่จีถองก็รีบจ้องเขม็งกลับไป สรุปคือพวกเธอทั้งสองคนต่างก็ไม่ค่อยชอบอีกฝ่ายกันทั้งนั้น
ถึงแม้ส้งหวั่นหวั่นก็รู้สึกดูถูกลี่จีถองเช่นกัน แต่ก็ยังคงเอ่ยปากพูดอย่างอดทนว่า “ครั้งนี้ ถ้าพวกเราหาที่ได้ถูกใจเมื่อไหร่ก็ต้องรีบเซ็นสัญญาโดยเร็ว อย่าให้ลี่จุนถิงไหวตัวทัน”
ลี่จีถองพยักหน้าอย่างเห็นด้วยที่สุด
ส้งหวั่นหวั่นหยุดชะงัก“และยังมีอีกอย่าง ของใช้สำนักงานที่จำเป็นส่วนมากของพวกเราก็มีอยู่แล้ว ฉันคิดว่าอีกไม่กี่วันบริษัทของพวกเราก็จะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้แล้ว ขอเพียงจัดการเตรียมเรื่องอุปกรณ์ที่นำเข้าและว่าจ้างพนักงานมา บริษัทของพวกเราก็สามารถดำเนินการได้แล้ว”
ลี่จีถองนึกภาพว่าอีกหน่อยตนจะมีบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว และที่สำคัญตนก็ไม่ต้องเข้าไปบริหาร แต่กลับมีเงินให้ใช้จ่ายอย่างสำราญใจ จึงรู้สึกชื่นใจเหลือเกิน
อีกหน่อยทรัพย์สินของตนก็ไม่ต้องถูกลี่จีถองมาควบคุมแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องการประสานงานขั้นแรกของบริษัทก็มอบหมายให้ฉันเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”เจียงหนิงเอ๋อเสนอตัวอย่างกล้าหาญ
ในเมื่อตนได้ออกเงินเป็นจำนวนมากกว่า ดังนั้นจึงต้องทำอะไรสักหน่อย เพื่อให้ตำแหน่งของตนมั่นคง
สรุปก็คือคนอย่างเจียงหนิงเอ๋อเธอจะทำแต่เรื่องที่มีผลประโยชน์ต่อตนเท่านั้น
ส้งหวั่นหวั่นก็รู้สึกว่ามอบหมายให้เจียงหนิงเอ๋อจัดการแล้วสบายใจกว่า
ลี่จีถองก็เห็นด้วย ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าได้มอบหมายให้ตนทำก็แล้วกัน ตนจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวอะไรมากมาย
“ในเมื่อตอบตกลงทุกอย่างได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราควรจะไปฉลองกันหน่อยไหม?”ลี่จีถองคิดเสร็จแล้วว่าจะไปฉลองกันที่ไหนดี
เจียงหนิงเอ๋อแอบหัวเราะเยาะในใจ ผู้หญิงคนนี้นอกจากเรื่องกินเที่ยวแล้วก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่องอะไรเลย มิน่าล่ะถึงได้ถูกลี่จุนถิงจัดการเข้าให้ สมน้ำหน้า
แต่ว่าเจียงหนิงเอ๋อก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ต้องแสร้งเล่นละครไว้ก่อน
ฉะนั้นทั้งสามคนจึงไปกินข้าวที่ร้านอาหารที่ลี่จีถองเสนอขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าลี่จีถองได้คิดไว้แล้ว เมื่อมานั่งที่ห้องวีไอพี เธอก็รีบสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะเลย “วันนี้อารมณ์ดี ฉันเลี้ยงเอง พวกคุณกินได้ตามสบายใจเลยนะ”
เมื่ออาหารทุกอย่างได้เสิร์ฟมาเข้าที่หมดแล้ว ลี่จีถองก็เริ่มแนะนำเมนูขึ้นชื่อประจำร้านนี้ให้พวกเธอทราบ
“เห็นท่าคุณลี่มากินที่นี่บ่อยเหรอ?”เจียงหนิงเอ๋อยิ่งรู้สึกดูถูกลี่จีถองเข้าไปอีก
ลี่จีถองยักคิ้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า“ใช่อยู่แล้ว ร้านอาหารชั้นนำที่ขึ้นชื่อในละแวกนี้ ฉันไปมาหมดแล้วค่ะ ถ้าวันหลังพวกคุณไม่รู้จะไปทานข้าวที่ไหนดีก็ให้ถามฉันได้เลย”
“ได้ค่ะ ”ส้งหวั่นหวั่นตอบรับ
ทั้งสามคนก็ได้กินกับข้าวมากมายโดยสนทนากันไปมา แบบคุยกันไม่หยุดหย่อนเลย
“ทำไมเจียงหนิงเอ๋อถึงได้โชคดีจังเลยที่ได้ตั้งท้องลูกของลี่จุนถิง”เจียงหนิงเอ๋อกินไปกินมาก็นึกถึงเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมา
ทันใดนั้นลี่จีถองรู้สึกประหลาดใจ“คุณว่าอะไรนะ?”
ถึงแม้เจียงหนิงเอ๋อจะไม่ค่อยอยากจะคุยกับลี่จีถองแต่ก็ยังตอบคำถามเธอ “ฉันพูดว่า เจียงหยุนเอ๋อตั้งท้องกับลี่จุนถิง”
ลี่จีถองไว้แก้วไวน์ในมือลง พลางถามอย่างประหลาดใจว่า“ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย?”
เจียงหนิงเอ๋อพูดเสียงเย็น“ทำไมคุณต้องรู้ด้วย?”
ถ้ารอให้ลี่จีถองรู้ตอนนี้ ไม่แน่ว่าเจียงหยุนเอ๋อคงจะกลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตไปแล้วก็เป็นได้
ถึงแม้เจียงหนิงเอ๋อจะพูดประชดประชันใส่ แต่ตอนนี้ลี่จีถองก็ไม่มีอารมณ์มาถือสาเรื่องพวกนี้
เพราะตอนนี้ความคิดของเธอได้จมอยู่กับเรื่องการตั้งท้องของเจียงหยุนเอ๋อ
“อย่างนี้ไม่ได้นะ”เรื่องนี้ทำให้ลี่จีถองรู้สึกกระวนกระวาย
เรื่องสำคัญในตอนนี้คือเรื่องที่ลี่จีถองเกลียดชังเจียงหนิงเอ๋อ ถ้าหากเธอตั้งท้องแล้วจริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่าเป็นสมาชิกตระกูลของตนแล้วสินะ?
พอถึงเวลานั้นโม่เสี่ยวฮุ่ยยอมรับเจียงหยุนเอ๋อด้วยสาเหตุนี้ก็คงจะยากเข้าไปอีก
“หวั่นหวั่น คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”ลี่จีถองมองส้งหวั่นหวั่นก็ไม่เห็นประหลาดใจอะไรเลย
ส้งหวั่นหวั่นพยักหน้าอย่างเรียบเฉย“ใช่แล้ว”
ลี่จีถองกลืนน้ำลายลงคอ“ดังนั้น เรื่องนี้แน่ใจแล้วใช่ไหม?”
ส้งหวั่นหวั่นนึกขึ้นได้ว่าในกระเป๋าตนยังมีรายงานผลตรวจของเจียงหยุนเอ๋อที่ผู้ช่วยเอามาให้ตนดู จากนั้นตนเก็บไว้ที่กระเป๋าลืมเอาออกมาเก็บไว้
เจียงหนิงเอ๋อเห็นลี่จีถองไม่เชื่อในคำพูดของตน จึงกลอกตามองกลับ“ฉันพูดขนาดนี้แล้วยังจะมั่วอีกเหรอ?”
ส้งหวั่นหวั่นค้นหาในกระเป๋าสักพักหนึ่ง จากนั้นก็ได้นำผลตรวจออกมายื่นให้ลี่จีถอง “อาน้อย นี้เป็นรายงานผลตรวจของเจียงหยุนเอ๋อ หลายวันก่อนเธอได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งผลวินิจฉัยก็คือตั้งท้องจริงๆ”