ตอนที่ 154 ขอข้าวกิน

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

​การ​สนทนา​กัน​ใน​ห้อง​ทรงพระ​อักษร​วันนั้น​ ​สุดท้าย​ก็​เสร็จสิ้น​ลง​ไป​อย่าง​รีบร้อน​เนื่องด้วย​ปัญหา​พระ​พลานามัย​ของ​ฮ่องเต้

​ตอนที่​เฉินลั​่​วอ​อก​มาจาก​วัง​หลวง​นั้น​ ​ก็​ประมาณ​ยาม​โหย​่ว​ ​เลยเวลา​เลิกงาน​มา​ได้​ครู่ใหญ่​แล้ว

​เขา​ให้​เกี้ยว​จอด​ที่​ประตู​ซีจื​๋อ​ ​มอง​ฝูงชน​คึกคัก​จอแจ​ ​ประชาชน​ที่​เดินไปเดินมา​กลับ​เงยหน้า​ขึ้น​มาม​อง​เขา​บ่อยครั้ง​ ​มีความรู้สึก​หลายหลาก​ปะปนกัน​ไป​หมด​ ​ชั่วขณะ​นั้น​ถึงกับ​ไม่รู้​ว่า​ควร​ไป​ทาง​ไหน​ดี​ ​กระทั่ง​มีส​ตรี​ผู้​หนึ่ง​จูง​เด็ก​พร้อมกับ​ถือ​ห่อ​ยา​เดินผ่าน​หน้า​เขา​ไป​ ​เมื่อ​เงยหน้า​ขึ้น​ก็​ค้นพบ​ว่า​เบื้องหน้า​ที่อยู่​ไม่​ไกล​ออก​ไป​นั้น​คือ​ร้านขายยา​เพื่อม​วล​ชน​ ​หัวใจ​ของ​เขา​กระตุก​ ​กล่าว​กับ​เฉิน​อวี​้​ที่​ตามมา​ด้วยว่า​ ​“​พวกเรา​กลับ​จวน​จ่าง​กง​จู่​กัน​!​”

​เฉิน​อวี​้​รับคำ​เสียง​หนึ่ง​อย่าง​สับสน​งงงวย

​เมื่อ​ครู่​ใต้เท้า​ของ​พวกเขา​ยัง​บอกอ​ยู่​เลย​ว่า​มีธุระ​ต้องการ​ไปหา​พ่อ​ของ​เขา​ที่​ซอย​ลิ่ว​เถียว​ ​เหตุใด​เพียงพริบ​ตาเดียว​ก็​เปลี่ยนใจ​แล้ว​?

​เขา​พึมพำ​อยู่​ใน​ใจ​ก็​จริง​ ​ทว่า​ก็​ไม่​อาจ​ไป​โน้มน้าว​ให้​เฉินลั​่ว​เปลี่ยนใจ​ได้​ ​รีบ​รับคำ​แล้ว​สั่ง​คน​หาม​เกี้ยว​ยก​เกี้ยว​ขึ้น

​ไม่นาน​พวกเขา​ก็​กลับมา​ถึง​จวน​จ่าง​กง​จู่

​เป่า​ชิ่ง​จ่าง​กง​จู่​ยังอยู่​ใน​วัง​ ​ผู้ดูแล​จวน​รับผิด​หน้าที่​อย่าง​ซื่อสัตย์​ ​จัดการ​เรื่อง​ต่างๆ​ ​ใน​จวน​ได้​อย่างเป็นระเบียบ​เรียบร้อย

​เขา​เปลี่ยน​ชุด​เสร็จ​แล้ว​ถือ​ธนู​ไป​ยัง​ใต้​ต้น​หลิว​ที่​เรือน​พุ่ม​ของ​มัน​ยื่น​ข้าม​ฝั่ง​มาถึง​จวน​จ่าง​กง​จู่​ต้น​นั้น​ ​กระโดด​ขึ้นไป​แล้ว​นั่ง​อยู่​บน​ง่าม​ของ​ต้นไม้

​เวลานี้​เป็นเวลา​ก่อน​มื้อ​ค่ำ​พอดี​ ​สวน​ร่ม​หลิว​เงียบเชียบ​ไร้​ซึ่ง​สรรพ​เสียง​ใด​ ​เฉินลั​่ว​มอง​สวนดอกไม้​ที่​กำลัง​ชู​ช่อดอกไม้​งดงาม​หลากหลาย​สี​ใน​ลานบ้าน​แล้ว​ยิ้มน้อย​ๆ​ ​ออกมา

​ความชอบ​เหมือน​นิสัย​ของ​เจ้าของ​จริงๆ​ ​หวัง​ซี​เป็น​คน​ร่าเริง​มีชีวิตชีวา​ ​อาภรณ์​หรือ​การ​แต่งกาย​ต่าง​มีสีสัน​สวยงาม​ ​บุปผา​และ​พรรณ​พืช​ของ​สวนดอกไม้​แห่ง​นี้​ ​รวมถึง​เครื่องเรือน​ใน​บ้าน​ก็​ตกแต่ง​อย่าง​มีสีสัน​สดใส​เช่นกัน​ ​ทำให้​คน​มอง​แล้ว​รู้สึก​มีชีวิตชีวา​ตาม​ขึ้นไป​ด้วย

​เขามอ​งก​้อน​เมฆ​สีชมพู​ที่​ค่อยๆ​ ​แผ่ขยาย​เต็ม​ท้องฟ้า​ฝั่ง​ตะวันตก​ ​แล้วก็​มอง​มัน​ค่อยๆ​ ​จางหาย​ไป​อย่างเงียบเชียบ​ ​พวก​สาวใช้​เด็ก​ของ​หวัง​ซี​ถือ​ถาด​อาหาร​ ​ผลัดกัน​รับใช้​อยู่​ใน​เรือน​ของ​นาง​อย่างเป็นระเบียบ​ ​คอย​ปรนนิบัติ​นาง​รับประทาน​มื้อ​เย็น​ ​แมว​ที่นาง​เลี้ยง​ไว้ตัว​นั้น​กลับ​กระโดด​เข้า​กระโดด​ออก​อยู่​ตรง​พงหญ้า​ ​ไม่รู้​ว่า​กำลัง​เล่น​อะไร​อยู่​ ​สาวใช้​เด็ก​ถือ​ชาม​ขนาดเล็ก​เดินตาม​มัน​พลาง​ร้องเรียก​ เมี​้ยว​เมี​้ยว​ อยู่​ตรงนั้น​ ​แต่​มัน​ก็​ไม่สน​ใจ​ ​เป็นสาว​ใช้​ใหญ่​ข้าง​กาย​หวัง​ซีที​่​เหมือน​จะ​มีนาม​ว่า​ ​‘​กั่ว​’​ ​อะไร​สัก​อย่าง​ผู้​นั้น​ ​ยืน​เท้า​เอว​อยู่​บน​บันได​พูด​อะไร​สัก​อย่าง​ ​แมว​ตัว​นั้น​คล้าย​ฟัง​รู้เรื่อง​ก็​ไม่​ปาน​ ​ไม่รู้​ว่า​กระโดด​ออกมา​จาก​ที่ใด​ ​พาด​ตัว​อยู่​บน​กระโปรง​ของ​สาวใช้​ส่งเสียง​ร้อง​ เมี​้ยว​เมี​้ยว​เมี​้ยว​ อย่าง​ออดอ้อน

​คล้ายคลึง​กับ​หวัง​ซี​เล็กน้อย

​ออดอ้อน​เก่ง​ ​ซุกซน​เป็น​ที่สุด​ ​แล้วก็​ฉลาด​มีไหวพริบ​มาก​อีกด้วย​ ​รู้จัก​มอง​สีหน้า​ของ​ผู้คน​ ​หาก​เห็น​ว่า​เจ้า​ไม่ได้​โกรธ​จริง​ ​ก็ได้​คืบ​จะ​เอา​ศอก​ ​ต้อง​ทำให้​ตัวเอง​พอใจ​และ​มีความสุข​ก่อน​ ​แต่​ถ้า​เจ้า​โมโห​จริงๆ​ ​แล้ว​ ​นาง​ก็​จะ​พูดคุย​กับ​เจ้า​อย่าง​เอาอกเอาใจ​ ​ยิ้ม​หวาน​หยด​ให้​เจ้า​…

​เฉินลั​่ว​ไม่รู้​ว่า​มุม​ปาก​ยก​ยิ้ม​ขึ้น​ตั้งแต่​เมื่อใด​ ​มอง​เซียง​เย​่​ที่​กำลัง​นั่ง​กิน​อาหาร​อย่าง​เชื่อฟัง​อยู่​บน​เสื่อ​ไม้​ไผ่​ตรง​บันได​แล้ว​อารมณ์​สงบ​ลงมา​โดยไม่รู้ตัว

​“​เซียง​เย​่​ ​เซียง​เย​่​!​”​ ​หวัง​ซี​รับประทาน​มื้อ​เย็น​เสร็จ​แล้ว​ตั้งใจ​จะ​ไปหา​กระดาษ​ใน​ห้อง​หนังสือ​มาคั​ดอั​กษ​รสั​กหน​่อย​ ​ปรากฏ​ว่า​กล่อง​เก็บ​กระดาษ​บน​ชั้นวางของ​มี​รอยเท้า​สีน้ำ​หมึก​ของ​แมว​ประทับ​อยู่​หนึ่ง​แถว​ ​นาง​วิ่งไล่​ออกมา​จาก​ห้อง​หนังสือ​ ​ค้อมตัว​จิ้ม​หัว​เซียง​เย​่​ ​“​เหตุใด​เจ้า​ถึง​ซุกซน​ขนาด​นี้​ ​ข้า​จะ​ส่ง​เจ้า​กลับ​สู่​จง​ ​ให้​มารดา​ของ​เจ้า​อบรมสั่งสอน​เจ้า​ให้​หนัก​”

​เซียง​เย​่​กำลังกิน​อาหาร​อยู่​ ​ได้ยิน​แล้ว​เงยหน้า​ขึ้น​หันไป​ส่งเสียง​ร้อง​ใส่​หวัง​ซี​อย่าง​ไม่​ชอบใจ​สอง​เสียง​ ​แล้วก็​ก้มหน้า​ลง​ไป​กิน​อาหาร​ต่อ

​หวัง​ซี​หัวเราะ​ไม่​ออก​ร้องไห้​ไม่ได้​ ​กล่าวว่า​ ​“​เหตุใด​วันนี้​ถึง​เชื่อฟัง​ขนาด​นี้​ ​รู้จัก​ตั้งใจ​กินข้าว​ดี​ๆ​ ​ด้วย​ ​นอกจาก​ที่​ห้อง​หนังสือ​แล้ว​ ​คง​ไม่ได้​สร้าง​ปัญหา​อะไร​อีก​กระมัง​”​ ​ขณะที่​กล่าว​ ​นาง​ก็​อุ้ม​เซียง​เย​่​ขึ้น​มาก​อด​ไว้​ใน​อ้อมแขน​อย่าง​คาดโทษ​ ​กล่าว​ต่อว่า​ ​“​เจ้า​วายร้าย​ผู้​นี้​ ​สักวัน​ต้อง​ถูก​สุนัข​คาบ​ไป​แน่​”

​มีเสียง​หัวเราะ​ คิก ​เบา​ๆ​ ​ดัง​ขึ้น

​หวัง​ซี​ตกใจ​ ​มอง​ไปร​อบ​ๆ​ ​ทั้ง​สี่​ด้าน

​ทันใดนั้น​มีเสียง​ของ​เฉินลั​่ว​ดัง​ขึ้น​มาจาก​บน​ต้นไม้​ ​“​เจ้า​พูด​กับ​มัน​เช่นนี้​ ​มัน​ฟัง​รู้เรื่อง​หรือ​”

​หวัง​ซี​เงยหน้า​ขึ้น​ ​เห็น​เฉินลั​่​วนั​่​งอยู​่​บน​เรือน​พุ่ม​ของ​ต้น​หลิว​ ​หาก​เขา​ไม่​ส่งเสียง​ ​พวก​นาง​คง​ไม่รู้​จริงๆ​ ​ว่า​มี​คน​เข้ามา​ใน​ลานบ้าน

​นี่​ออกจะ​อันตราย​เกินไป​แล้ว

​หวัง​ซีกำ​ลัง​คิด​ว่า​ควรจะ​ต่อเติม​กำแพง​ให้​สูง​ขึ้น​อีก​สักหน่อย​ดี​หรือไม่​ ​จึง​กล่าว​ด้วย​อาการ​ใจลอย​เล็กน้อย​ว่า​ ​“​เหตุใด​เจ้า​ถึง​มา​อยู่​ที่นี่​ ​ข้า​บอก​เอาไว้​แล้ว​มิใช่​หรือว่า​ ​หาก​ข้า​ต้องการ​ตามหา​เจ้า​ ​จะ​เอา​ระฆัง​ไป​แขวน​ไว้​บน​ต้น​หลิว​?​ ​เจ้า​เอง​ก็​แขวน​ระฆัง​เอาไว้​ได้​เช่นกัน​ ​เมื่อ​ข้า​เห็น​แล้ว​จะ​ไป​พบ​เจ้า​เอง​”

​เฉินลั​่ว​เห็น​บริเวณ​โดยรอบ​ไม่มีใคร​ ​จึง​กระโดด​ลงมา​จาก​ต้นไม้​ ​กล่าวว่า​ ​“​เมื่อ​ครู่​ข้า​เห็น​มี​ชาม​กระเบื้องเคลือบ​สีแดง​สดใส​ชาม​หนึ่ง​ ​น้ำแกง​ที่อยู่​ข้างใน​มี​ของ​สีขาว​ๆ​ ​เขียว​ๆ​ ​ลอย​อยู่​ด้านบน​ ​มัน​คือ​อาหาร​อะไร​หรือ​ ​ข้า​ยัง​ไม่ได้​กิน​มื้อ​เย็น​เลย​ ​เจ้า​ให้​แม่ครัว​ของ​เจ้า​ทำ​กับ​อาหาร​แบบ​เดียวกัน​นั้น​มา​ให้​ข้า​สัก​จาน​หนึ่ง​ได้​หรือไม่​!​”

​ท่าทาง​มั่นใจ​ใน​ความถูกต้อง​ของ​ตัวเอง​นั่น​ ​ทำ​ราวกับ​หวัง​ซี​เป็น​คนดู​แล​เรื่อง​อาหารการกิน​ของ​เขา​ก็​ไม่​ปาน

​หวัง​ซี​โมโห​ ​แต่​เมื่อ​นึกได้​ว่าวั​นนี​้​น่าจะเป็น​วันที่​เขา​เข้า​วัง​หลวง​ ​จึง​มอง​เขา​อีกครั้ง​ ​พบ​ว่า​บน​ใบหน้า​ไม่มี​แวว​ยินดี​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ยัง​มี​เวลา​มานั​่​งอยู​่​ใน​เรือน​ของ​นาง​อีก​ ​เดา​ว่า​คง​ไม่ใช่​เรื่อง​ดี​อะไร​ ​จึง​ปล่อย​เขา​ไป​ครั้งหนึ่ง​ ​ไม่​คิดบัญชี​กับ​เขา​มากมาย​อีก​ ​เพียง​หันไป​สั่งการ​ไป๋​กั่ว​ว่า​ ​“​ไป​บอก​ใน​ครัว​สัก​คำ​ว่า​ใต้เท้า​เฉิน​ไม่​กิน​ของ​รสจัด​ ​ให้​ทำ​เครื่องเคียง​มา​ให้​สัก​สอง​สาม​อย่าง​”

​คน​สู่​จงอย​่าง​พวก​นาง​ชอบ​กิน​รส​เผ็ด​ ​ทั้ง​เรื่อง​เครื่องเคียง​และ​เรื่อง​ไม่​กิน​ของ​รสจัด​ ​โดยมาก​เป็นการ​บอกว่า​อาหาร​ของ​จิง​เฉิง​ต้องเติ​มรส​เผ็ด​เพิ่ม​สักหน่อย​นั่นเอง

​ไป๋​กั่ว​รับคำ​อย่าง​ยิ้มแย้ม​ ​ไม่นาน​ก็​ยก​ถาด​อาหาร​เข้ามา​ ​ถาม​ว่า​จะ​ให้​ตั้ง​สำรับ​ตรงไหน

​หวัง​ซี​ถาม​เฉินลั​่ว​ ​“​เจ้า​ต้องการ​ดื่ม​สุรา​สักหน่อย​หรือไม่​”

​เฉินลั​่ว​ส่าย​ศีรษะ​ ​มอง​ถาด​อาหาร​ใน​มือ​ของ​ไป๋​กั่ว​อย่าง​สงสัย​ ​กล่าวว่า​ ​“​เร็ว​ขนาด​นี้​ ​คง​มิใช่​ของ​ที่​เจ้า​กิน​เหลือ​หรอก​กระมัง​”

​เป็น​ของเหลือ​ของ​หวัง​ซีจ​ริง​ๆ​ ​ทว่า​ไม่ใช่​ของ​ที่นาง​เคย​กิน​แล้ว​ ​เนื่องจาก​วันนี้​นาง​ไปดู​เครื่องเรือน​ที่​สั่งทำ​ให้​ฉัง​เคอ​เป็นเพื่อน​นาย​หญิง​สาม​ ​อากาศ​ร้อน​มาก​ ​ตอนเย็น​ยัง​ไม่ทัน​ได้​พัก​หายใจ​ดี​ๆ​ ​ก็​สั่งอาหาร​รส​เผ็ด​เปรี้ยว​มา​อีก​สอง​สาม​อย่าง​แทน​ ​ก็​เลย​ไม่ได้​กิน​อาหาร​ที่​เตรียม​เอาไว้​ก่อนหน้านี้

​ไป๋​กั่ว​ลำบากใจ​เล็กน้อย

​หวัง​ซีก​ลับ​รู้สึก​ว่า​ไม่​ควร​ตามใจ​เฉินลั​่ว​ ​กล่าวว่า​ ​“​เจ้า​จะ​กิน​ไม่​กิน​?​ ​หาก​เจ้า​ไม่​กิน​ข้า​จะ​ได้​มอบให้​พวก​ไป๋​กั่ว​แทน​”

​“​กิน​!​”​ ​เฉินลั​่ว​ตอบ​อย่าง​ชัดถ้อยชัดคำ

​ตอนที่​เขา​ซ่อนตัว​อยู่​บน​ต้น​หลิว​มอง​อาหาร​บน​โต๊ะ​ของ​นาง​จาก​ที่​ไกลๆ​ ​นั้น​ท้อง​ก็​ร้อง​จ๊อก​แล้ว​ ​เวลานี้​ภายใน​ห้องโถง​ยัง​มีกลิ่น​อาหาร​ที่หวัง​ซีกิน​เป็น​มื้อ​เย็น​หลงเหลือ​อยู่​ ​ทำให้​คนที​่​ตอนเช้า​กินข้าว​ต้ม​ไป​เพียง​ครึ่ง​ชาม​อย่าง​เฉินลั​่ว​ได้กลิ่น​แล้ว​น้ำลาย​พาน​จะ​ไหล​ออกมา​ให้​ได้

​หวัง​ซี​ไม่​พูด​อะไร​อีก​ ​ชี้​ไป​ที่​โต๊ะ​หิน​ใต้​ซุ้ม​องุ่น​ใน​ลานบ้าน​ ​กล่าว​กับ​ไป๋​กั่ว​ว่า​ ​“​ไป​ตั้งตรง​นั้น​ก็แล้วกัน​!​”​ ​ยัง​สั่งการ​นาง​ด้วยว่า​ ​“​หลาย​วันก่อน​นาย​หญิง​สาม​เอา​ข้าวหมาก​มา​ให้​มิใช่​หรือ​ ​เจ้า​ให้​ใน​ครัว​ทำ​บัวลอย​ข้าวหมาก​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​มาสัก​ถ้วย​หนึ่ง​”

​ไป๋​กั่ว​รับคำ​ยิ้ม​ๆ​ ​มีสาว​ใช้​เด็ก​ไป​แจ้ง​ใน​ครัว​ ​ส่วน​นาง​ช่วย​ตั้ง​สำรับ

​เฉินลั​่ว​เห็น​ว่า​สิ่ง​ที่อยู่​ใน​ชาม​กระเบื้องเคลือบ​สีแดง​ของ​หวัง​ซีคือ​แกงจืด​เต้าหู้​ลูกชิ้น​ปลา​ผัก​ฮ่องเต้​ใส่​กุ้งแห้ง​ ​ไป๋​กั่ว​เพิ่ม​ปลา​ทะเล​ทอด​หอม​ ​เนื้อ​ลา​ผัด​ ​ลูกชิ้น​เนื้อหมู​ทอด​ผัด​ใน​น้ำ​ปรุงรส​มา​ให้​เขา​ด้วย​ ​นอกจากนี้​ยัง​มี​เครื่องเคียง​สอง​อย่าง​ ​คือ​แตงกวา​ดอง​กับ​ผัก​ก๋าน​หล่าน​[1]​ดอง​ ​กับข้าว​สวย​ผสม​ธัญพืช​อีก​หนึ่ง​ถ้วย

​ ​เขา​กิน​น้ำแกง​ไป​คำ​หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​กินข้าว​ติดๆ​ ​กัน​ถึง​สอง​ถ้วย​ถึง​ได้​หยุด​กิน

​ประจวบเหมาะ​กับ​ที่​สาวใช้​ยก​บัวลอย​ข้าวหมาก​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​เข้ามา​พอดี​ ​เขา​ก็​กิน​อีก​หนึ่ง​ถ้วย​จน​เกลี้ยง​ ​บ้วนปาก​ล้างมือ​เสร็จ​แล้ว​ถึง​ได้​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจ้า​เริ่ม​เก็บ​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​ตั้งแต่​ตอนนี้​แล้ว​หรือ​ ​ข้า​ดู​ต้นหอม​หมื่น​ลี้​ใน​ลานบ้าน​ของ​เจ้า​แล้วยัง​ไม่เห็น​มีด​อก​เลย​แม้แต่​ช่อ​เดียว​”

​หวัง​ซีก​ลอก​ตาม​อง​บน​ใส่​เขา​ครั้งหนึ่ง​ ​กล่าวว่า​ ​“​ย่อม​เป็น​หลง​จู๊​ใหญ่​ส่ง​มา​ให้​!​ ​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​ของ​เจียง​หนา​นบาน​เร็ว​กว่า​ ​แล้วก็​หอม​กว่า​ด้วย​ ​ได้ยิน​ว่า​พื้นที่​อุดมสมบูรณ์​เหมาะ​แก่​เพาะปลูก​ของ​ทาง​นั้น​มี​ไม่​มาก​ ​จึง​มี​คน​ปลูก​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​มา​ขาย​เป็นการ​เฉพาะ​ ​ทั้ง​รูปลักษณ์​และ​กลิ่น​ล้วน​ดียิ่ง​”

​เฉินลั​่ว​ไม่​ค่อย​รู้เรื่อง​พวก​นี้​ ​เพียง​พยักหน้า​น้อย​ๆ

​ไป๋​กั่ว​ยก​ขนม​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​มา​ให้

​ขนม​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​ของ​พวก​นาง​คือ​ขนม​ของ​ทาง​ก่วงตง​ ​ภายใน​ตัว​ขนม​สีใส​ผสม​กับ​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​สีเหลือง​ทอง​ ​ดู​งดงาม​เป็นอย่างมาก

​ไป๋​กั่ว​ยัง​นำ​ชา​ขาว​มา​ขึ้น​โต๊ะ​ให้​เฉินลั​่ว​ด้วย

​เฉินลั​่​วชิม​ขนม​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​ไป​ชิ้น​หนึ่ง​ ​รส​สัมผัส​นุ่ม​หยุ่น​ ​กลิ่น​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​อ่อน​ๆ​ ​ผสม​กับ​รสชาติ​หวาน​นิดๆ​ ​เป็น​รส​ที่​เขา​ชอบพอ​ดิบ​พอดี

​เขามอง​หวัง​ซีค​รั้ง​หนึ่ง

​ตอนที่​เขา​กินข้าว​ก่อนหน้านี้​ ​หวัง​ซี​ไป​หยอกเย้า​เล่น​กับ​แมว​โดยตลอด​ ​เวลานี้​นาง​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ชุด​ใหม่​และ​เช็ดมือ​เรียบร้อย​แล้ว​มานั​่ง​ลง​ข้าง​กาย​เขา​ ​เห็น​เขามอง​ไป​ ​ก็​ชัน​ศอก​ขึ้น​มอง​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​แย้ม​ ​กล่าวว่า​ ​“​ว่า​มา​เถอะ​ ​เจ้า​มาหา​ข้ามี​เรื่อง​อะไร​”

​น้ำเสียง​มั่นอกมั่นใจ​นั่น​ ​ทำให้​เฉินลั​่​วรู​้​สึก​หัวเราะ​ไม่​ออก​ร้องไห้​ไม่ได้​เล็กน้อย​ ​อด​กล่าว​ไม่ได้​ว่า​ ​“​การ​ที่​ข้ามา​หา​เจ้า​ ​ต้อง​เป็น​เพราะ​มีธุระ​อะไร​เท่านั้น​หรือ​ ​ข้า​จะ​มา​ขอ​ข้าวเจ้า​กิน​สัก​มื้อ​ไม่ได้​เลย​หรือ​อย่างไร​ ​ข้า​ได้ยิน​เจียง​ชวน​ป๋อฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​พูดว่า​ ​เจ้า​เป็น​นักกิน​ผู้​หนึ่ง​ ​อบรม​และ​ฝึกสอน​แม่ครัว​ใน​บ้าน​ได้​เป็น​อย่างดี​ ​วันที่​สิบห้า​เดือน​แปด​นี้​ ​นาง​ตั้งใจ​จะ​มา​ขอยืม​ตัว​แม่ครัว​ของ​เจ้า​!​”

​หวัง​ซี​ไม่เคย​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​มาก​่อน

​นาง​นั่ง​หลัง​ตรง​ขึ้น​มา​อย่างแปลกใจ​เล็กน้อย​ ​กล่าวว่า​ ​“​นาง​คง​ไม่ได้​คิด​จะ​มายืม​ตัว​แม่ครัว​ของ​ข้า​จริงๆ​ ​หรอก​กระมัง​”

​เฉินลั​่​วก​ล่าว​ ​“​น่าจะ​อยาก​มายืม​ตัว​แม่ครัว​ของ​เจ้า​จริงๆ​ ​เจียง​ไท่​เฟย​โปรดปราน​ขนมหวาน​มาก​ ​นี่​ก็​ใกล้​ถึง​เทศกาล​ไหว้พระ​จันทร์​แล้ว​ ​ทุกคน​ล้วน​ต้อง​ส่ง​ของขวัญ​เทศกาล​เข้าไป​ถวาย​ให้​”

​“​แต่​ข้า​ยัง​ต้อง​ให้​คนครัว​ทำ​ขนม​ไหว้พระ​จันทร์​ไส้​ผลไม้​ให้​ข้า​อยู่​นี่​นา​!​”​ ​หวัง​ซี​ขมวดคิ้ว​อย่าง​รู้สึก​ลำบากใจ​เล็กน้อย

​“​ขนม​ไหว้พระ​จันทร์​ไส้​ผลไม้​?​ ​คือ​ขนม​ไหว้พระ​จันทร์​อะไร​หรือ​”​ ​เฉินลั​่ว​ถาม

​“​ไอ​โย​!​”​ ​หวัง​ซีก​ล่าว​ ​“​หลาย​วันก่อน​ร้าน​เจกุ​้ย​ซุ่น​ ​ร้าน​เจ​จี๋​เสียง​และ​ร้าน​เฉียวจ​ยาต​่าง​ส่ง​ขนม​ไหว้พระ​จันทร์มา​ให้​ข้า​ ​ข้า​รู้สึก​ว่า​กิน​ไป​กิน​มาก​็​มี​แต่​แบบ​เดิม​ๆ​ ​จึง​คิด​ว่า​อย่างไร​เสีย​ความแตกต่าง​ล้วน​อยู่​ที่​ไส้​พวก​นั้น​ ​เช่นนั้น​ลอง​ทำ​เหมือน​เกี๊ยว​ดูดี​หรือไม่​ ​ใช้​ผลไม้​ทำเป็น​ไส้​ห่อ​เข้าไป​ด้านใน​ ​แต่​ผลไม้​มีน​้ำ​เป็น​ส่วนประกอบ​มากเกินไป​ ​พอ​เอา​มา​ผัด​รสชาติ​ก็​เปลี่ยน​แล้ว​ ​ข้า​ทำ​หลาย​หม้อ​แล้วก็​ยัง​ไม่สำเร็จ​ ​กำลัง​หารือ​เรื่อง​นี้​กับ​คนใน​ครัว​อยู่​เลย​ ​หาก​ให้ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ยืม​ตัว​คนครัว​ไป​ ​คง​ต้อง​พัก​เรื่อง​ขนม​ไหว้พระ​จันทร์​ไส้​ผลไม้​นี้​ไป​ก่อน​แล้ว​”

​เนื่องจาก​ให้​ผู้อื่น​ยืม​ตัว​ ​ย่อม​ต้อง​เลือก​คนที​่​ดีที​่​สุด​ ​ส่วน​คน​ชิม​อาหาร​ก็​ต้อง​เลือก​อาจารย์​ที่​เก่ง​ที่สุด​ไป​ด้วย​เช่นกัน

​เฉินลั​่​วก​ล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ส่ง​ไป​แค่​ขนม​ไม่ต้อง​ส่ง​คน​ไป​”

​“​ดู​อีกที​ก็แล้วกัน​!​”​ ​หวัง​ซียั​งก​ล่าว​ด้วย​อารมณ์​หดหู่​เล็กน้อย​ว่า​ ​“​นาง​ดี​กับ​ข้ามาก​ ​หาก​เอ่ยปาก​เช่นนี้​จริงๆ​ ​ย่อม​ต้อง​เป็นเรื่อง​สำคัญ​ของ​นาง​ ​ส่วน​ข้า​ ​ปีนี​้​ทำไม​่​สำเร็จ​ค่อย​ทำ​ปีหน้า​ก็ได้​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​รีบ​ทำให้​ได้​ใน​ตอนนี้​”

​เฉินลั​่​วก​ลับ​รู้สึก​สนใจ​ขนม​ไหว้พระ​จันทร์​ไส้​ผลไม้​ของ​นาง​มาก​ ​กล่าวว่า​ ​“​หาก​ไม่ได้​การจริง​ๆ​ ​ข้า​ให้​เจ้า​ยืม​ตัว​คนครัว​สัก​สอง​คน​ก็ได้​”

​เขา​มิใช่​คน​ให้ความสำคัญ​กับ​รสชาติ​อาหาร​มาก​นัก​ ​จ่าง​กง​จู่​มีเรื่อง​อะไร​ก็​ใช้​ครัว​หลวง​ของ​วัง​หลวง​ตลอด​ ​แม้น​งานเลี้ยง​ของ​จวน​จ่าง​กง​จู่​จะ​มีชื่อเสียง​ใน​จิง​เฉิง​ ​ทว่า​ใน​บ้าน​กลับ​ไม่ได้​เลี้ยงดู​พ่อครัว​แม่ครัว​ที่​มีชื่อเสียง​อะไร​เป็นพิเศษ​เลย​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​ในเมื่อ​เขา​ตัดสินใจ​เช่นนี้​แล้ว​ ​ก็​ไม่เสียหาย​ที่จะ​หา​ซื้อ​คน​หรือไม่ก็​หา​ตัว​พ่อครัว​แม่ครัว​จาก​ที่อื่น​มา​ให้​หวัง​ซีสัก​สอง​สาม​คน​”​

​ยกตัวอย่างเช่น​ตระกูล​จิน​ ​คนครัว​ของ​พวกเขา​ไม่เลว​เลย​ทีเดียว

​นับตั้งแต่​วัน​คล้าย​วันเกิด​ของ​มารดา​เขา​เป็นต้นมา​ ​เขา​ก็​ไม่ได้​ไปมาหาสู่​กับ​ตระกูล​จิน​นาน​แล้ว

​ความจริง​แล้ว​ตระกูล​จิน​ดี​กับ​เขา​ไม่น้อย​เลย

​ตอน​เป็น​เด็ก​เขา​ถึงกับ​เคย​ฝัน​ว่า​ตัวเอง​เป็น​บุตรหลาน​ของ​ตระกูล​จิน

​เฉินลั​่ว​ยิ้ม​ ​ถาม​หวัง​ซี​ว่า​ต้องการ​พ่อครัว​แม่ครัว​เช่นไร

​หวัง​ซีก​ลับ​สนใจ​เรื่อง​ที่​เขา​เข้า​วัง​มากกว่า

​เฉินลั​่ว​มอง​ใบหน้า​ตึงเครียด​ของ​หวัง​ซี​ ​ไม่รู้​จะ​พูด​อะไร​ดี​ไป​ชั่วขณะ

​ตอน​มาที​่​นี่​ ​ดวง​หน้า​เขา​เต็มไปด้วย​ความขุ่นข้อง​หมองใจ​ ​แต่​เวลานี้​ ​เขา​กลับ​รู้สึก​สงบ​สบายใจ​ ​ความทุกข์​ใจ​และ​ความขุ่นข้อง​หมองใจ​ที่​ได้รับ​มาจาก​วัง​หลวง​เหล่านั้น​ ​ราวกับ​มลาย​หายวับ​ไป​กับ​อาหาร​และ​ขนมหวาน​มื้อ​นี้​ไป​แล้ว​ ​ทำให้​เขา​ไม่รู้​สึก​อยาก​คร่ำครวญ​อะไร​แล้ว

​……………………………………………………………………

[1]​ ผัก​ก๋าน​หล่าน ​ผัก​ตระกูล​เคล

ตอนต่อไป