จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 153

น่านน้ําทมิฬเป็นสถานที่ที่มีสัตว์ร้ายชุกชุม

ส่วนใหญ่เป็นสัตว์อสูรจําพวกปลา และพวกมันก็มักอยู่กันเป็นกลุ่ม

ฉินเทียนเดินทอดน่องไปตามชายฝั่ง เมื่อคลื่นซัดเข้าหาฝั่งพวกสัตว์อสูรเสือดาวทะเลจํานวนหลายสิบตัวกระโจนเข้าโจมตี

ภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรย่อมไม่มีกลิ่นอายใดที่สามารถปิดบังซ่อนเร้นต่อฉินเทียน เสือดาวทะเลเหล่านี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ฉินเทียนกระโจนขึ้นฟ้าพลางควบผนึกพลังปราณเป็นดาบวงพระจันทร์

“ฉวะ…”

ตกตายในดาบเดียว

ได้เห็นฉากนี้ เมิ่งผ่านอีกเลือดลมพลุ่งพล่าน เขาโถมร่างออกไปเช่นกัน

เฮยหยานสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วพลางพุ่งตัวออกไป

ในน่านน้ําทมิฬ เสือดาวทะเลซึ่งอยู่ระดับสี่ถือเป็นสัตว์อสูรระดับต่ํา พวกมันมักซ่อนตัวอยู่ในคลื่นทะเลเพื่อซุ่มโจมตีเหยื่อ พวกมันลงมือได้รวดเร็วดุดัน แต่เมื่อเทียบกับเหล่าสัตว์อสูรที่อยู่ในทะเลลึกแล้วก็อ่อนแอกว่ามาก

หลังจากยืดเส้นยืดสายกันอยู่พักหนึ่ง ทั้งสามก็สังหารพวกเสือดาวทะเลไปสิบกว่าตัว

ฉินเทียนเผยยิ้มเหี้ยมเกรียมพลางพุ่งเข้าใส่คลื่นทะเล “ฆ่า!…”

สิ้นคําฉินเทียนก็พุ่งลงทะเล เมิ่งผ่านอีและเฮยหยานก็พุ่งร่างตามไปติดๆ

พลังแห่งมุกหลีกวารีก็ได้แสดงออกมาในเวลานี้เอง ทั้งสามสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระไม่ต่างจากตอนอยู่บนบก กระทั่งบางทีอาจเหนือกว่าตอนที่อยู่บนบกเสียด้วยซ้ํา

“มีสัตว์อสูรระดับห้ากําลังใกล้เข้ามา”

“พี่เมิ่ง เตรียมตัว”

“พี่ใหญ่เฮย คอยระวังหลังให้เราด้วย”

ความตื่นเต้นของฉินเทียนฉายชัดเต็มใบหน้า พลังแห่งความมืดหมนวนรอบใบดาบขณะจิตสังหารปะทออก

“เข้าใจแล้ว”

“ได้”

เมิ่งผ่านอีฝึกฝนเพลงกระบี่ไท่ซูได้หลายวันแล้ว ดังนั้นจึงต้องการทดสอบอานุภาพของมัน ไม่รอให้ฉินเทียนสั่งการ เมิ่งผ่านอีก็เร่งเร้าพลังปราณและฟันกระบออกไป แม้ท่วงท่าจะเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังทําลายล้าง

สิบปีก่อน เมิ่งผ่านออยู่ระดับสูงสุดของขั้นกลั่นวิญญาณ หากจากขอบเขตสวรรค์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

เพื่อที่จะสําแดงเพลงกระบี่ไท่ซูได้อย่างเต็มที่ พลังสวรรค์คือสิ่งจําเป็น มีเพียงการใช้ร่วมกับพลังสวรรค์เท่านั้นจึงค่อยคู่ควรให้เรียกว่าเพลงกระบี่ ‘ไท่ซู

แม้แต่ตัวเมิ่งผ่านอีผู้ที่ใช้เพลงกระบี่นี้ออกก็ยังต้องตะลึงกับพลังของมัน

ตอนที่ฟันกระบออกไป กลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน พลังของกระบี่ในมือแผ่ครอบคลุมฟ้า คนและกระบี่รวมเป็นหนึ่ง เป็นกระบี่ที่เรียบง่ายทว่างดงาม

โฮก. . . . . . . . :

สัตวอสูรระดับห้าคํารามก่อนจะกระโจนเข้าหาอย่างไม่หวั่นเกรง

ฉวะ ฉวะ ฉวะ

สัตว์อสูรตัวนั้นถูกผ่าเป็นสองซีก แม้แต่แก่นอสูรที่เป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถูกผ่าจนเรียบเสมอกัน

กระบี่ของเมิ่งผ่านอีเต็มไปด้วยพลังจากฟ้าดิน เป็นแก่นแท้ของกระบี่

“คราวหน้าท่านลงมือให้แม่นกว่านี้ อย่ากระทบถูกแก่นอีก เฮ้อ……”

ฉินเทียนบ่นอุบหากแต่ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้ม

เมิ่งผ่านอีตื่นเต้นจนลืมตัว เป็นครั้งแรกที่เขาได้สําแดงท่ากระบี่ที่ทรงอานุภาพขนาดนี้ในรอบสิบกว่าปี

จู่ๆเมิ่งผ่านอีกเบิกตากว้าง เขาหลับตาสํารวจไปยังห้วงสํานึกของตนก่อนจะโพล่งออกมาอย่างแตกตื่น “ไท่ซู…ไท่ซู…พลังไท่ซู…เพลงกระบี่ไท่ซู….ข้าเข้าใจแล้ว ฮ่าๆ…”

“ฮ่าๆ…”

“เพลงกระบี่ไท่ซู ในที่สุดข้าก็เข้าใจมันแล้ว!”

เมิ่งผ่านอีตื่นเต้นดีใจราวกับเด็กที่ได้ลูกกวาด

“ดูเหมือนท่านจะรู้แจ้งแล้ว” ฉินเทียนยิ้มพลางยินดีกับความสําเร็จของเมิ่งผ่านอี

“เพลงกระบี่ไท่ซู หนึ่งในทักษะที่ดีที่สุดของสํานักเมฆาคล้อย นี่เป็นเพลงกระบี่ที่มาจากปรจารย์ของสํานัก พลังของมันย่อมร้ายกาจถึงที่สุด เพลงกระบีนี้มีเพียงศิษย์ที่เปี่ยมพรสวรรค์ของสํานักเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติได้เรียน หากไม่ใช่เพราะเป็นหลานของผู้อาวุโสสูงสุด เหยาชิงก็ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะรู้จักทักษะนี้ด้วยซ้ํา”

เฮยหยานเดินเข้ามาอธิบาย ยามที่กล่าวถึงเหยาชิง ใบหน้าของเขาก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ในแววตายังแฝงไว้ด้วยความแค้นลึกล้ํา

“ขอบใจเจ้ามากน้องฉัน ไม่ข้าควรเรียกว่าลูกพี่ฉินเทียนนับตั้งแต่บัดนี้”

เมิ่งผ่านอีตื่นเต้นเสียจนไม่รู้จะพูดอย่างไร “ขอบคุณลูกพี่ฉิน ขอบคุณ”

ทักษะระดับอมตะเป็นทักษะที่ล้ําค่าอย่างมาก ทั้งเพลงกระบี่นี้ยังร้ายกาจกว่าทักษะระดับอมตะทั่วไป สําหรับเมิ่งผ่านอีแล้ว เพลงกระบี่ไท่ซูเป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่า ทว่าฉินเทียนกลับส่งมอบให้เขาอย่างใจกว้าง เมิ่งผ่านอีสํานึกขอบคุณจนพูดไม่ออก

“ยังต้องกล่าวขอบคุณอะไรกัน อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ฝึกฝนกระบี่เสียหน่อย”

“ยิ่งกว่านั้นการที่ท่านมายังน่านน้ําทมิฬแห่งนี้กับข้าก็อันตรายมาก เพลงกระบี่ไท่ซูเป็นสิ่งที่ท่านควรฝึกติดตัวไว้”

ฉินเทียนไม่ได้คิดมาก

ผู้ที่อาสาร่วมทางมายังสถานที่ที่เก้าตายหนึ่งรอดย่อมคู่ควรกับคําว่ามิตรแท้ เป็นสหายอันหาได้ยาก

เมิ่งผ่านอีซาบซึ้งใจ

“มาอีกแล้ว” ฉินเทียนขมวดคิ้วขณะจองไปยังส่วนลึกของทะเล

“ข้าเอง!”

เมิ่งผ่านอีพุ่งตัวออกไป

สภาพแวดล้อมในทะเลนั้นมืดสนิทจนแม้แต่แสงเบื้องบนก็ไม่อาจส่องถึง

กระทั่งพวกเขาซึ่งเป็นขั้นกลั่นวิญญาณยังมองเห็นไม่เกินร้อยเมตร แต่รัศมีร้อยเมตรนี้ก็มีสัตว์อสูรระดับห้าอยู่ไม่น้อยแล้ว และนี่เป็นเพียงระยะไม่กี่สิบเมตรจากผิวน้ําด้วยซ้ํา

ที่หนึ่งร้อยเมตร หนึ่งพันเมตร หรือหนึ่งหมื่นเมตรจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่?

เมิ่งผ่านอีกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับแก่นอสูรเปื้อนเลือดที่อยู่ในมือ “เรียบร้อย”

“เอาล่ะ นับแต่ตรงนี้พวกเราจะบุกทะลวงฝ่าไป”

ในเขตน้ําตื้นมีแต่สัตว์อสูรระดับต่ําซึ่งให้ค่าประสบการณ์ไม่มาก เป้าหมายของเขาคือกลุ่มสัตว์อสูรขนาดใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นฝูงสัตว์อสูรระดับห้าก็ยิ่งดี

ฉินเทียนพุ่งตัวออกพร้อมตะโกนเสียงดัง “เดินทางตามกระแสน้ําเพื่อประหยัดเวลา!”

เมิ่งผ่านอีและเฮยหยานต่างตามติดไป

ในทะเลแห่งนี้มีกระแสน้ําอยู่มากมาย ภยันตายเองก็อยู่รอบด้าน หากไม่ระมัดระวังก็อาจทิ้งชีวิตอยู่ที่นี่

และในกระแสน้ําเหล่านี้ก็มักจะมีสัตว์อสูรชนิดหนึ่งซ่อนตัวอยู่อสูรปะการัง

รูปร่างของมันคล้ายกับก้อนหิน รูปทรงแปลกตาหากแต่แข็งไม่ต่างจากเหล็ก ขอเพียงไม่ตกตายในคราเดียว พวกมันยังสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว พวกมันไม่มีหูหรือตา แต่ประสาทสัมผัสของพวกมันเฉียบคมมาก สามารถรับรู้ได้ไกลตั้งแต่สิบกิโลเมตร มันสามารถแยกแยะวัตถุได้ผ่านคลื่นสมอง และอาหารของพวกมันก็คือสิ่งมีชีวิต……

เมื่อพุ่งตัวไปตามกระแสน้ํา ทั้งสามก็ดําดิ่งสู่ส่วนลึกอย่างรวดเร็ว

เมื่อพวกฉันเทียนพุ่งไปตามกระแสน้ํา พวกอสูรปะการังก็รับรู้ได้

ในทะเลแห่งนี้ อันตรายมีอยู่รอบตัว

สัตว์อสูรในทะเลมีหลายรูปร่างหลายขนาด ทั้งยังไม่อาจทราบว่าพวกมันจะลงมือตอนไหน

พวกฉินเทียนล้วนแต่อยู่ในขั้นกลั่นวิญญาณ แต่เมื่ออยู่ในอาณาเขตทะเลแห่งนี้ก็มีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ

“แปลก”

ฉินเทียนพึมพํา ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแข็งแกร่งที่เบื้องหน้า แต่ไฉนตอนนี้จึงสัมผัสไม่ได้แล้ว?

“ระวังตัว สัตว์อสูรกลุ่มใหญ่กําลังโอบล้อมพวกเราแล้ว”

ฉินเทียนโคจรพลังปราณเพิ่มความเร็ว คิ้วทั้งสองบนใบหน้ามุ่นเข้าหากัน…..