ตอนที่ 118 เขามีลูกชายหนึ่งคน
หนานหนานเบิกตาโต ตอนนี้ต่อให้วิ่งเข้าไปด้านในห้องก็ไม่ทันแล้ว
เย่หลานเฉิงรีบขยับตัวเว้นตำแหน่งไว้ครึ่งหนึ่ง “เร็ว ด้านในนี้”
ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอะไรแล้ว หนานหนานรีบมุดเข้าไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เคลื่อนไหวได้อย่างกระฉับกระเฉง ราวกับ…เคยมุดโต๊ะมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
เย่หลานเฉิงมุมปากกระตุก รีบวางผ้าคลุมโต๊ะ ก่อนจะเก็บสีหน้ามองไปที่เคอกงกง
“เคอกงกง มาแล้วหรือ”
“เมื่อครู่นายน้อยคุยกับ…ใครหรือขอรับ?” เคอกงกงใช้สายตากวาดมองภายในห้องด้วยความสงสัย สายตาหรี่ลงเล็กน้อย
เย่หลานเฉิงพยายามควบคุมลมหายใจ ทำให้น้ำเสียงของตนเองฟังดูปกติเหมือนเช่นเคย “เคอกงกง ท่านเองก็รู้อยู่แล้วว่าภายในเรือนแห่งนี้มีแค่ข้าและท่าน นอกจากท่าน ข้ายังจะคุยกับใครได้? เมื่อครู่ข้าก็แค่ท่องตำราเท่านั้น”
เคอกงกงมองสีหน้าของเขาอย่างละเอียด ก็พบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ เขามองภายในห้องอีกครั้ง ครั้นไม่พบพิรุธเหมือนกับมีคนเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างที่คิดไว้จริง ๆ จึงผ่อนความระมัดระวังลง พร้อมกับยื่นกล่องอาหารที่อยู่ในมือ
“นายน้อย พักผ่อนสักหน่อยเถิด อ่านตำราก็ควรจะอ่านให้พอเหมาะพอควร เมื่อครู่บ่าวไปที่ห้องพระเครื่องต้นและนำอาหารมานิดหน่อย มาขอรับ รีบกินตอนที่ยังร้อน ๆ กินอิ่มมีเรี่ยวแรงแล้วค่อยอ่านใหม่”
เคอกงกงพูดเคล้ารอยยิ้ม ก่อนจะหันหน้าไปหยิบของที่อยู่ในกล่องอาหารออกมาทั้งหมด อาหารแทบจะเหมือนกับเมื่อคืนนี้ หมั่นโถวสองลูก กับข้าวเล็ก ๆ สองอย่าง ช่างน่าเวทนาเสียเหลือเกิน
เย่หลานเฉิงฝืนยิ้ม “ลำบากเคอกงกงแล้ว วางของไว้ที่นี่เถิด อีกเดี๋ยวข้าจะกิน”
“นายน้อย ต้องรักษาสุขภาพให้มาก ๆ นะขอรับ อย่าปล่อยให้เหนื่อยจนสุขภาพแย่ลง แม้ว่าตอนนี้อาหารการกินจะแย่ไปสักหน่อย แต่นายน้อยต้องเชื่อมั่นนะขอรับ อีกไม่นานรัชทายาทต้องได้รับความสนพระทัยจากฝ่าบาทอีกครั้ง ถึงเวลานั้นชีวิตของนายน้อยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน คนที่เย่อหยิ่งภายในวังเหล่านั้น ย่อมต้องเสียใจเป็นแน่”
หนานหนานที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ อดบุ้ยปากไม่ได้ คนผู้นี้น่ารำคาญชะมัด ยังไม่รีบ ๆ ไปอีก?
เย่หลานเฉิงก็พอจะทราบว่าหนานหนานที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะไม่มีความสุขแล้ว แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะไล่เคอกงกงออกไปในทันที ไม่เช่นนั้นอาจทำให้อีกฝ่ายสงสัยได้ด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่พูดคุยกับเคอกงกงอีกสองสามประโยค แต่แสดงท่าทางว่าไม่ได้สนใจเรื่องนี้
เคอกงกงเห็นเช่นนี้ จึงปลอบใจเขาอีกสองประโยค ก่อนจะกล่าวลาและออกไป
จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาแล้ว หนานหนานจึงออกมาจากใต้โต๊ะ หอบหายใจอย่างหนักอยู่สองครั้ง
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” เย่หลานเฉิงเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างละเอียด เห็นสีหน้าของเขาแดงระเรื่อก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหลายส่วนอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ เด็กคนนี้น่าสนใจมากจริง ๆ ทั้งยังเป็นดาวนำโชคของเขาด้วย
สายตาของหนานหนานมองไปที่กล่องอาหารบนโต๊ะ แค่นเสียงออกมา “นี่ต้องมีพิษอีกเป็นแน่”
เย่หลานเฉิงพยักหน้า ตั้งแต่เมื่อคืน เขาก็ไม่คิดจะกินอาหารที่เคอกงกงนำมาให้อีก เพียงแต่หากหลังจากนี้ไม่กินอาหาร เขาก็คงได้หิวตายมิใช่หรือ?
“จ๊อก…” ท้องของเย่หลานเฉิงเริ่มส่งเสียงร้องอีกครั้ง
หนานหนานมุมปากกระตุก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงเทน่องไก่ ไข่ไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา ขนมและทุกอย่างที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกระเป๋าพกพาออกมา
“เอ้า นี่คือของที่ข้าหยิบมาจากห้องพระเครื่องต้นเมื่อเช้า ข้าให้เจ้ากินก็แล้วกัน ถึงอย่างไรอาหารเย็นชืดก็ไม่อร่อยแล้ว”
เย่หลานเฉิงเบิกตาโต เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตา เหตุใดบนตัวของหนานหนานถึงได้ยัดของได้มากขนาดนี้? เหตุใดเขาถึงมีวิธีนำของอร่อยกลับมาได้มากมายขนาดนั้น?
“ข้าบอกไว้ก่อนนะ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ครั้งหน้าหากอยากกิน เจ้าต้องไปที่ห้องพระเครื่องต้นกับข้าเพื่อขโมย…ข้าหมายถึงหยิบน่ะ” หนานหนานพูดอย่างเป็นทางการ
เย่หลานเฉิงกลืนน้ำลาย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงออกแรงพยักหน้า “ตกลง”
ต้องให้หนานหนานคิดหาวิธีทำให้เขาได้กินอาหารสองมื้อเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกเสียใจมาก
แม้การขโมยของเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ทั้งยังเป็นการทำให้ตนเองเสียหาย แต่เขาค้นพบว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการมีชีวิตต่อไป ในเมื่อมีคนคิดจะทำร้ายเขา เช่นนั้นเขาก็ยิ่งต้องใช้ชีวิตให้ดี ทำให้คนผู้นั้นได้เห็นว่ายาพิษไม่สามารถสังหารเขาได้
หนานหนานลูบท้องกลม ๆ ของตนเองแล้ว เมื่อได้เห็นเย่หลานเฉิงกินอาหาร เขาก็อยากกินอาหารขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงแต่…ต้องอดทนไว้ กินไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นคงได้ท้องแตกแน่
หนานหนานเบือนสายตา เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จริงสิ เมื่อครู่เคอกงกงคนนั้นพูดถึงรัชทายาทอะไรนั่น เป็นอะไรกับเจ้าหรือ? เหตุใดต้องรอให้ถูกเรียกใช้จากฮ่องเต้ ชีวิตของเจ้าถึงจะดีขึ้น?”
เสียงกินอาหารหยุดลง เย่หลานเฉิงก้มหน้าลง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “รัชทายาท…คือท่านพ่อของข้าเอง”
“ท่าน…ท่าน…ท่านพ่อของเจ้า?” หนานหนานกระโดดจากเก้าอี้ลงไปที่พื้นด้วยความตกใจ เขาประหลาดใจถึงขีดสุด “ท่านพ่อของเจ้าคือรัชทายาท เหตุใดเจ้าถึงได้มาอยู่ในที่ทรุดโทรมเช่นนี้ล่ะ”
รัชทายาทต่างก็เก่งกาจทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ต่างก็เป็นคนที่มีเงินทองมากมายไม่ใช่รึ? ท่านพ่อของเย่หลานผิงเป็นแค่ท่านอ๋องคนหนึ่ง แต่ยังเลี้ยงอาหารดี ๆ ให้เขาได้กินมากมายขนาดนั้น เหตุใดเสี่ยวเฉิงเฉิงถึงได้ใช้ชีวิตลำบากขนาดนี้?
เย่หลานเฉิงไม่พูดอะไร ราวกับเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก
หนานหนานเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง และไม่ได้ฝืนใจอีกฝ่าย ช่างเถอะ ท่านแม่เคยเอ่ยคำพูดที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือชัดเจนและแม่นยำประโยคหนึ่ง แต่ละครอบครัวต่างก็มีปัญหาของตนเอง เขาเข้าใจ เข้าใจเป็นอย่างดี
โชคดีที่เขามีท่านพ่อที่ทำให้เขาได้กินอิ่มได้สวมเสื้อผ้าอบอุ่น ทั้งยังมีเงินทองให้ใช้มากมาย เลี้ยงเขาได้อย่างสบาย ๆ แน่นอน หากท่านพ่อสามารถทำของกินอร่อย ๆ ได้เยอะ ๆ แบบนั้นคงสมบูรณ์แบบมาก ๆ
ขณะเดียวกันเย่ซิวตู๋ก็ลูบใบหู รู้สึกได้ถึงความร้อน
ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรเห็นเขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงขมวดพระขนง “ซิวเอ๋อร์ นี่เจ้าได้ฟังที่เราพูดหรือไม่?”
“เสด็จพ่อ” เย่ซิวตู๋มองห้องตำราหลวงที่ว่างเปล่า ก่อนจะมองมายังฮ่องเต้ที่สั่งให้ทุกคนออกไป สีหน้าตึงเครียดและยังคงอยู่ในท่าทางไร้อารมณ์ “บนตัวของลูกมีพิษจริง ๆ ส่วนยาถอนพิษนั้น ก็อยู่ที่สตรีผู้นั้นจริง ๆ ไม่มีใครมีนอกจากนาง”
“เจ้า…หรือว่าเจ้าคิดจะผูกชีวิตของตนเองไว้กับสตรีเพียงคนเดียวจริง ๆ? นี่เจ้าคิดจะแต่งงานกับสตรีผู้นั้นเท่านั้นจริง ๆ หรือ? ซิวเอ๋อร์ เจ้าอย่าลืมสิ หลังจากนี้สถานะของเจ้าจะสูงส่งเกินกว่าหาสิ่งใดทัดเทียม เหล่าสาวงามในวังหลัง…”
“เสด็จพ่อ” เย่ซิวตู่พูดแทรกพระดำรัสของฮ่องเต้ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เสด็จพ่อ หลังจากนี้คนที่จะมีสถานะสูงส่งเกินกว่าหาสิ่งใดทัดเทียมก็คือรัชทายาท หาใช่ลูกไม่”
ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น “เจ้าอย่านำรัชทายาทมาเป็นโล่กันธนู ความสามารถของรัชทายาทเป็นเช่นไรเราย่อมทราบดียิ่งกว่าเจ้า หากฝากบ้านเมืองไว้ในมือของเขา เราไม่ได้มีความมั่นใจแม้แต่น้อย”
รัชทายาทธรรมดา ๆ ไร้ความสามารถ ไม่ได้มีความสามารถที่จะขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ได้ ยกตำแหน่งฮ่องเต้ไว้ในมือของเขา ไม่ช้าก็เร็วคงได้ถูกเปลี่ยนมือ ในบรรดาองค์ชายจำนวนมาก มีใครบ้างที่ไม่เพ่งเล็งมาที่ตำแหน่งฮ่องเต้? มีใครบ้างที่มีความสามารถสู้รัชทายาทไม่ได้? คิดจะดึงรัชทายาทลงมาจากตำแหน่งนั้น สำหรับพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ในบรรดาพระโอรสของพระองค์จำนวนมากเหล่านี้ มีแค่เย่ซิวตู๋ที่มีความสามารถนั้น สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งฮ่องเต้ได้อย่างมั่นคง ก็มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่สามารถกำราบองค์ชายคนอื่น ๆ ได้
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น แย้มยิ้ม “เสด็จพ่อ รัชทายาทอาจมีคุณสมบัติปานกลาง แต่รัชทายาทก็มีบุตรชายหนึ่งคนแล้ว ทั้งยังเป็นคนที่มีความฉลาดหลักแหลม โดดเด่นท่ามกลางองค์ชายทั้งหมดที่มีมิใช่หรือ?”
บุตรชายของรัชทายาท?
ฮ่องเต้ขมวดพระขนง พระองค์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงนึกชื่อของเด็กคนนั้นขึ้นได้ ดูเหมือนว่าจะชื่อ…เย่หลานเฉิง?
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงครามชิงบัลลังก์ช่างดุเดือดยิ่งนัก สงสารก็แต่หลานเฉิงที่โดนวางยาให้ตายช้า ๆ นี่แหละ
ไหหม่า(海馬)