บทที่ 142 ใกล้ชิดกันมากขึ้น

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

ในตอนเช้าตรู่ ภายในรถม้าอันแสนสะดวกสบาย

กองไม้ในบริเวณที่ต้มชาดูเหมือนจะมอดไหม้ไปหมดแล้ว ขณะเดียวกัน กาน้ำชาก็ส่งเสียงอู้อี้

กลิ่นหอมกรุ่นที่หรูหรามีระดับค่อยๆ ลอยออกมาจากกระถางธูปหอมที่แกะสลักด้วยทองบริสุทธิ์

มันคือกลิ่นหลงเหยี่ยน ที่สามารถช่วยซ่อมแซมอวัยวะภายในและระบบทางเดินอาหาร รวมถึงช่วยขับพิษและทำลายเนื้อร้ายต่างๆ ได้ การสูดกลิ่นหอมนี้ภายในห้องขนาดเล็กนั้นจะช่วยส่งผลดีต่อร่างกายอย่างมาก

หากเฮ่อเหลียนเวยเวยจำไม่ผิด กลิ่นหลงเหยี่ยนเป็นเครื่องหอมที่ท่านแม่ของนางชื่นชอบมากที่สุด…

แต่หลังจากที่ฮูหยินซูแต่งงานเข้ามาในตระกูล นางก็เอาเครื่องหอมของท่านแม่ออกไป และบอกว่านางไม่อาจทนกลิ่นนี้ได้ เพราะมันทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้ หลังจากนั้น ทุกคนในคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ก็ถูกห้ามไม่ให้จุดเครื่องหอมนี้อีก

ดังนั้น ข้ารับใช้ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านี่คือวิธีที่อนุภรรยาที่เพิ่งแต่งงานเข้ามาใหม่ใช้เพื่อแสดงอำนาจของตนเองต่อหน้าภรรยาหลวง

แต่ ‘ท่านพ่อที่แสนดี’ ของนางทำเช่นไรน่ะหรือ เขาปกป้องฮูหยินซูทุกอย่าง และยังบอกอีกว่าฮูหยินซูสุขภาพอ่อนแอกว่าท่านแม่ของนาง

สุขภาพของฮูหยินซูอ่อนแอ แล้วสุขภาพท่านแม่ของนางไม่ได้อ่อนแอหรือ

ตอนนั้น ท่านแม่ใกล้จะสิ้นใจแล้ว นางหายใจหอบ และอาเจียนออกมา นางใช้ทั้งชีวิตของตนเองอยู่บนสนามรบในฐานะของแม่ทัพหญิง นางเป็นคนเที่ยงธรรมและเป็นประมุขตระกูลเฮ่อเหลียนที่แท้จริง แต่กลับไม่มีสิทธิ์ที่จะจุดก้านธูปหอมนั้นเลยแม้แต่ก้านเดียว…

ไม่มีใครรู้เลยว่าสถานการณ์เช่นนั้น มันน่าเศร้าเพียงใด

เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวน้อยบีบชายกระโปรงของตนเองและมองดูชีวิตของท่านแม่ที่ต้อยต่ำและน่าสงสาร แต่นางกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ความทรงจำที่อยู่ลึกในใจของตนเอง ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยหลับตาแน่น เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาของนางก็ส่องประกายชัดเจนขึ้นแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้น นางก็คือคนที่กลับมาเกิดใหม่ และจะต้องทวงคืนทุกอย่างที่เคยเป็นของนางกลับคืนมาอย่างแน่นอน

ในขณะที่หญิงสาวกำลังนึกถึงเรื่องนี้ จู่ๆ นางก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังมองดูนางอยู่

ทันใดนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ระงับอารมณ์อาฆาตแค้นที่อยู่ในร่างกายของตนเองลงทันที ก่อนจะมองตรงไป พร้อมกับเงยหน้าขึ้น

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสวมชุดคลุมขนสัตว์สีดำ และนั่งพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านอยู่ แขนเสื้อของเขาเป็นทรงโบราณที่บานออกคล้ายกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน ตัดกับข้อมือที่ดูราวกับหยก เขาพลิกม้วนกระดาษที่อยู่ในมืออย่างสง่างามและสูงส่งตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวแบบไม่ยี่หระขององค์ชายสามแต่ละท่วงท่านั้นสามารถถ่ายภาพเพื่อเอาไปขึ้นปกนิตยสารได้เลยทีเดียว น่าเสียดายที่คนแบบนี้ไม่ได้เป็นดารา

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอาจจะรับรู้ได้ถึงสายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวย เขาจึงหันมองไปทางนาง ก่อนจะเปิดกล่องไม้ขนาดเล็กที่อยู่ในรถม้าคันนั้นออกมา นิ้วมือเรียวยาวของเขาล้วงเข้าไปในกล่องใบนั้น ก่อนจะโยนชิ้นส่วนทังสเตน[1]สองสามชิ้นให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวย เขาต้องการจะให้นางจับพวกมันเล่น

เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วขึ้นขณะเล่นกับชิ้นส่วนทังสเตนในมือของตนเอง ข่าวลือต่างๆ นั้นเป็นความจริง สิ่งของที่องค์ชายสามมีแต่ละชิ้นไม่สามารถวัดค่าได้ด้วยเงิน สิ่งของที่เขาใช้งานหรืออาหารที่เขากินตามปกตินั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของที่มีคุณภาพดีที่สุดในจักรวรรดิจ้านหลงทั้งสิ้น

เพียงแค่มองดูรถม้าคันนี้ ไม่ว่าใครก็สามารถเห็นสิ่งของได้หนึ่งหรือสองชิ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะหยก ลูกอมผลไม้ ขนม ชา กระดานหมากรุก ม้วนหนังสือ…และอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งของจำเป็นทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างครบครัน สิ่งของทุกชิ้นล้วนแต่เป็นของมีคุณภาพสูง และมีมูลค่ามหาศาล มันไม่ใช่แค่ของหรูหราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวกับท่าทีอันสง่างามนั้น นางหยิบขนมกุ้ยฮวาเข้าปากหนึ่งชิ้น เมื่อขนมอยู่ในปากของนาง มันก็เปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมของถั่วเขียวเข้มข้นที่ผสมกับเนื้อลูกแพร์แห้งจำนวนมาก รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์นั้นละลายอยู่ในปากของนาง ทำให้นางหลับตาพริ้มราวกับกำลังลิ้มรสของมันอยู่

เนื่องจากพวกเขาอยู่ในรถม้า และยุ่งกับธุระในคืนก่อน เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงไม่ได้ป้ายสีดำบนใบหน้าของตนเอง ทำให้ผู้คนมองนางผิดไปอย่างง่ายดาย

นางช่างดูงดงามอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่นางยิ้ม นางมีเสน่ห์ยิ่งนัก ราวกับแสงสว่างของฤดูใบไม้ร่วงที่ส่องผ่านผืนน้ำ

ผู้หญิงทั่วๆ ไปต่างใช้ความงามอันอ่อนโยนทำคะแนนเพื่อคว้าชัยชนะ แต่นางนั้นแตกต่างออกไป นางเต็มไปด้วยเสน่ห์และความเป็นตัวเอง ดวงตารูปหงส์สีดำของนางมักจะมองผู้อื่นอย่างดื้อรั้น

กลับกลายเป็นว่ารูปลักษณ์ของหญิงสาวคนหนึ่ง สามารถทำให้ผู้คนประทับใจเช่นนี้ได้

โดยเฉพาะริมฝีปากบางที่สัมผัสกับน้ำทำให้ดูชุ่มชื่นนั้นเผยให้เห็นถึงความน่าหลงใหล

ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจมดิ่งลึกลงไปเล็กน้อย…

ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังกินขนมหวานอยู่นั้น นางก็เห็นว่าองค์ชายสามที่นั่งอ่านตำราอยู่ตรงข้ามกำลังมองตรงมาที่นางตลอดเวลา

“อร่อยมากหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งที่ดูบริสุทธิ์และสูงส่ง จนมันแทรกซึมเข้าไปในกระดูกของทุกๆ คนอย่างที่เคยเป็น

เฮ่อเหลียนเวยเวยสันนิษฐานว่าคำถามขององค์ชายสามเป็นการปูพรมเพื่อโยงไปถึงเรื่องอื่น หลังจากนี้ เขาคงจะต้องพูดต่อว่านางเป็นหมูที่กินทุกอย่างอย่างเอร็ดอร่อย ดังนั้น นางจะไม่มีทางตกเป็นเหยื่อของเขาเด็ดขาด!

ดังนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยผู้เฉลียวฉลาด จึงไม่ได้ตอบคำถามของเขา

แต่นางคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่องค์ชายสามทำต่อจากนั้นจะทำให้นางต้องประหลาดใจ เขาถือม้วนกระดาษนั้นด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างนั้นยื่นมาจับข้อมือของนางไว้ เพื่อจะป้อนขนมกุ้ยฮวาที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งในมือของหญิงสาวไปยังริมฝีปากบางที่เรียบเฉยของเขา และกินมันเข้าไป!

เมื่อเห็นเช่นนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้สึกแข็งเกร็งไปทั้งตัว ทำไมนางถึงรู้สึกว่าการกระทำขององค์ชายสามนั้นดูใกล้ชิดสนิทสนมกันเกินไปหน่อยเล่า

นอกจากนี้ ขนมที่นางกินไปแล้ว และเขาก็กินต่อ…มันช่างรู้สึกแปลกประหลาด

แต่องค์ชายสามยังคงดูสูงส่งราวกับเทพเจ้าผู้เย็นชาที่ไม่กินอาหารของพวกมนุษย์ นั่นจึงทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สามารถดึงมือกลับได้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง

แต่ก่อน ตอนที่นางได้รับมอบหมายภารกิจในป่า มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางกับเพื่อนร่วมงานจะแบ่งขนมกันกินในบางครั้ง

บางที นางอาจจะคิดมากเกินไป

ในขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจะสลัดเรื่องนี้ออกจากหัว ล้อของรถม้าก็เหมือนว่าจะกลิ้งไปบนวัตถุชิ้นใหญ่บางอย่าง ทำให้พวกเขาโอนเอนและตัวโยกไปมาอย่างกะทันหัน

นางถือถ้วยชาอยู่ในมือข้างหนึ่ง ในขณะที่ชายหนุ่มคว้ามืออีกข้างของนางเอาไว้ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นางสูญเสียการทรงตัว แต่ไม่สามารถเอื้อมมือไปทางซ้ายเพื่อประคองตัวเองได้ เพราะองค์ชายสามกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น

นางต้องการที่จะหลบเลี่ยงชายหนุ่มคนนั้น แต่นางไม่คิดว่าเขาจะเร็วกว่านางไปหนึ่งก้าว ขณะนั้นเอง เขาก็ดึงนางเข้าไปทั้งตัวก่อนจะแนบร่างของนางชิดกับหน้าอกของตนเอง

ทันใดนั้น กลิ่นหอมจางๆ ของชายหนุ่มชนชั้นสูงก็โชยเข้ามาในจมูกของหญิงสาว ราวกับเป็นบัวหิมะเทียนซาน สอดคล้องกับการผ่อนลมหายใจอยู่ภายในรถม้าเป็นครั้งคราว ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือก

“เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ

คนที่อยู่นอกหน้าต่างตอบกลับด้วยความเคารพ “ทูลฝ่าบาท ไม่รู้ว่าใครเอาหินก้อนใหญ่มาวางไว้บนถนนของภูเขาเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยลดสายตาลง และก้มหน้ามองหญิงสาว ดวงตาเย้ายวนของเขาเลื่อนผ่านจากดวงตาไปตกลงตรงปกคอเสื้อที่ไม่เรียบร้อยของนาง แล้วดวงตาของเขาก็จมลงไปด้านล่าง…

จากนั้น มือของเขาก็โอบเอวของหญิงสาว ทำให้นางอดสัมผัสถึงความอบอุ่นของเขาที่แทรกผ่านเสื้อผ้าของตนเองไม่ได้ และนั่นก็ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายของนางสูงขึ้นอีกเล็กน้อย

นางไม่สามารถบอกได้ว่าเขาจงใจเอานิ้วมือมาถูกับจุดที่อ่อนไหวที่สุดของตนเองหรือไม่

เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าร่างกายของตนเองสั่นสะท้านและรู้สึกชา ราวกับว่าความรู้สึกนั้นกำลังแพร่ขยายจากสะโพกไปยังแขนขาทั้งสี่ของนาง

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาของนาง ขณะเดียวกัน แววตาของเขาก็ส่องประกาย แล้วจู่ๆ เขาก็เผยรอยยิ้มเย่อหยิ่งและชั่วร้ายออกมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงล้ำลึกราวกับมีเนื้อสัมผัสของโลหะแฝงเอาไว้ภายใน เหมือนกับว่ามันเป็นเสียงของเครื่องดนตรีคุณภาพดี “อ่อนไหวขนาดนั้นเชียวหรือ”

เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้น และเห็นเพียงแสงแดดที่ตกกระทบบนตัวของอีกฝ่าย มันตัดกับรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แบบของเขา บ้างก็เป็นเงาลึก บ้างก็เป็นเงาตื้น มันดูอันตรายและหยิ่งยโสราวกับเป็นใบมีดก็ไม่ปาน

เมื่อเขาโน้มตัวไปด้านข้างใบหูของนางเพื่อต้องการจะพูด กลิ่นไม้จันทน์จางๆ ก็ลอยมาพร้อมกับความเย็นยะเยือกอันน่าตกใจ

ผู้ชายคนนี้เกิดมาเพื่อท้าทายการควบคุมตัวเองของเหล่าหญิงสาวจริงๆ

เฮ่อเหลียนเวยเวยเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ว่ากันว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในวังปีศาจสามารถทำให้เหล่าหญิงสาวตัวแข็ง และหลอมละลายได้ หากเขาต้องการ…

น่าเสียดายที่นางไม่เหมือนกับ ‘พวกหญิงสาวเหล่านั้น’

เฮ่อเหลียนเวยเวยหมุนตัว แล้วเหยียดตัวตรงในท่านั่งอย่างงดงาม ขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “องค์ชายคิดมากเกินไปแล้ว…ข้าเพียงแค่คันเอวเล็กน้อยเท่านั้น และถนนช่วงนี้ก็เป็นหลุมเป็นบ่อเยอะเกินไป องค์ชายควรอยู่ห่างจากหม่อมฉันสักหน่อย มิเช่นนั้น อีกสักครู่ นิ้วมือของฝ่าบาทอาจจะมีปัญหาได้”

——————————————–

[1] ทังสเตน เป็นโลหะชนิดหนึ่งที่มีน้ำหนักเบา มีความแข็งแรง และทนต่อความร้อนได้สูง ใช้ทำอาวุธได้