ตอนที่ 30-2 ร้อนรน

และมิทราบว่าด้วยสาเหตุใด ขณะนี้ภายในหัวใจของฮูหยินใหญ่ได้เกิดความรู้สึกร้อนรน และกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก

ลูกประคำพุทธกำลังหมุนอยู่ในมือของนางเป็นเวลานาน ก่อนที่นางจะวางลูกประคำนั้นลงในที่สุด

และฮูหยินใหญ่ได้กล่าวกับ หลี่จางเล่อที่อยู่เคียงข้างว่า:

“วันนี้ข้ารู้สึกกระสับกระส่ายราวกับว่า……”

หลี่จางเล่อลดสายตาลง เพื่อหลบม่านความเย็นชาในดวงตาของตนเอง

ในที่สุดบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว และสำหรับพวกนาง นับว่ามันเป็นข่าวดี

จางเล่อกำลังจะกล่าวบางอย่างในสิ่งที่ต้องการจะกล่าว แต่ทันใดนั้นผ้าม่านที่บริเวณประตูได้ถูกเปิดออก และมีชายผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามา

ความรีบร้อนของเขา ทำให้ร่างนั้นสะดุดล้มลงบนพื้นอย่างแรง

หลังจากกลิ้งสองสามครั้งเพื่อลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นจึงทรงตัวได้ในที่สุด

เขามิใส่ใจแม้แต่จะเช็ดคราบสกปรกออกจากใบหน้านั้น และได้ตะโกนบอกกล่าวบางอย่างกับฮูหยินใหญ่:

“ฮูหยินใหญ่เกิดเรื่องแล้ว! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!”

ชายผู้นี้คือคนรับใช้ของเกาจิน และขณะนี้ใบหน้าของฮูหยินใหญ่ได้ซีดขาวลงในทันที:

“เจ้าว่าอันใดนะ! มีอันใดเกิดขึ้น! รีบเล่ามาสิ!”

ใบหน้าของชายผู้นั้นขาวซีดเป็นอย่างมาก:

“ข่าวร้าย…ข่าวร้าย…มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น!”

เขากล่าวพร้อมกับทำท่าทางราวกับว่าได้เจอภูติผีปีศาจ ขณะที่ร่างของเขามีอาการสั่นสะท้าน

“ตอนนี้คุณชายอยู่ที่สวน เขา…เขา…”

ฮูหยินใหญ่เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ:

“คราวนี้เขา…เขาทำอันใดอีก?”

นางต้องการที่จะกล่าวว่า เขาสร้างปัญหาอันใดในเวลานี้

แต่คิดว่ามันมิเหมาะสมที่จะกล่าวออกมาเช่นนั้น จึงเรียบเรียงคำกล่าวเสียใหม่

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนั้น หลี่จางเล่อจึงยกริมฝีปากของนางขึ้นเล็กน้อย

เพราะภาพตรงหน้านี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพวกเขาเช่นกัน

ตามแผนการที่ได้วางเอาไว้คือ หลังจากเกาจินประสบความสำเร็จแล้ว

เขาจะส่งคนรับใช้เข้ามาส่งข่าวและจะกล่าวว่า เกาจินเกิดความเข้าใจผิด

โดยคิดว่า เว่ยหยางเป็นสาวใช้ ดังนั้นเขาจึงลวนลามนาง

ในเวลานั้นเมื่อฮูหยินใหญ่รู้เรื่อง ถึงแม้ว่านางจะโกรธ แต่ก็ยังคงต้องหาทางช่วยเขา

ด้วยวิธีนี้ พวกนางก็จะสามารถกำจัดหลี่เว่ยหยางผู้ซึ่งเป็นเสมือนหนามยอกอกได้

และคนรับใช้ผู้นั้นได้กล่าวออกมาว่า

“เดิมทีคุณชายอยู่ในสวน ผู้ใดจะไปคิด…ผู้ใดจะไปคิดว่า…”

คนรับใช้มีอาการตื่นเต้นมากจนเหงื่อไหลออกมาท่วมหัว

“ผู้ใดจะไปคิดว่า คุณหนูสามจะเดินเข้ามา พร้อมกับกลุ่มคนจำนวนมาก และช่วยกันทุบตีคุณชายอย่างรุนแรง…”

ฮูหยินใหญ่มีความรู้สึกตกใจจนสติแตก นางเกร็งตัวขึ้น และดวงตาคู่นั้นได้ส่องประกายเคียดแค้นออกมาอย่างรุนแรง ขณะที่กล่าวว่า:

“หลี่เว่ยหยาง? เกิดอันใดขึ้นกันแน่!”

คนรับใช้ผู้นั้นกล่าวมิออก…กล่าวมิออกแม้แต่คำเดียว

ฮูหยินใหญ่กล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า:

“เขาคิดที่จะรวบหัวรวบหางเว่ยหยางเช่นนั้นรึ? บัดซบ! โง่เง่าจริง ๆ !”

ในขณะนี้ ผู้เป็นมารดาได้ยินเสียง บางอย่างตกลงแตกจากด้านข้าง

เป็นหลี่จางเล่อที่ทำถ้วยน้ำชาที่กำลังถืออยู่ในมือร่วงหล่นโดยมิได้ตั้งใจ ทำให้น้ำชาหกเลอะเทอะลงบนพื้น

เมื่อมาถึงจุดนี้ ฮูหยินใหญ่จึงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในทันที จึงตะคอกออกมาว่า:

“ยกเว้นคุณหนูใหญ่ คนอื่น ๆ ออกไปให้หมด!”

คนรับใช้ผู้นั้นต้องการที่จะกล่าวให้มากกว่านี้ แต่ต้องถูกขับไล่ออกมา

ทันใดนั้นใบหน้าอันงดงามของหลี่จางเล่อก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด

ขณะที่กำลังเกิดความรู้สึกประหลาดใจกับความล้มเหลวของพี่ชายผู้ร่วมแผนการ

และที่สำคัญ นางมิรู้ว่าจะต้องเผชิญกับการซักถามของมารดาอย่างไร

“เจ้าโง่เขลามาก!”

ฮูหยินใหญ่กล่าวโดยมิได้เก็บกดอารมณ์อีกต่อไป

คิ้วของนางขมวดเเน่นขึ้น และใบหน้าที่ก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง

“ท่านแม่!”

หลี่จางเล่อตื่นตระหนกอยู่ชั่วอึดใจ แต่ก็สงบลงได้หลังจากครู่หนึ่ง

ริมฝีปากสีแดงสดของนางนั้นขบฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น

เสียงอันแหลมคมของนางบางเบาราวกับมีดที่แหลมคม

“ข้าต้องการลงโทษนังเด็กผู้นี้…”

“เจ้าใจร้อนเกินไป!”

ฮูหยินใหญ่กดมือของตนเองเข้าหากันแน่น ขณะที่เดินไปมาพร้อมกับครุ่นคิดอย่างหนัก

หลี่จางเล่อเฝ้ามองดูมารดาอย่างแปลกใจ

ในความทรงจำของจางเล่อ นางมิเคยเห็นมารดาของตนเองแสดงท่าทางที่สับสนถึงเพียงนี้มาก่อน

“ท่านแม่…”

“ข้าเคยกล่าวกับเจ้าหลายครั้งแล้วว่า อนาคตของเจ้ามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นไปในจุดที่สูงส่ง

แล้วเจ้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนประเภทนี้ได้อย่างไรกัน!”

ฮูหยินใหญ่หยุดกล่าวอย่างรวดเร็ว ขณะที่มีท่าทางเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ทันใดนั้น ราวกับว่า มีสีแดงคล้ายเลือดปรากฏขึ้นในดวงตาแห่งความเคียดแค้นคู่นั้น

ทำให้นางฟ้าผู้นี้มีท่าทีโหดร้ายอย่างเห็นได้ชัด และนางได้กล่าวว่า:

“เดิมทีข้าต้องการที่จะเก็บเว่ยหยางเอาไว้ใช้ในวันข้างหน้า

แต่เมื่อมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ข้าจึงคิดว่า นางมีพิษสงมากเกินไป! เราจึงต้องกำจัดนังเด็กนี่เสีย!”