ตอนที่ 175 แผ่ครอบคลุมสิบลี้

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

แม้จะไม่ได้ใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์ ทว่าพลังการโจมตีของราชันวัฏฏะยังแกร่งกร้าวจนสามารถถล่มทลายทั้งดินฟ้า

บนฟากฟ้า อาวุโสใหญ่และจ้วนหลุนหวังสัประยุทธ์ห้ำหั่นกันนับร้อยกระบวน ต่างขับเคี่ยวสูสี ไม่อาจจำแนก

เงาร่างของพวกมันกะพริบวิบวาบ เพียงพริบตาก็ปรากฏออกมานับพันหมื่น ก่อนเลือนหายไปแค่ชั่วเสี้ยววินาที

บางทีที่คนทั่วไปมองเห็น อาจคิดว่าบนท้องฟ้าปรากฏขุนพลสวรรค์นับแสนกำลังกรีธาทัพสัประยุทธ์กันอย่างดุเดือด

กลางน่านฟ้า สี่แหวกชำระกายาต้านทานราชันหยินหยาง กำลังเป็นฝ่ายมีเปรียบ สามารถพลิกข้อเสียเปรียบขึ้นมาได้ สถานการณ์เป็นไปโดยราบรื่น

ทางด้านล่าง ยอดยุทธ์เหนือกว่าขั้นเจ็ดดวงธาตุ ประมุขตระกูลจวงและอาวุโสรวมถึงชนชั้นผู้นำของเขาพิรุณเซียนต่างร่วมกันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ถาโถมเข้าใส่ผู้ฝึกวิชาปีศาจ ช่วงชิงชัยชนะเด็ดขาดมาได้

บนพื้นดิน พวกต่ำกว่าเจ็ดดวงธาตุทั้งหลายต่างช่วยกันคุ้มกันผู้ด้อยวรยุทธ์และศิษย์ตระกูลต่างๆ ออกจากเขตเขาเหมิงซาน

ท่ามกลางความอลหม่านสับสน ฉินจิ่วเกอปลอดโปร่งราวเมฆาล่อง ยังไม่ลืมเลือนจัดแจงที่ประดับศีรษะสีม่วงทอง ลูบไล้ชื่นชมเสื้อไหมเรียบลื่นสามพันของมันอย่างสำราญ

อันหยางใช้ทวนทองของมันยันผู้ฝึกวิชาปีศาจที่ไม่ประมาณตนออกมาตายสองสามคน ผู้ฝึกวิชาปีศาจกระโจนหลบหนีไปทั่วสี่ทิศแปดทาง “พี่ฉิน เวลาแบบนี้ เอาจริงเอาจังหน่อยได้หรือไม่?”

“มีพวกเจ้าอยู่ ข้าวางใจยิ่ง จากที่ข้าดู พรรคโลหิตนภาอีกไม่นานย่อมต้องถอนตัวหลบหนี อย่ากังวล”

“เพราะเหตุใด?”

อันหยางคิดว่านั่นน่าประหลาดยิ่ง คนที่กระตุ้นเตือนมันตรวจสอบสุสานมหาจักรพรรดิทะเลมรณะ คือฉินจิ่วเกอ

ตอนนี้ผู้คาดการณ์ว่าพรรคโลหิตนภาเสียงดังแต่ไร้ราคา ก็ฉินจิ่วเกอ

หรือว่าเด็กน้อยนี้เทพปานนี้จริงๆ?

ฉินจิ่วเกอหัวร่อหึๆ ไม่กล่าวกระไร คนรักษาตำแหน่งตรงกลางไว้อย่างเหนียวแน่น อารักขาซ้ายขวาโดยอันหยางและหลงเฟิง

ด้วยความรู้ที่มันมีต่อตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพรรคโลหิตนภา เรื่องในวันนี้ ที่จริงถือว่าล้มเหลวแล้ว ขอเพียงยอดยุทธ์ในเมืองเทียนเอินไม่ตกตาย สามเผ่ามนุษย์มารอสูรย่อมต้องสถาปนาการกวาดล้างครั้งใหญ่ในเมืองเทียนเอิน

ต่อให้สามารถฆ่าล้างยอดยุทธ์ในที่นี้ได้มากเกินครึ่ง แต่ด้วยเกียรติประวัติของพรรคโลหิตนภา คิดครองเมืองเทียนเอินทั้งอย่างนั้นย่อมไม่อาจเป็นไปได้ ไป๋หลี่ชิงเฉิงเองก็ไม่กล้าเสี่ยงเรื่องนี้

นี่สามารถเปรียบได้กับการเดินหมาก เพียงละเลยเลินเล่อ เดินพลาดไปหนึ่งตาล้มหมากทั้งกระดาน

ในเวลานี้ หากสามารถล้มกระดานล้างไพ่ใหม่ทั้งหมด จึงสามารถพลิกเป็นสถานการณ์ไม่ชนะไม่แพ้พ่าย ครั้งหน้าค่อยมาตัดสินแพ้ชนะ เช่นนั้นจึงประเสริฐเลิศสุด

ดังนั้น พรรคโลหิตนภา ไม่ว่าอย่างไรล้วนต้องล่าถอย

น่าเสียดายจำนวนกลั่นดวงธาตุเมืองเทียนเอินไม่มากพอ เมื่อรวมร่างจำแลงจ้วนหลุนหวังและราชันหยินหยางเข้าไป พรรคโลหิตนภามีแต่ต้องหลบซ่อนแฝงตัวราวอสรพิษ

การศึกยามบรรยายเนิ่นนาน แท้ที่จริงเพียงผ่านไปไม่กี่นาที

อาวุโสใหญ่และจ้วนหลุนหวังประมือ ต่างฝ่ายต่างตระหนักดีว่าไม่อาจโค่นล้มอีกฝ่ายได้ ดังนั้นมิได้ทุ่มเทสุดกำลัง เพราะไม่มีความจำเป็นต้องลงแรงโดยไร้ประโยชน์

ส่วนของราชันหยินหยาง ก็ถูกสี่แหวกชำระกายาเหนี่ยวรั้ง ไม่ได้สะดวกดายเท่าใด

บนแท่นหยก คือสถานที่หนึ่งเดียวที่มิได้ถูกอาละวาดจนเละเทะ ไป๋หลี่ชิงเฉิงสวมชุดกระโปรงแดงอันยั่วยวนตา ถูกห้อมล้อมอยู่ในวงของสตรีชุดดำ รับเอาผีผาศิลาหยกที่ละเลยไว้กลับคืนสู่มือ

เสียงสัญญาณดังถ่ายทอด สำเนียงข้ามผ่านสมรภูมิรบอันดุเดือด แผ่พุ่งไปทั่วสนามกระดูกขาว ทุกทิศทางมีแต่ความสิ้นหวังอันอ้างว้าง

เพียงไม่กี่นาที กลั่นดวงธาตุร่วงหล่นติดต่อกันนับไม่ถ้วน สี่กองกำลังล้วนมีอาวุโสถูกสังหาร รับความเสียหายอันไม่อาจบรรยาย

ส่วนพรรคโลหิตนภา ล้วนไม่ต่างจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ล้วนสูญเสียมือดีไปไม่ต่างกัน

พิสุทธิ์ไพศาลใต้กลั่นดวงธาตุ ยิ่งตกตายเกลื่อนกล่นยิ่งกว่า

เศษซากร่างมนุษย์กระจัดกระจายทุกที่ทาง โลหิตอาบชโลมทั่วพื้นดิน เม็ดทรายในทะเลทรายยิ่งแห้งผาก

“ถอย! ข้ารั้งท้ายเอง!”

จ่วนหลุนหวังฟังสัญญาณเพลงที่บรรเลงออก ต้องตวาดล่าถอย ไม่แยแสสนใจว่าจะทิ้งอะไรไว้บ้าง

“คิดหนี? เราผู้เฒ่าไม่ให้เจ้าไปโดยไร้ของฝาก ไม่งั้นก็เสียมารยาทแย่!”

อาวุโสใหญ่เจ็บปวดใจต่อสภาพการณ์บนพื้นดิน ใจคิดประหารมารร้าย หากก็จนใจ เพียงสามารถกระทำสุดความสามารถเพื่อเหนี่ยวรั้งศัตรูไว้ให้นานที่สุดเท่านั้น

“สี่วิเศษวิหารศักดิ์สิทธิ์!” จวนหลุนหวังศีรษะหมุนวนด้วยกงล้อสีทอง สองเท้าเหยียบย่ำบนกงล้อสีเงิน ร่างล้อมรอบด้วยกงล้อเจ็ดสมบัติจักรพรรดิราชยี่สิบสี่เฉียนคุน ดวงตารวมรั้งประกายสามพันหกร้อยอนุกฎวัฏฏะ

สี่มหากงล้อ ก่อร่างสร้างขึ้นเป็นมรรคาราชันยมราช

คนลิขิตดิน ดินลิขิตฟ้า ฟ้าลิขิตมรรคา มรรคาลิขิตธรรมชาติ นั่นก็คือการหยั่งรู้ของกฎสรรพสิ่งต่อฟ้าดิน!

“ล้าง!” แส้ปัดหางม้าโบกสะบัดกวาดกราดจากศูนย์กลาง เกล็ดหิมะโปรยปราย ฉาบทาฟ้าดินสีเทาทึมจนเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม

แคร่กแคร่ก!

ด้ามแส้ปัดหักกลาง กงล้อสี่สมบัติบดขยี้เข้าใส่อาวุโสใหญ่ ดวงธาตุทองคำส่งเสียงหึ่งหึ่ง คล้ายทนทานต้านรับถึงขีดจำกัด

และพลังวิญญาณอันลื่นไหลของกลั่นดวงธาตุ เมื่อแส้ปัดหางม้าถูกหักกลาง ก็ไหลเวียนกลับเข้าเติมเต็มร่างของอาวุโสใหญ่

มหามรรคาดวงธาตุทองคำ สูงสุดไร้คู่เปรียบ ควบกลั่นทารกวิญญาณ พันปีไม่แตกดับ ท่องทั่วสี่ทะเลไม่ต้องขยับกาย

“สามพันดวงธาตุทองคำ ไร้กฎธรรมชาติสงบสุข!”

แส้หางม้าระเบิดออก เส้นด้ายสีเงินทั้งสามพันเส้นถูกพลังวิญญาณผสานเข้าในพริบตา สีสันดวงธาตุทองคำผนึกรวบ เริ่มก่อร่างขึ้นใหม่

ฉ่าฉ่า

กาลเวลาผันผ่านราวสายฟ้า เพียงพริบตาก็บังเกิดสามพันดวงธาตุท่วมท้นร่าง ประดุจดั่งดวงดาราแขวนลอยกลางทางช้างเผือก รอคอยเชิญชวนผู้คนล่องนาวา

แม่น้ำดาราสีเงินยวงขนาดมหึมา สายน้ำลึกยิ่งลึกล้ำ รองรับจักรวาลเงียบงันนับหมื่นปี

สี่กงล้อสมบัติของจ้วนหลุนหวัง หลุดร่วงเข้าสู่มหานทีแห่งดวงธาตุ

พลังแห่งกฎเกณฑ์หยั่งรู้มหามรรคาราชันเก้าอเวจี หากกลับถูกดวงธาตุทองคำกลมเกลี้ยงเล็กกระจ้อยร่อยเท่าเมล็ดถั่วสกัดขัดขวาง ทั้งยังถึงกับแทบล่มสลาย

“สายตาสูงส่งเหนือเศียร ไหนเลยจะทราบวิถีธาตุทองคำ หนึ่งบุปผาหนึ่งโลกา หนึ่งต้นกล้าหนึ่งชีวิต!”

“เป็นไปไม่ได้ สมบัติกงล้อของข้านี้ ได้มาจากการหยั่งกฎเกณฑ์แห่งเก้าอเวจี กลั่นดวงธาตุอย่างเจ้า จะสามารถทลายมันได้อย่างไร?”

เรือล่มยังคงตะปูสาม ต่อให้จ้วนหลุนหวังยามนี้มีเพียงร่างจำแลง หากทว่ากงล้อที่มันเอาออกมาจากกฎเกณฑ์เก้าอเวจี ยังสามารถเทียบเปรียบได้กับทักษะยุทธ์ช่วงชั้นขั้นสุดยอดแห่งเจตจำนงสวรรค์

ส่วนอาวุโสใหญ่นั้น กลับมิได้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์หรือสมบัติวิเศษใด

ที่มันใช้ออก มีเพียงมหามรรคาดวงธาตุทองคำที่ได้มาจากการบรรลุชั้นกลั่นดวงธาตุเท่านั้น ห่างไกลจากการประชันขับเคี่ยวกับกฎเกณฑ์

ดังนั้นดวงธาตุทองคำที่กระจ้อยร่อยไม่ควรค่าแก่การเหลือบตามอง สามพันดวงธาตุขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ดำรงตัวของตัวเอง สะกดฟ้าอย่างหมดจด

ทุกเมล็ด ล้วนแฝงด้วยเจตจำนงแห่งธรรมชาติ ปราศจากการลอกเลียน ไร้ซึ่งเจตนา

ผัวะผัวะผัวะผัวะ!

สี่มหากงล้อสมบัติของจ้วนหลุนหวังถูกสามพันดวงธาตุทองคำทลายบดขยี้เป็นฝุ่นธุลี จ้วนหลุนหวังไม่คาดคิดอย่างเด็ดขาด ภายใต้การกดข่มข้ามขอบเขตช่วงชั้น อีกฝ่ายกลับสามารถใช้ดวงธาตุทองคำได้ถึงขีดขั้นสุดยอดปานนี้

นี่มันเกินกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบ!

สามพันเมล็ดดวงธาตุ ปัดเป่ามหากงล้อสี่สมบัติจนสิ้นฤทธิ์

หลังจากกงล้อถูกทำลาย เมล็ดดวงธาตุอีกครึ่งหนึ่งที่หลงเหลิอยามนี้พัดม้วนกวาดจู่โจมเข้าใส่จ้วนหลุนหวังราวดาวตก

“เมื่อข้าไม่เคลื่อน ดวงธาตุทองไม่แตกดับ!”

ผมเผ้าหนวดเคราของอาวุโสใหญ่พัดกระพือสยายราวแส้ปัด ประกายภูมิปัญญาในดวงตาไล่ล่าดาวฟากฟ้ายิ่งมายิ่งไกลห่าง ยิ่งแผดผลาญเจิดจ้า

ครืนนนน!

มหามรรคาดวงธาตุทอง สั่นสะท้านราชันวัฏฏะ ร่างจำแลงผันผวนเปลี่ยนแปร พลังวิญญาณและแกนวิญญาณเริ่มหลอมละลาย

ร่างจำแลงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นว่างเปล่า ร่างจำแลงแห่งตัวประหลาดกฏสรรพสิ่งสุดฟ้า กลับต้องมาเลือนสลายภายใต้เงื้อมมือของกลั่นดวงธาตุ!

“น่าสนใจ บทเรียนในวันนี้ เราราชันจะจดจำไว้ วันข้างหน้าที่ข้าปรากฏต่อหน้าเจ้า จะเป็นร่างจริงของข้า ต้องมีวันออกมาเยี่ยมเยือนเผ่ามนุษย์!”

ไม่ว่าวัตถุธาตุใด เมื่อต้องเผชิญกับกฎเกณฑ์แล้ว ก็ไม่ต่างจากฟ้ากับดิน

จ้วนหลุนหวังได้รับความอัปยศสุดแสน ก่อนร่างจำแลงจะจางหาย ผู้คนทั่วทั้งบริเวณต่างร่างสั่นเทิ้มจากถ้อยคำที่ฝากไว้

กฎสรรพสิ่งมาเยือนด้วยตนเอง กฎสรรพสิ่งที่ถูกเรียกขานว่าราชัน คิดดูว่าเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นปานไหน

เพียงเกรงว่าอีกฝ่ายเพียงโบกมือคราเดียว ขุนเขาหมื่นยอดล้วนทลายราบ กลายเป็นเนินเขาไป

“สมเป็นจ้วนหลุนหวัง ไสหัวไปเร็วยิ่งนัก” อาวุโสใหญ่ด่าส่งอีกประโยค สามารถสร้างความลำบากเล็กๆ แก่จ้วนหลุนหวังได้รอบหนึ่ง แต่คิดสร้างความบาดเจ็บหนักแก่อีกฝ่ายเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้

ราชันหยินหยางเมื่อเห็นจ้วนหลุนหวังจรลี ผู้ฝึกวิชาปีศาจที่เหลือเองก็ตระเตรียมถอนกำลัง

สี่แหวกชำระกายาและอีกฝ่ายกำลังประมืออย่างดุเดือด อาวุโสใหญ่ถอดรองเท้า เคลื่อนที่พริบตามาถึงด้านหลังของราชันหยินหยาง ฝ่ามือที่ถือรองเท้าอยู่นั้นสะบัดวูบออกไปราวภูติผีไร้รอย

“ล้อรถนั่นไสหัวไปแล้ว ราชันสุนัขเจ้าก็มาให้ข้าส่งสักรอบหนึ่ง!”

“ต่ำช้า!”

สี่รุมหนึ่ง ถือว่าน่าอดสูพอแล้ว ไม่ต่างจากระหว่างทางไปโรงเรียน พบเห็นสุนัขดุร้ายสี่ตัวกลุ้มรุมใส่ยาจกผู้หนึ่ง

ที่สุดสุดของความเกินเลยไปจนผู้คนต้องชี้นิ้วก็คือ ไอ้คนปล่อยหมาออกมานั้น ยังจะถืออาวุธมาร่วมวงไพบูลย์ด้วยอีกคน

ราชันหยินหยางคร่ำครวญในใจ พิธีล่มแล้วจริงๆ แถมยังมาโดนรุมอีก

เอ๋? ในมือมันทำไมมีรองเท้าข้างหนึ่ง หมายความว่าอะไร หรือคิดใช้ของกำนัลสงบศึก

ราชันหยินหยางรับมือสี่แหวกชำระกายา ร่างจำแลงของมันก็เริ่มส่งสัญญาณของความอิดโรย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงอาวุโสใหญ่ที่แทรกตัวเข้ามาราวผีร้าย หากร่างจำแลงถูกทำลาย ร่างจริงย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย

เมื่อครู่มันเองก็เห็นแล้วว่าอาวุโสใหญ่สามารถขับเคี่ยวเผชิญหน้ากับจ้วนหลุนหวังโดยตรงได้ มหามรรคาแห่งดวงธาตุทองคำสามพันดวงนั้น กระทั่งจ้วนหลุนหวังที่หยั่งรู้ถึงมหามรรคาแห่งเก้าอเวจียังต้องพับฐาน หากจะบอกว่าราชันหยินหยางไม่กลัวย่อมเป็นไปไม่ได้

ทว่าอาวุโสใหญ่กลับมิได้ใช้กระบวนท่าดวงธาตุทองคำออก หากแต่กวัดแกว่งโยกไกวรองเท้าในมือ ภายในรองไว้ด้วยผ้านุ่ม ยามสวมใส่นิ่มสบายเท้าข้างนั้น

โชคดีโชคดี เกิดเป็นคนแล้วต้องรู้จักกาลเทศะ นั่นจึงเป็นเครื่องหมายไว้ต่อต้านงานพิธีกรรมที่ล่มสลายไปนั่น

ราชันหยินหยางจู่ๆ ก็พลันรู้สึกซาบซึ้งต่อบุคลิกภาพของอาวุโสใหญ่กะทันหัน คนสี่คนรุมล้อมใส่มัน หากหมอนี่ทุ่มกำลังสุดชีวิตอีกคน มิใช่ว่าเกินไปหรอกหรือ เรียกว่าน่าไม่อายอย่างสุดขีดได้เลย

ผู้ใดจะคาดอาวุโสใหญ่กลับมิได้ออกกระบวนท่าดวงธาตุ เพียงกวัดไกวส้นรองเท้า ฟาดลงไปบนหลังของราชันหยินหยาง

เผียะ!

เสียงกระดูกแตกหักเนื้อแตกร่น สองแหวกชำระกายาของพรรคทรราชต้องใบหน้ากระตุกถี่ ถอยร่างออกมาโดยอัตโนมัติ มองดูการเคลื่อนไหวของเงาร่างนี้ให้กระจ่างชัด

ผู้ฝึกวิชาปีศาจชื่นชอบการทรมารเหยื่อ อาวุโสใหญ่เองก็ชื่นชอบในการตบอีกฝ่ายให้กระจุย แม้ต่างมีรสนิยมอันแตกต่าง หากกล่าวได้ว่าล้วนชมชอบต่อยตีเช่นเดียวกัน

ราชันหยินหยางรู้สึกเหมือนจู่ๆ ถูกกระแทกเข้าไปในห้วงมึนงง ท่ามกลางชายหาดขาว ไล่ตามสาวงามตระกูลสูงในชุดกระโปรงขาวอันเป็นรักแรกพบ สรุปแล้วคือมันถูกตีจนหัวหมุนงุนงงไปแล้วนั่นเอง

ความรู้สึกด้านชา แผ่ลามออกมาจากด้านหลังถึงกลางกระหม่อม ก่อนจะไหลลงมายังจมูกและทั่วร่าง ตลอดทั้งกายาพลันกลับกลายเป็นอ่อนนุ่ม

เพียะ!

อาวุโสใหญ่เงื้อรองเท้านุ่ม ตวัดตบลงบนใบหน้าซีกขวาของราชันหยินหยาง ครึ่งที่หนึ่ง

แหวกชำระกายาและค่ายพรรคเดชมารต่างล่าถอยไปไกลห่างในรัศมีนับร้อยจั้ง ผู้ใดถูกตบเช่นนั้น ตลอดชั่วชีวิตนี้คงไม่อาจสู้แสงตะวันได้อีก

“เจ้า คอยดูเถอะ รอจนร่างจริงข้ามา ข้าจะฆ่าล้างพวกเจ้าทั้งเผ่า!”

“ดี ข้าจะรอ”

อาวุโสใหญ่ใบหน้าเรียบเฉย เพียงพริบตาก็เรียกใช้มหามรรคาดวงธาตุทองคำ รัดพัวพันร่างจำแลงราชันหยินหยางไว้ “แต่วันนี้ข้าขอจัดการราชันสุนัขเจ้าก่อน ให้พรรคโลหิตนภาเจ้ารู้ว่าใครกันแน่ที่ร้ายกาจ!”

“เป็นราชันกฎเกณฑ์!”

ไป๋หลี่ชิงเฉิงที่เบื้องล่างโอบผีผา น้ำตาไหลลงอาบสองแก้มเป็นที่น่าเวทนานัก

ผู้คนทั้งหลายมองเห็นโฉมงามในสภาพนั้น ในใจต้องสมเพชเวทนา ความโมโหโกรธาทั้งหมดถูกสะกดไว้ในอก ไม่งั้นก็ต้องถูกสายตาฆ่าฟันของบุรุษอื่นจ้องมองจนต้องกลืนมันลงท้องไปเอง

ความพินาศที่สมาพันธ์อู่ซิ่งนำมา แน่นอนว่าจบสิ้นลงเช่นนี้!