บทที่ 131 โยนมันออกไป
บทที่ 131 โยนมันออกไป

เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจูรู้สึกว่าไม่ใช่หม่านซิ่วที่เกาะหัวหน้าเฉิน แต่เป็นหัวหน้าเฉินต่างหากที่โชคดีได้แต่งงานกับเธอ

ณ เวลานี้ เขาตัดสินใจได้แล้ว

หากในอนาคตข้างหน้าได้แต่งงาน ตนเองควรหาผู้หญิงดี ๆ แบบหม่านซิ่วสักคนก็พอ

น่าเสียดายที่บ้านหลักตระกูลซูไม่มีสตรีในวัยที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไปสู่ขอแล้ว

“คุณย่าซูครับ พวกเรากำลังจะถึงในไม่ช้า”

ตอนที่คุยกันก็มาถึงประตูบ้านเฉินจื่ออันแล้ว

คุณย่าซูทุบหลัง “ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อเส้นนี้ทำฉันจะตายจริง ๆ โอ๊ย ๆ เอวฉัน!”

ตอนนี้รถเก๋งจะเป็นเบาะแข็ง ๆ แถมสภาพถนนก็ไม่ได้ดี การเดินทางจึงค่อนข้างลำบาก

“คุณย่าคะ ลงจากรถแล้วเข้าบ้านเมื่อไรหนูจะนวดให้ค่ะ!”

พอเสี่ยวจูได้ยินเสี่ยวเถียนพูดก็เข้าใจทันทีว่า ทำไมคุณย่าซูถึงบอกลูกหลานที่บ้านไม่มีใครกตัญญูเหมือนเสี่ยวเถียนหลานรักเลย

เด็กคนนี้เฉลียวฉลาด ทำให้ผู้คนรักและเอ็นดูจริง ๆ!

เสี่ยวจูเปิดประตูรถ และขณะที่กำลังช่วยพยุงหญิงชราลงมาก็ได้ยินเสียงดังจากข้างใน

“เกิดอะไรขึ้น? เสียงหัวหน้าเฉินดังมาก กำลังด่าใครอยู่น่ะ?” เสี่ยวจูถามอย่างสงสัย

พอคุณย่าซูตั้งใจฟัง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที

ทำไมตนเองถึงได้ยินเสียงซูหม่านเซียง?

เป็นไปได้ไหมที่ลูกไร้ประโยชน์คนนี้ตามมาสร้างความวุ่นวายให้หม่านซิ่วถึงอำเภอ?

พริบตาเดียวใบหน้าของคุณย่าซูก็ดำทะมึน

คุณย่าซูกำลังสับสน ทันใดนั้นผู้คนรอบด้านก็เห็นเฉินจื่ออันแบกคังเหรินเต๋อออกไปนอกบ้าน

รูปร่างของคังเหรินเต๋อไม่สูงและไม่ได้แข็งแรงมาก ในขณะที่เฉินจื่ออันทั้งสูง และเป็นผู้ฝึกฝนที่มีพละกำลังมาก เขาโยนชายคนหนึ่งออกไปนอกบ้านอย่างไม่เกรงใจ

“โอ๊ย พี่เขย พี่ทำอะไรครับเนี่ย?” คังเหรินเต๋อ ยังคงส่งเสียงดังเอ็ดตะโร

ทันทีที่หันไปก็พบเข้ากับคุณย่าซู

การที่เห็นหญิงชรา คังเหรินเต๋อเหมือนได้เห็นผู้กอบกู้อย่างไรอย่างนั้น

“คุณป้า!” เขารีบตะโกน

ขณะเดียวกัน เฉินจื่ออันก็เห็นคุณย่าซูเช่นกัน

“แม่ครับ!” เฉินจื่ออันก็ร้องเรียกเช่นกัน

เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะอยากดูว่าคุณย่าซูจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเธอเผชิญหน้ากับซูหม่านเซียงและคังเหรินเต๋อ

หลังจากนั้นเขาจะยกหน้าที่นี่ให้แม่ยายของตนเองจัดการ

แม่ยายที่ใจดีกับสองสามีภรรยาตรงหน้า ทำให้เขาไม่วางใจจริง ๆ!

“จื่ออัน ซิ่วเอ๋อร์กับลูกสบายดีไหม?” คุณย่าไม่สนใจคนทั้งสองแล้วหันมาพูดกับเฉินจื่ออันแค่นั้น

ท่าทางเช่นนี้ทำให้เฉินจื่ออันสบายใจขึ้นมา

“ผมควรจัดการให้เรียบร้อยกว่านี้ ไม่ควรให้แม่เห็นเลยจริง ๆ เป็นความผิดผมเองครับ!”

คำพูดละอายใจของเฉินจื่ออัน ทำให้คังเหรินเต๋อแข็งทื่อกลายเป็นหินทันที หมายความว่าอย่างไรกัน?

“คุณป้า ท่านก็เห็นแล้วว่าผมกับหม่านซิ่วยินดีมาดูพี่สาว แล้วทำไมถึงโยนพวกเราออกมาเล่า? ถือว่าดูหมิ่นญาติที่ยากแค้นเลยนะ!” คังเหรินเต๋อแสร้งทำเป็นคับอกคับใจมาก

คุณย่าซูปรายตามองลูกสาวคนเล็กก็รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่

“คังเหรินเต๋อ แค่แกยกก้นฉันก็รู้แล้วว่าแกคิดอะไรอยู่” คุณย่าซูพูดอย่างไร้ความปรานี

“คุณป้า ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ?” คังเหรินเต๋อรีบแก้ตัว “ก่อนหน้านี้ผมเคยทำเรื่องเลวร้ายมาบ้าง แต่เพราะผมยังอายุน้อยและไม่รู้ความอะไร”

“แม่ แม่เป็นแม่ของฉันนะ ทำไมไม่สนใจกันเลย!” ซูหม่านเซียงร้องไห้และรีบไปหามารดา

นังสารเลวซูหม่านซิ่วไม่ยอมให้เธอมาที่บ้าน แถมยังบอกว่าอีกพ่อแม่ไม่ต้องการเธออีกต่อไป และบอกว่าตนเองไม่มีน้องสาว

เธอก็แค่อยากให้เห็นว่าพ่อแม่ยังต้องการตนเองอยู่หรือเปล่าก็เท่านั้น

“พี่สาวฉันมีชีวิตที่ดีแล้วสินะ ถึงไม่สนใจน้องในไส้แบบฉัน!” ซูหม่านเซียงฟ้องเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจสองคนนี้เลย และกลัวว่าคุณย่าจะเข้าไปยุ่งเรื่องวุ่นวายนี้ จึงรีบลากมือเธอเข้าไปในบ้านหม่านซิ่ว

สองผัวเมียคู่นี้มันวิญญาณตามติดชัด ๆ

“คุณย่าขา อาใหญ่เพิ่งคลอดน้องชาย พวกเรารีบเข้าไปดูกันเถอะ เรื่องนี้ฝากไว้ให้อาเขยใหญ่จัดการเถอะค่ะ!”

พอเสี่ยวเถียนพูดจบก็มุ่ยปากใส่อาเล็กราวกับภาคภูมิใจในท่าทางแบบนั้นมาก

ซูหม่านเซียงโกรธเคืองเพราะถูกยั่วยุ

เธออยากจะพุ่งเข้าไปตบสั่งสอนนังเด็กซูเสี่ยวเถียนสักที

พอคุณย่าเห็นลูกสาววิ่งเข้ามา แล้วจะไม่ปกป้องหลานได้อย่างไร

เธอยื่นมือออกไปดันไว้ เลยทำให้อีกฝ่ายล้มลงโดยไม่คาดคิด

“แม่ แม่ตีฉันทำไม” ซูหม่านเซียงตะโกนด้วยความไม่เชื่อ

น้ำเสียงของคุณย่าซูเย็นชา “จื่ออัน อย่าปล่อยให้คนไม่รู้จักกันมาสร้างปัญหาที่หน้าบ้าน”

ซูหม่านเซียงจะทำอะไรก็ช่างไป แต่ต่อหน้ายังคิดมาตบหลานรักของเธออีกหรือ?

ลูกสาวคนเล็กโตขนาดนี้ กลับยิ่งไร้ประโยชน์มากขึ้นเรื่อย ๆ เลย

หลังจากที่คุณย่าซูพูดเช่นนี้ เธอก็เดินเข้าประตูบ้านลูกเขยโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ไม่แม้แต่จะปรายตามองหม่านเซียงด้วยซ้ำ

พอเห็นมารดาเข้าไปเช่นนั้น ทั้งสองก็อยากจะตามเข้าไปทันที

เฉินจื่ออันมองพวกเขาที่ยังคงสร้างปัญหาด้วยสายตาเย็นชา

“ถ้าไม่อยากถูกจับก็อย่าได้สร้างปัญหาอีก!”

ประโยคเดียวเท่านั้น ทำเอาคังเหรินเต๋อหวาดกลัวในทันที

ใช่แล้ว ทำไมเขาถึงลืมว่าเฉินจื่ออันเป็นหัวหน้ากองกำลังทหารของตัวเมืองอำเภอนะ

“พี่เขย พี่ก็เห็นนี่ว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน หม่านเซียงกับหม่านซิ่วเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ นะ!” คังเหรินเต๋อยิ้มเขิน ๆ แล้วพูดเอาอกเอาใจ

“พี่น้องกันแท้ ๆ? เธอคนนี้คู่ควรด้วยหรือ?” เฉินจื่ออันพูดจบก็หมุนหายเดินเข้าสวนไป

ถ้าซูหม่านเซียงดีกว่านี้สักหน่อย เขาคงไม่ทำเช่นนี้หรอก

เสี่ยวจูมองฉากข้างหน้า ก่อนจะรู้สึกว่าความคิดเข้าก่อนหน้านี้มันมีที่ผิดอยู่นะ

ครูที่สอนคนบ้านซูนี่ดีเสียจริง ๆ ที่ไผ่ดี ๆ ยังอุตส่าห์งอกไผ่เลว ๆ ออกมาได้

ดูสิ สองคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ห่วงขนาดนั้นนี่นา?

สองสามีภรรยามองหน้ากัน และไม่เต็มใจจะจากไป

เสี่ยวจูหยิบของหลายอย่างออกมาจากรถ และย้ายไปไว้ที่ลานบ้านทีละอย่าง

“คุณย่าซูจริงใจจริง ๆ ที่จะคอยดูแลช่วงอยู่ไฟด้วย แถมยังเอาของดี ๆ แบบนี้มาให้อีก”

“ตะกร้าใบนี้ต้องมีไข่สักร้อยฟองใช่ไหมนะ?”

เสี่ยวจูพูดไปด้วย พลางยกของไปด้วย

คังเหรินเต๋อและภรรยาเฝ้าดู ดวงตาแทบถลนออกมา แต่ก็ทำได้แค่มองตามสิ่งนั้นไป

“ที่แกบอกว่าแกเป็นลูกรัก เฮอะ! ฉันว่านะ พี่สาวแกมากกว่าที่เป็นลูกรัก!” คังเหรินเต๋อจ้องซูหม่านเซียงแล้วก่นด่าออกมา

ของดี ๆ เยอะแยะขนาดนี้ ทำไมไม่เอาให้บ้านเราบ้างล่ะ?

“แล้วทำไมหน้าตาพี่สาวถึงดีกว่าฉันล่ะ? ตอนพูดเนี่ยได้อายบ้างไหม” ซูหม่านเซียงโต้กลับ

“ฉันทำไม? ฉันมันทำไม?” คังเหรินเต๋อตะโกนเสียงดัง

“ใครใช้ให้แกไร้ความสามารถล่ะ แกดูพี่เขยฉันสิ เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมือง คิดว่าพ่อแม่ฉันจะไม่ยุ่งด้วยเชียวเหรือ?”

“ตอนอยู่บ้านแม่ ฉันเคยเป็นที่รัก แต่ก็กลายเป็นคนไม่มีประโยชน์แล้ว แล้วตอนนี้ก็ทนกับคนไร้ความสามารถแบบแกไม่ได้แล้วด้วย!”