จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 151

ขณะที่ฉินเทียนหัวหมุนอยู่ในเสาน้ําวน จู่ๆก็มีกลิ่นอายแข็งแกร่งซึ่งไม่ทราบที่มากดทับร่างของฉินเทียนไว้จนไม่อาจขยับร่าง พริบตาถัดมาฉินเทียนก็กลับมาที่หอทมิฬ

ทุกประการที่เกิดขึ้นภายในวังใต้ทะเลคล้ายกับความฝันตื่นนิ่ง ภาพเรือนร่างอันงดงามของสาวสวยเหล่านั้นวนเวียนเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง

ฉินเทียนสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านไป เมื่อทราบว่าตนกลับมาที่หอทมิฬอีกครั้ง ฉินเทียนก็คิดที่จะเพิ่มขั้นของทักษะคชสารชําระล้าง

แต่ในตอนนั้นเอง ชายชราในชุดสีดําก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง “คุณชายฉิน พวกเราสมควรออกเดินทางได้แล้ว”

“เฮ้อ”

ฉินเทียนมองชายชราก่อนจะถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงติดตามชายชราไปอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเดินออกมาข้างนอก ฉินเทียนก็หันไปมองหอทมิฬพลางกล่าวขึ้นในใจ อีกไม่นานเจ้าก็จะกลายเป็นของข้า หึหึ

ตอนนี้เป็นยามวิกาล ดังนั้นฉินเทียนจึงกลับไปที่โรงเตี้ยมก่อน

อาการบาดเจ็บของเฟิงผ่านอื่นับว่าคงที่แล้ว เมื่อใช้โอสถเป่ยหยวนในการฟื้นฟู บาดแผลของเขาก็หายไปกว่าครึ่ง สมควรหายดีในสามวัน

เฮยหยานเองก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว เขานั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงขอบเตียง ใบหน้าของเขาซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา

ฉินเทียนเดินเข้าไปในห้องพลางมองดูเขา เฮยหยานในตอนนี้คล้ายดูแก่ขึ้นหลายสิบปี มองดูแล้วฉินเทียนก็สะทกสะท้อนใจ เขาเดินเข้าไปกล่าวปลอบโยน “พี่ใหญ่เฮย ทุกอย่างมันจบแล้ว”

เห็นฉินเทียนเดินเข้ามา เฮยหยานก็ค่อยๆหันไปมองก่อนจะยิ้มเจื่อน “ขอบคุณ”

เฮยหยานไม่ได้ดูยิ่งใหญ่สง่างามเหมือนปีนั้นแล้ว ความทะเยอทะยานเองก็สูญหายไป ตอนนี้เขาดูราวกับคนที่ป่วยอมโรคมาหลายปี ทั้งกายใจล้วนอ่อนแรง สูญสิ้นจิตวิญญาณเหมือนในอดีต

ไม่ว่าใครก็จินตนาการไม่ออกว่าบุรุษเหล็กเมื่อปีนั้นจะกลับกลายเป็นสภาพเช่นนี้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี…..

ย้อนกลับไปปีนั้น ตอนที่เหล่าสหายทั้งสิบสองคนของเขาล้วนตกตายด้วยน้ํามือกอลลิล่าดุร้าย ตอนนั้นเฮยหยานต่อสู้ไม่ถอย แล้วหันกลับมาดูตอนนี้…ยิ่งเห็นสภาพเช่นนี้ของเฮยหยาน ฉินเทียนก็ยิ่งจิตใจหนักอึ้ง ไม่ทราบสมควรช่วยเหลืออย่างไร

แม้ว่าเหยาชิงจะตายไปแล้ว แต่ความบอบช้ําจากพิษกร่อนวิญญาณก็ยังคงตกค้างอยู่ในจิตใจอย่างไม่อาจลืมเลือน เขาต้องเผชิญกับความเป็นความตายทุกวัน นั้นเป็นความรู้สึกที่ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น

ยิ่งคิดถึงสิ่งที่เฮยหยานต้องเผชิญ ในใจฉินเทียนก็ยิ่งโกรธแค้น เขาปรารถนาจะลากเอาเหยาชิงขึ้นมาจากนรกแล้วทรมาณอีกสักรอบ

เวลานี้เฮยหยานมีแต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

ฉินเทียนไม่อาจช่วยในเรื่องนี้

ฉินเทียนเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่เขาก็ทนมองเฮยหยานในสภาพนี้ไม่ได้จริงๆ

“วางใจเถอะ การฟื้นฟูก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่เฮยหยานจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคชิ้นนี้” เฟิงผ่านอิมองฉินเทียนที่ขมวดคิ้วมุ่นแล้วก็อดกล่าวปลอบใจเสียไม่ได้

โดนพิษชั่วร้ายนั่นกว่าสองปีเต็ม มีหรือที่จะไม่ทิ้งเงามืดไว้ในใจ?

ฉินเทียนยิ้มเจื่อนก่อนจะกล่าวว่า “พี่เมิ่ง เมื่อบาดแผลท่านหายดีแล้วพวกเราก็ควรออกเดินทาง”

เฟิงผ่านอีตอบกลับอย่างกระตือรือร้น “ไม่ต้องห่วง บาดแผลข้าเกือบหายดีแล้ว สามารถออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”

“ท่านไม่ต้องอําพรางข้าหรอก กลิ่นอายในกายท่านยังอ่อนแอมาก” ฉินเทียนหัวเราะ

เฟิงผ่านอีหัวเราะอย่างเก้อเขิน ในใจบังเกิดความสงสัย คงไม่กระทั่งสามารถสัมผัสกลิ่นอายภายในร่างของข้าได้หรอกมั้ง?

“ข้าจะไปด้วย”

จู่ๆเฮยหยานก็กล่าวขึ้นด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น

ฉินเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ได้ พวกเราไปด้วยกัน”

บางที่การต่อสู้อาจจะสามารถปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเฮยหยานกลับมา ฉินเทียนภาวนาอยู่ในใจ หวังว่าการเดินทางไปยังน่านน้ําทมิฬครั้งนี้จะช่วยลบล้างเงามืดที่อยู่ในใจของพี่ใหญ่เฮย

ค่ําคืนผ่านไปโดยไม่มีอะไร

รุ่งเช้าวันต่อมา ฉินเทียนเดินทางไปยังโรงประมูลเพียงลําพังและเลือกนั่งลงที่แถวหลัง ชายชราซึ่งเป็นผู้จัดการร้านผงกศีรษะยิ้มให้ ไม่นานการประมูลก็เริ่มขึ้น แก่นอสูรจํานวนมากถูกผลาญไปในการแย่งชิง

เมื่อผู้คนเดินออกจากโรงประมูลไปจนหมดแล้ว ชายชราก็เดินมาหาฉินเทียนพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องเมื่อวานนี้ ช่างน่าประทับใจจริงๆ แม้แต่ขั้นสวรรค์ก็ยังไม่ใช่คู่มือของท่าน เรื่องของท่านโด่งดังไปทั่วเมืองเลย”

ชายชรานั่งลงที่ด้านข้างฉินเทียน เรื่องที่ชายชราตกตะลึงยิ่งกว่าคือการที่ประมุขเจ้าเมืองเรียกฉินเทียนไปพบ

ผู้ที่ประมุขเจ้าเมืองเรียกไปพบล้วนแต่เป็นชนชั้นยอดฝีมือ และฉินเทียนก็เป็นเพียงผู้เดียวที่อยู่ต่ํากว่าขั้นสวร

“ข้าต้องการมุกหลีกวารีเพิ่มอีกสองเม็ด ว่าราคามาเถอะ”

“ท่านจะไปที่น่านน้ําทมิฬ?” ชายชราขมวดคิ้ว แววตาเผยความเห็นใจอยู่ลางๆ ท่านเจ้าเมืองคงเรียกตัวเขาไปด้วยเรื่อง “ภารกิจที่ไม่มีวันสําเร็จ” นั่นแน่ๆ ฉินเทียนเป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณ การเดินทางไปครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากไปตาย

ในใจชายชราชื่นชมฉินเทียนอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่ต้องการเห็นเขารนหาที่ตาย

มอบมุกหลีกวารีบริสุทธิ์ให้เขาสองเม็ด และมอบมุกอัสนีอีกห้าสิบเม็ดให้เขาด้วย!” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในจิตใจของชายชรา สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขามองฉินเทียนก่อนจะกล่าวว่า “รอสักครู่”

ชายชราเดินไปยังห้องข้าง ไม่นานก็เดินกลับออกมา ในมือถือมุกหลีกวารีเอาไว้ ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือมุกอัสนีหลายสิบเม็ด

ฉินเทียนตกใจ “ข้าไม่ได้สั่งมุกอัสนี”

“นี่มอบเป็นของขวัญให้ท่าน” ชายชรายินมุกหลีกวารีให้ก่อนจะยื่นมุกอัสนีตามไป

สําหรับฉินเทียนแล้ว มุกอัสนีนี้ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี นี่จะต้องเป็นของขวัญจากเจ้าเมืองอสูรเป็นแน่ เขาย่อมไม่ปฏิเสธน้ําใจนี้

หลังจากกล่าวลาชายชรา ฉินเทียนก็กลับไปยังโรงเตี้ยม

ยังเหลือเวลาอีกสองวัน ฉินเทียนใช้เวลานี้ในการเตรียมตัว

ภารกิจในครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่เพลิงทะเลล์ลับอีกต่อไป หากแต่เป็นเรื่องที่สําคัญกว่านั้นที่ฉินเทียน กังวลสนใจที่สุดก็คือการพาน้องสาวของไหงื่อเยว่กลับมา จากนั้นหอทมิฬ สมบัติระดับกึ่งเทวะซึ่งสามารถเพิ่ม ความเร็วในการฝึกฝนเป็นสองเท่าก็จะตกเป็นของเขา สิ่งนี้เย้ายวนใจฉินเทียนมาก

ที่ลานด้านหลังของโรงเตี้ยม เฟิงผ่านอีกําลังนั่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายใน ขณะที่เฮยหยานก็ออกกําลังเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

ฉินเทียนยิ้มพลางนําเอามุกหลีกวารีและแก่นอสูรอีกห้าแก่นออกมา “พี่ใหญ่เฮยไม่ต้องเกรงใจ หากไม่มีท่านคอยชี้แนะตอนอยู่ในเทือกเขาคุนหลุนก็คงไม่มีข้าในวันนี้”

เฮยหยานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับสิ่งของไป จากนั้นจึงกลืนแก่นอสูรไปสองแก่นและเริ่มนั่งลงบ่มเพาะ

ฉินเทียนหันไปดูเฟิงผ่านอี ความกระตือรือร้นที่แสดงออกมานี้ทําให้ฉินเทียนรู้สึกยินดี

ฉินเทียนนั่งขัดสมาธิลงบนเตียงพลางนําเอาแหวนมิติออกมา จากนั้นจึงใช้ห้วงจิตตรวจดูอาการของเหยาคงแล้วก็ต้องตกตะลึง ผู้บ่มเพาะขั้นจุติช่างยอดเยี่ยมจริงๆ เพียงวันเดียวก็บาดแผลภายนอกก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ความแข็งแกร่งฟื้นฟูกลับมาเกินครึ่งแล้ว

ฉินเทียนไม่ได้พูดอะไรมาก เขาใช้กลิ่นอายนักล่ากําจัดพลังตกค้างให้เหยาคง ซึ่งเหยาคงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

สาเหตุสําคัญที่ทําให้เหยาคงฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วก็เพราะฉินเทียน หากไม่ใช่เขาใช้กลิ่นอายนักล่าคอยส ลายพลังตกค้างให้ร่างกายของเหยาคงย่อมถูกทําลายไปแล้ว

เปรียบกับเหยาชิงแล้ว ฉินเทียนยังดีกว่านับพันเท่า ในใจเหยาคงรู้สึกสํานึกขอบคุณ

ยอดฝีมือขั้นจุติเช่นเหยาคงนับเป็นไฟลับใบหนึ่งของเขา ถือเป็นยันต์ช่วยชีวิตอีกชิ้น หากไม่รีบฟื้นฟูโดยเร็ว เพื่อนําไปใช้อย่างนั้นยังจะคุ้มค่ากับค่าประสบการณ์และพลังปราณที่สมควรได้รับมาหลายแสนอีกหรือ?

หลังจากช่วยเหยาคงกําจัดพลังตกค้างในร่างแล้ว ฉินเทียนก็นําแก่นโลหิตของราชาซากศพป้อนให้กับตัวอ่อนปีศาจ

นี่เป็นแก่นโลหิตหยดสุดท้ายที่เหลือแล้ว หลังตัวอ่อนปีศาจเลื่อนมาถึงระดับสิบความเร็วในการพัฒนาก็ค่อยๆเชื่องช้าลง เมื่อตัวอ่อนปีศาจได้รับแก่นโลหิตหยดสุดท้ายนี้ไป มันก็ตื่นเต้นยินดีพลางส่งยิ้มน่ารักให้ฉินเทียน จากนั้นจึงดูดกลืนแก่นโลหิตอย่างหิวกระหายแสงสีดําตามร่างเริ่มเปลี่ยนเป็นเข้มข้นขึ้น…..

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน!