บทที่ 129 พิชญาขาหัก

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พงศกรใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข“วารุณีเธอรับปากแล้วนะ ?”

วารุณีรับคำตอบอืมกลับคำหนึ่ง

“เยี่ยมไปเลย ถึงเวลาแล้วฉันจะมารับเธอนะ” พงศกรวางแอปเปิลลงแล้วลุกขึ้นยืน

วารุณีพยักหน้า “ได้”

เมื่อเขาไปแล้ว วรยาก็หยิบแอปเปิลที่เขาเพิ่งวางลง ไปวางไว้บนจาน“ เจ้าเด็กคนนี้ ช่างมีน้ำใจจริงๆ จะไปงานแต่งงานยังไม่ลืมที่จะพาลูกไปด้วย ”

วารุณีที่กำลังกัดแอปเปิลอยู่ “อันที่จริงแล้วหนูไม่ชอบเลยที่จะต้องไปร่วมงานแต่งงานของคนอื่น หนูยอมให้เขาไม่พาหนูไป และให้ปาจรีย์ไปแทน”

มุมปากวรยากระตุก“ไม่รู้จริงๆว่าเราโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ กับนายนัทธี แค่แวบเดียวก็มองออก แต่พอมาเป็นพงศกร ทำไมถึงสมองทึบไปได้ ”

“ห๊า?”วารุณีกะพริบตาอย่างงงงวย “แม่กำลังพูดเรื่องอะไร ทำไมหนูไม่เข้าใจเลย ”

วรยากลอกตามองบน “ไม่มีอะไร ไม่เข้าใจก็ถูกแล้ว เพราะถ้าเข้าใจแม่กลัวว่าเรากับพงศกรคงจะกลับไปเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก”

พูดจบ เธอก็จิ้มไปที่หน้าผากของวารุณี แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

วารุณีลูบไปที่หน้าผากที่ถูกจิ้มจนเจ็บ ในใจก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก

แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยกมือขึ้น กัดกินแอปเปิลที่เหลือจนหมด จากนั้นก็หยิบเอากระดาษเขียนแบบเริ่มร่างแบบขึ้นมา

วันถัดไป

ปาจรีย์มารับวารุณีที่โรงพยาบาล เพื่อไปที่สตูดิโอเตรียมเซ็นสัญญากับเลขาฯเสกข์

เมื่อเธอมาถึง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น“วารุณีฉันมีข่าวดีมาบอก ”

วารุณีที่กำลังกินมื้อเช้าอยู่ เมื่อได้ยินคำนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่หญิงสาว“ข่าวดีอะไร?”

“ก็เรื่องพิชญาไง ประธานนัทธีนี่ก็สุดยอดจริงๆ เมื่อวานเขาบอกว่าจะจัดการกับพิชญาไม่ใช่เหรอ มาวันนี้พิชญาขาหักไปแล้ว ประธานนัทธีนี่ช่างกล้าจริงๆ ฉันถูกใจกับผลลัพธ์นี้มาก ”ปาจรีย์รู้สึกตื่นเต้นจนโบกกำปั้นไปมา

แต่วารุณีไม่ได้ยินดีด้วย ใบหน้าเล็กก็เคร่งเครียดขึ้นมา“พิชญาขาหักเหรอ ?”

“ก็ใช่นะสิ เช้านี้ฉันเห็นข่าว บอกว่าพนักงานทำความสะอาดเจอพิชญาขาหักอยู่ในตรอกถนน ” ปาจรีย์พยักหน้า

วารุณีรีบวางตะเกียบลง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาค้นหาข่าวที่เธอกำลังพูดถึง

เพียงครู่เดียว ก็หาข่าวที่ว่านั้นเจอ

วารุณีอ่านเนื้อหาของข่าวอย่างรวดเร็ว เมื่ออ่านจบ คิ้วก็ขมวดขึ้น “ไม่สิ!”

“อะไร?”ปาจรีย์มองไปที่เธอด้วยความสงสัย

วารุณีวางโทรศัพท์ลง“ นี่ไม่ใช่ฝีมือของประธานนัทธี”

“ห๊า?”ปาจรีย์ประหลาดใจ “ไม่ใช่ประธานนัทธีเหรอ?”

วารุณีพยักหน้า“เท่าที่รู้จักประธานนัทธี ต่อให้เขาจะไม่พอใจพิชญายังไง เขาไม่ลงมือทำร้ายผู้หญิง นี่เป็นหลักการและการถูกเลี้ยงดูปลูกฝังของเขา ”

“หลักการมันเป็นแบบนี้ก็จริง แต่เขาไม่ลงมือเอง ให้ลูกน้องลงมือก็ได้นี่ ” ปาจรีย์เบะปาก และไม่เห็นด้วย

วารุณีขมวดคิ้วอย่างพูดไม่ออก“ เธอไม่เข้าใจความหมายที่ฉันพูด ฉันหมายความว่า เขาไม่เพียงไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่ก็ไม่ให้ลูกน้องทำร้ายผู้หญิงด้วยเช่นกัน อีกอย่างเธอเห็นไหมว่าเรื่องนี้มันมีช่องโหว่ที่ใหญ่มาก ”

“ช่องโหว่อะไร?”ปาจรีย์ส่ายหัว

วารุณีเม้มริมฝีปากแดง“ ก็ที่ตรอกถนนไง เพราะหากประธานนัทธีทำร้ายพิชญาจริง ทำไมต้องลงมือในตรอกถนนด้วย ? แล้วทำไมต้องทำให้มันเป็นข่าวจนคนรู้กันไปทั่วด้วย”

เมื่อถูกทักมาแบบนี้ ปาจรีย์ก็เริ่มเข้าใจ ตบมือลงไปที่โต๊ะ“เออจริงด้วย ด้วยความสามารถของประธานนัทธี ต่อให้จะฆ่าพิชญาทิ้ง ก็ทำมันได้อย่างเงียบๆ ไร้ร่องรอย อย่าว่าแต่หักแข้งหักขาเลย ประธานนัทธีจะทำร้ายพิชญาต่อหน้าพ่อเธอยังได้เลย แล้วทำไมต้องลงมือในที่สาธารณะด้วย”

“นี่ก็หมายความว่าคนที่ลงมือทำไม่ใช่ประธานนัทธี แต่เป็นคนอื่น”วารุณีมือถูไปที่โทรศัพท์แล้วพูดขึ้นมา

“แล้วเป็นใครกัน?”ปาจรีย์เอามือลูบคาง

วารุณียักไหล่ “ใครจะไปรู้ ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ก็คือคนที่ไม่ชอบขี้หน้าพิชญา และเรื่องที่พิชญาขาหักก็เป็นเรื่องดี อย่างน้อยในช่วงนี้ ก็คงจะไปไหนมาไหนไม่ได้สักพัก ไปกันเถอะ ใกล้ได้เวลาแล้ว ”

พูดจบ ทั้งสองก็เดินทางออกจากโรงพยาบาล ไปที่สตูดิโอ

เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน เลขาฯเสกข์กับบอดี้การ์ดของเขาก็มาถึง

“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณวารุณี ”เลขาฯเสกข์เอ่ยทักทายวารุณี

วารุณียิ้มตอบ “อรุณสวัสดิ์ค่ะ เชิญนั่งค่ะเลขาฯเสกข์ ”

“ขอบคุณครับ”เลขาฯเสกข์ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง บอดี้การ์ดก็ยืนอยู่ข้างหลัง

ปาจรีย์เดินถือกาน้ำชาเข้ามา แล้วรินให้วารุณีและเลขาฯเสกข์คนละแก้ว

เลขาฯเสกข์หยิบหนังสือสัญญาออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้วารุณี “คุณวารุณี นี่เป็นหนังสือสัญญาที่เราร่างขึ้นมา คุณลองดูก่อนว่ามีตรงไหนอยากให้เราแก้ไขหรือเปล่า”

“ได้ค่ะ”วารุณียิ้มแล้วรับหนังสือสัญญานั้นมา

ปาจรีย์ก็เดินมายังข้างหลังของเธอ และดูมันไปพร้อมๆกับเธอ

หลังจากที่ดูจนจบ วารุณีก็รวบหนังสือสัญญานั้นลงอย่างพอใจ “ ไม่มีปัญหาค่ะ”

“งั้นเราก็มาเซ็นชื่อลงนามกันครับ”เลขาฯเสกข์ยื่นปากกาที่สวยงามแท่งหนึ่งให้

เมื่อมองดูปากกาแท่งนี้ วารุณีก็ชะงักเล็กน้อย

ปาจรีย์ก็เข้ามาสะกิดเธอ “วารุณี เป็นอะไรไป ทำไมถึงเหม่อลอยไปได้ ”

ดวงตาวารุณีไหววูบ เหยียดยิ้มมุมปากอย่างทำตัวไม่ถูก“ขออภัยค่ะ เห็นปากกานี้แล้ว ทำให้คิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา เขาเองก็ใช้ปากกาแบบนี้ ”

ปากกาของนัทธี เป็นยี่ห้อนี้ทั้งหมด

“อ๋อ ขอเสียมารยาทถามได้ไหมครับ ว่าเป็นใคร ?”ดวงตาเลขาฯเสกข์เป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง

วารุณีไม่ทันได้สังเกตเห็น ระหว่างที่กำลังเซ็นสัญญา ก็ยิ้มแล้วตอบกลับว่า “เจ้านายคนก่อนของฉันค่ะ ”

นั่นมันท่านประธานไม่ใช่เหรอ ?

เลขาฯเสกข์เลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็นึกไปถึงคำพูดของผู้ช่วยมารุต ว่าคุณวารุณีที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหากเป็นคนที่ท่านประธานรัก

งั้นเดี๋ยวเขาเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านประธานฟัง ท่านประธานจะดีใจหรือเปล่า จะเพิ่มโบนัสให้เขาไหม ?

“เลขาฯเสกข์ เลขาฯเสกข์ค่ะ?”ปาจรีย์ยื่นมือโบกไปตรงหน้าเขา

เลขาฯเสกข์กลับมาได้สติอีกครั้ง “ครับทำไมครับ?”

“พวกเราเซ็นเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่คุณ ทำไมคุณเองก็ใจลอยไปด้วย ?”ปาจรีย์จ้องมองไปที่เขาด้วยความสงสัย

เลขาฯเสกข์กระแอมไอเพื่อปกปิดความอาย“ขอโทษครับ กำลังคิดอะไรเพลินๆ เซ็นเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ โอเคครับ ผมจะประทับตรายางส่วนบุคคลของคุณจรณ์ลงบนเอกสารให้ครับ ”

พูดจบ เขาก็หยิบเอาตรายางส่วนบุคคลออกมาประทับลงไป

เอกสารหนังสือสัญญามีสามฉบับ เลขาฯเสกข์นำฉบับหนึ่งมอบในกับวารุณี แล้วอีกสองฉบับเขาก็นำกลับไป

เมื่อเดินออกจาก Newborn สตูดิโอ เลขาฯเสกข์ก็ขึ้นรถหรูรุ่นฐานล้อยาวที่จอดอยู่ข้างถนน แล้วยื่นสัญญาให้กับนัทธีที่นั่งหลับตาสงบนิ่งอยู่“ ท่านประธานครับ เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วครับ!”

นัทธีลืมตาขึ้น ยื่นมือรับเอกสารนั้นมา แล้วพลิกเปิดดู จากนั้นก็ส่งคืนให้กับเลขาฯเสกข์“เก็บไว้ให้ดี ต่อไปโครงการนี้ นายรับผิดชอบติดต่อประสานงานแล้วกัน ”

“รับทราบครับ”เลขาฯเสกข์พยักหน้า

มารุตที่นั่งข้างคนขับหันกลับมามองที่นัทธี“ประธานนัทธีครับ ผมไม่เข้าใจ ทำไมเรื่องง่ายๆคุณต้องอ้อมโลกขนาดนี้ด้วย คุณใช้สถานะเดิม ร่วมงานกับคุณวารุณีก็จบแล้ว เรื่องงานไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เธอไม่น่าจะปฏิเสธนะครับ”

“ปฏิเสธแน่ !”ริมฝีปากบางนัทธีเผยอ เอ่ยพูดคำสั้นๆออกมาอย่างแผ่วเบา

เธอให้ความสำคัญกับคนรอบข้างมาก เพื่อพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว เธอก็อยากจะอยู่ให้ห่างจากเขา

และตัวเขาเองก็ทำให้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาถึงสองครั้ง ยังไงเขาก็จำเป็นต้องชดใช้ให้เธอ หากชดใช้ให้อย่างเปิดเผย เธอก็คงไม่ยอมรับมันเอาไว้แน่ เพราะฉะนั้นเลยจำต้องปิดบังสถานะของตัวเองแบบนี้

“ไปเถอะ”นัทธีคลึงไปที่หว่างคิ้ว

เลขาฯเสกข์จึงได้สตาร์ทรถ

ระหว่างทาง มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรมาหามารุต

หลังจากที่มารุตรับสาย ก็พูดกับนัทธีอย่างปวดหัวไปว่า “ท่านประธานครับ คุณพิชญาฟื้นแล้ว ร้องขอจะพบท่านครับ”

“ไม่!”นัทธีคิ้วขมวด พูดปฏิเสธออกไปทันที

หลังจากที่มารุตแจ้งเจตจำนงของชายหนุ่มให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ก็ตัดสายทิ้ง

“ท่านประธานครับ นายสุภัทรบอกว่า ขอให้ท่านช่วยหาตัวคนที่ทำร้ายคุณพิชญาจนขาหักให้ด้วยครับ ”มารุตเก็บมือถือลง

นัทธีหรี่ตาลง “ฉันรู้แล้วว่าคนร้ายเป็นใคร”

“ห๊า?”มารุตตะลึง “ท่านรู้ได้ยังไงครับ ?”