ตอนที่ 115 ตัวปลอม
จักรพรรดิขมวดพระขนง เว่ยหยวนโหวหมายความว่าอย่างไร?
หมอปีศาจ? เรื่องนี้พระองค์ย่อมเคยได้ยินมาก่อน หลายปีมานี้มีคนจำนวนมากพูดถึงกันอย่างสนุกสนาน เป็นเพราะความลึกลับที่คาดเดาได้ยาก ทั้งยังถูกผู้คนยกย่องว่าเป็นเทพเจ้า ทำให้เกิดความปรารถนาขึ้นอีกขั้นว่าอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง
ทว่าหมอปีศาจคนนี้ ปรากฏว่าอยู่ในจวนเว่ยหยวนโหว?
“เว่ยหยวนโหว ท่านไม่เชื่อหมอหลวงของเรางั้นหรือ?”
“กระหม่อมมิกล้า” เว่ยหยวนโหวรีบก้มหน้า “เพียงแต่ร่างกายของท่านอ๋องล้ำค่านัก รับประกันให้มากขึ้นอีกชั้นย่อมเป็นเรื่องที่ดี”
“ฝ่าบาท” เหมิงกุ้ยเฟยที่เงียบขรึมมาโดยตลอด จู่ ๆ บัดนี้กลับแย้มยิ้มกล่าวว่า “ท่านโหวก็คิดแทนซิวเอ๋อร์แล้ว หม่อมฉันเองก็มีความใคร่รู้เกี่ยวกับหมอปีศาจผู้นั้นมาก หมอหลวงของไท่อีเยวี่ยนเก่งกาจก็จริง แต่ซิวเอ๋อร์ได้รับพิษจากข้างนอก สำหรับสิ่งเหล่านั้นในยุทธภพ บางทีหมอปีศาจผู้นั้นอาจมีวิธีก็เป็นได้เพคะ”
“เรื่องนี้…” จักรพรรดิลำบากพระทัยไม่น้อย แม้แต่กุ้ยเฟยยังพูดเช่นนี้ หากไม่ตอบตกลง ก็คงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพระองค์ไม่ได้ให้ความสำคัญที่จะรักษาพิษของซิวเอ๋อร์ให้หายดี
แต่ฮ่าวหรานเคยบอกให้พระองค์ทราบว่าพิษของซิวเอ๋อร์เป็นของปลอม ที่พระองค์เชิญหมอหลวงมาก็เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ แต่หมอปีศาจที่มีนิสัยแปลกประหลาดตามที่ข่าวลือพูดถึงกัน…คงพูดได้ยากแล้ว
ทุกคนที่อยู่ภายในศาลาต่างมีความคิดเป็นของตนเอง ความคิดภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบแล้ว
ทว่าเย่ซิวตู๋ที่เป็นเจ้าของเรื่องกลับจิบน้ำชาหนึ่งอึก กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ก็ดี เว่ยหยวนโหวมีน้ำใจเช่นนี้ เราก็คงรู้สึกไม่ดีที่จะปฏิเสธ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เสด็จพ่อเรียกหมอปีศาจเข้าวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ ลูกเองก็สงสัยเช่นกันว่าหมอปีศาจผู้นั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร”
เขารู้สึกสงสัยอย่างมาก ใครกันที่มีความกล้าหาญถึงขั้นนั้น กล้าแม้กระทั่งปลอมตัวเป็นอวี้ชิงลั่วเข้าไปอยู่ในจวนท่านโหว
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้หากเจ้าตัวรู้ตัวขึ้นมา นางจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร
คาดว่า คงรู้สึกสนใจมากกระมัง
จักรพรรดิทอดพระเนตรมาที่เขาด้วยความประหลาดพระทัย เพียงแต่สีหน้าของเย่ซิวตู๋ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มต้น และมิอาจมองเห็นร่องรอยเบาะแสบนใบหน้าเขาได้แม้แต่นิดเดียว
ทว่า หากซิวเอ๋อร์พูดเช่นนี้ ภายในใจย่อมมีแผนการ
“เชียนชิว เจ้าไปที่จวนของท่านโหวด้วยตัวเอง บอกให้หมอปีศาจเข้าวัง”
“พ่ะย่ะค่ะ” แม้ว่าเหมียวเชียนชิวจะมีความคิดเช่นเดียวกับจักรพรรดิ แต่ก็ยอมนำราชโองการไปอย่างเชื่อฟัง
ภายในอุทยานอวี้ฮวาเงียบสงบอย่างมาก เว่ยหยวนโหวไม่สามารถไล่ตามความคิดของเย่ซิวตู๋ได้ แต่เขาได้สอบถามดูแล้ว ทักษะทางการแพทย์ของหมอปีศาจผู้นั้นยอดเยี่ยมมาก มีการศึกษาเกี่ยวกับพิษโดยเฉพาะ เขาไม่เชื่อเลยว่าเย่ซิวตู๋จะกล้ากินยาพิษจริง ๆ
หมอหลวงเหลียงเดินทางมาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าระยะทางจากไท่อีเยวี่ยนจะห่างจากที่นี่ แต่เมื่อเทียบกับจวนโหวที่อยู่ด้านนอกวังแล้ว ถือว่ายังใกล้กว่าไม่น้อย
หมอหลวงเหลียงยังไม่ทันได้คารวะ จักรพรรดิก็โบกพระพักตร์ ตรัสว่า “ไม่ต้องมากพิธี รีบไปตรวจร่างกายท่านซิวอ๋อง”
“พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงเหลียงมีอายุค่อนข้างมากแล้ว แต่ดู ๆ ไปแล้วยังเป็นผู้เฒ่าที่มีความแข็งแรง มีชีวิตชีวาอย่างมาก
ครั้นได้รับพระราชโองการ เขาก็ไม่กล้ารอช้า รีบนำหมอนไปวางไว้ด้านใต้ข้อมือของเย่ซิวตู๋ มือข้างหนึ่งจับชีพจรของเย่ซิวตู๋ ส่วนมืออีกข้างลูบเคราตนเอง
คนภายในศาลาต่างจ้องมองสีหน้าของเขา กลับคิดไม่ถึงว่าสีหน้าของเขาจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากเรียบเฉยเป็นตกตะลึง
เพียงไม่นาน เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นดังตุ้บ “ฝ่าบาทไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย”
“ไว้ชีวิตอะไร? รีบเอ่ยมา ซิวอ๋องเป็นอะไรกันแน่?”
หมอหลวงเหลียงใกล้จะหลั่งน้ำตาแล้ว จักรพรรดิแอบกระซิบบอกเขาว่าให้เขาแสร้งทำเป็นวินิจฉัยว่าเจอพิษในร่างกายของท่านซิวอ๋องและมิอาจถอนพิษได้ ทว่าเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะวินิจฉัย กลับพบว่าท่านซิวอ๋องโดนพิษจริง ๆ…
ทั้งยังเป็นพิษที่หาได้ยากยิ่ง เขามิอาจถอนพิษได้อย่างสมบูรณ์
หมอหลวงเหลียงมีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก กระซิบด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ฝ่าบาท ท่านซิวอ๋องได้รับพิษ พิษนี้ร้ายแรงมาก กระหม่อมเป็นหมอมาหลายปียังไม่เคยถอนพิษเช่นนี้มาก่อน โปรดฝ่าบาทพระราชทานอภัยให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิมุ่นหัวพระขนง เห็นสีหน้าของหมอหลวงเหลียงไม่ปกติ ต่อให้เป็นแค่การแสดง ก็ไม่จำเป็นต้องตกใจจนเหงื่อซึม
“ฝ่าบาท กระหม่อมอยากให้ฝ่าบาทเรียกตัวหมอหลวงหลินที่เป็นหัวหน้าไท่อีเยวี่ยนมาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ บางทีเขาอาจมีวิธี” หมอหลวงเหลียงไม่กล้าเงยหน้ามองสีพระพักตร์ของจักรพรรดิ ทำได้เพียงเสนอความคิดเห็นเสียงเบา
จักรพรรดิทอดพระเนตรมาที่เขาในทันที คำพูดนี้พระองค์ไม่ได้สั่งให้หมอหลวงเหลียงพูด
หรือว่า…ซิวเอ๋อร์จะได้รับพิษแล้วจริง ๆ?
พระองค์หันไปทางเย่ซิวตู๋ ก็พบว่าอีกฝ่ายยังคงสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม เพียงแต่ดึงมือกลับไป พระองค์มิอาจเดาความคิดของเขาได้ชั่วขณะหนึ่ง
จักรพรรดิมีสีพระพักตร์ตึงเครียด โบกพระหัตถ์ “เจ้าไปยืนรอข้าง ๆ รอให้หมอปีศาจมาดูค่อยว่ากัน”
หมอปีศาจ? หมอหลวงเหลียงเกิดความประหลาดใจเล็ก ๆ แอบซ่อนประกายที่ซ่อนอยู่ก้นบึ้งของนัยน์ตาอย่างระมัดระวัง ยืนอยู่ข้าง ๆ รอคอยอย่างมีความหวัง
ผ่านไปไม่นาน เหมียวกงกงก็นำหมอปีศาจเข้ามาด้านในอุทยานอวี้ฮวา ถวายบังคมคารวะฮ่องเต้และกุ้ยเฟย
เว่ยหยวนโหวมองเย่ซิวตู่โดยไม่แสดงพิรุธ แอบรู้สึกภาคภูมิใจเล็ก ๆ เดินไปยืนข้างกายหมอปีศาจ “ฝ่าบาท บุคคลผู้นี้คือหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูง ท่านหมอปีศาจเสิ่นที่สามารถเรียกคนตายให้ฟื้นกลับคืนมาได้พ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น มองดูหมออาวุโสเส้นผมขาวโพลนดูมีอายุที่อยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายสวมใส่ชุดคลุมสีขาว บุคลิกท่าทางแตกต่างจากคนทั่วไปหลายส่วน กอปรกับท่าทางที่เชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยความหยิ่งผยอง มีนิสัยรักสันโดษและหยิ่งทะนงตามที่เล่าลือกันเป็นอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นหน้าตาที่แท้จริงของหมอปีศาจ และได้เจอคนผู้นี้เป็นครั้งแรก คาดว่าคงถูกหลอกจริง ๆ
ถึงอย่างไร หมออาวุโสฉงซานก็อายุเท่านี้เช่นกัน
เหมิงกุ้ยเฟยสำรวจเขาอย่างเงียบ ๆ ก่อนเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าคือหมอปีศาจ?”
“พะย่ะค่ะ” หมอเสิ่นก้มหน้าลง ไม่ได้ดูอ่อนน้อมถ่อมตนและประจบสอพลอมากเกินไป
จุดนี้กลับทำให้จักรพรรดิแอบรู้สึกได้เปลี่ยนมุมมองใหม่
“ท่านหมอเสิ่น ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็น่าจะทราบถึงวัตถุประสงค์ที่มาที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าดูอาการซิวเอ๋อร์ด้วย”
“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้ว การรักษาโรคช่วยชีวิตผู้คนเป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ระหว่างที่พูด ก็เดินมาตรงหน้าเย่ซิวตู๋ จับชีพจรของเขาอย่างเงียบสงบ
ภายในศาลาเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่ใบหน้าของหมอปีศาจอีกครั้ง
เย่ซิวตู๋ดูนิ่งสงบอย่างมาก มองดูท่าทางเสแสร้งแกล้งทำของอีกฝ่าย เอ่ยถามเสียงเบาว่า “ข้าได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้ท่านหมอปีศาจปรากฎตัวอยู่ที่เจียงเฉิง ทั้งยังช่วยรักษาโรคให้คนภายในโรงเตี๊ยมฝูหลงด้วย ใช่หรือไม่?”
นิ้วมือของท่านหมอเสิ่นเกร็งค้างเล็กน้อย จากนั้นจึงทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ท่านอ๋องทราบข่าวรวดเร็วจริง ๆ เมื่อวันก่อน ข้าน้อยอยู่ที่เจียงเฉิงจริง ๆ เพิ่งมาถึงเมืองหลวงเมื่อสองวันก่อน”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น “อ้อ เช่นนี้ก็หมายความว่า หมอปีศาจมาที่เมืองหลวงเพื่อทำธุระบางอย่าง?”
“ท่านอ๋อง โปรดอย่าได้พูดอะไรเลย เพื่อป้องกันไม่ให้ผลลัพธ์จากการวินิจฉัยของข้าผิดพลาด” เป็นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร หมอเสิ่นจึงรีบพูดแทรกเขาด้วยท่าทางเย่อหยิ่งอย่างมาก
เย่ซิวตู๋หัวเราะพรืด “ก็ได้” เขาเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะตรวจเจออะไรบ้าง
เว่ยหยวนโหวกลืนน้ำลายเบา ๆ จ้องมองคนทั้งสองคน
ในเวลานี้เอง ท่านหมอเสิ่นก็ได้ดึงมือกลับไป สีหน้าพลันขาวซีด มองเย่ซิวตู๋ที่อยู่ตรงหน้าราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่รับรู้
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่น่ารอดนะคะ หมายถึงท่านหมอเสิ่นน่ะค่ะที่ไม่น่ารอด ความแตกต่อเบื้องพระพักตร์ก็คือโทษประหารรออยู่แล้ว พ่วงเว่ยหยวนโหวไปอีกคน เพราะมองแค่หน้าตา ท่านอ๋องซิวก็รู้แล้วว่าปลอม
ไหหม่า(海馬)