เฉินฮวนฮวนเห็นท่าทางที่น่าอับอายอย่างนั้นของเขาแล้ว ก็เม้มปาก ไม่พูดอะไร
ความอับอายของเฟิงหานชวนถูกเธอเห็นเข้า มันคืออะไรที่เรียกว่าความอับอายอย่างแท้จริงนั่นเอง
“ของที่ซ่อนอยู่ข้างหลังเธอ มันคืออะไร” เฟิงหานชวนรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติสักอย่างตั้งนานแล้ว กล่องสีดำอันนั้น มันดูแปลกๆ
เหมือนกับ…..เหมือนกับกล่องที่เอาไว้ใส่อัฐิของคนตาย
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน เป็นของของฉัน ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วยล่ะ ทำไมฉันต้องบอกให้ผู้ชายเฒ่าที่ใจร้ายอย่างนี้ด้วย”เฉินฮวนฮวนปกป้องกล่องสีดำอันนี้อย่างดี เอามันซ่อนไปยังข้างหลัง แล้วตอบเหมือนเสียงคำรามกับผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า
ผู้ชายเฒ่า ที่ใจร้ายหรอ
เฟิงหานชวนกัดริมฝีปากหลายที
ใจร้ายและเฒ่า ไม่ควรจะเป็นคำหรือประโยคที่จะมาบ่งบอกถึงตัวตนของเขา
“ที่นี่เป็นบ้านของตระกูลเฟิง ถ้าเธอซ่อนของอะไรที่ไม่ดีไม่ร้าย ฉันมีสิทธิ์ที่จะให้เธอออกจากบ้านนี้” ในสายตาทั้งสองข้างของเฟิงหานชวนเหมือนจะก่อให้เกิดเศษหิมะแตกที่คมกรีดได้
ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดขาวไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่ว่าพอเธอลองกลับมาคิดดูอีกที ในเมื่อทางด้านตระกูลเฉินปิดประตูไม่ยอมให้เข้าพบ ก็แสดงว่าพวกเขาผิดสัญญาก่อน
ตัวเองก็ไม่คิดที่จะอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงแล้ว ไม่ใช่หรือ
แต่เป็นเพราะว่าต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เธอเรียนมหาลัยแต่ไม่มีเงินจ่ายค่าหอพัก เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย A ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในพื้นที่ ทุกวันจึงนั่งรถประจำทางกลับไปพักที่บ้านตระกูลเฉิน
ถ้าถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเฟิง เธอก็ไม่มีที่ที่จะไปอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้นในตอนนี้อัฐิของคุณยายก็ยังไม่ได้ฝัง เธอกับคุณยายก็จะกลายเป็นคนเร่ร่อนที่ไม่มีที่ซุกหัวนอน
เธออยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง ทั้งอาหารการกินและเครื่องดื่มก็ไม่ได้ขาด เฟิงเฉินเหยี่ยนเองก็ไม่ได้คิดที่จะกลับมาบ้าน เธอจึงไม่จำเป็นต้องรับมือกับสามีคนนี้
จริงๆแล้ว ก็ไม่ได้เลวเท่าไหร่
“เป็นแค่ของเล่น เป็นของเล่นที่ฉันซ่อนไว้ คุณไม่ต้องดูหรอก……”เธอแกล้งทำเป็นเขินอาย แล้วตอบคำถามของเฟิงหานชวน
เธอจะบอกกับเฟิงหานชวนไม่ได้ว่า ข้างหลังของเธอเป็นกล่องใส่อัฐิ ถ้าเธอพูดออกมา คนบ้านตระกูลเฟิงต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ
ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะอารมณ์โมโหชั่ววูบ แล้วไล่เธอออกไปจริงๆก็เป็นไปได้
“ของเล่นหรอ” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วชั่วขณะหนึ่ง
เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ย่อมเข้าใจว่าของเล่นที่ว่านั้นไม่ใช่ของเล่นของเด็กแน่นอน
“เป็นของที่คนใช้หญิงส่งมาให้เมื่อวาน บอกว่านายท่านเป็นคนให้ส่งมา เมื่อกี้ฉันกำลังคิดว่าจะ……”คำอธิบายของเฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกผู้ชายพูดแทรกขึ้นมา
“เธอก็เลยคิดว่าตอนกลางคืนจะใช้เองหรอ”เฟิงหานชวนยิ้มหัวเราะเยาะคำหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหาเธอ เข้าใกล้เธอ พูดด้วยเสียงหนักแน่น “ถ้าไม่อย่างนั้น ก็ให้ฉันเป็นคนสนองเธอไหมล่ะ”
ขณะที่พูด เขาก็ยื่นมือไปจับแขนของเฉินฮวนฮวน ใช้แรงเฮือกหนึ่ง เหวี่ยงเธอลงไปนอนกับเตียง
ขณะนั้นเฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้กล่องบนมือหลุด ตกลงไปกับพื้น ผงกระดูกในกล่องกระเด็นออกมา
ทำให้เธอตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว
เฟิงหานชวนก้มหน้าลงไปดู เห็นผงเถ้ากองอยู่บนพื้นกองหนึ่ง ขมวดคิ้วทันที บนใบหน้าเหมือนมีสีหน้าที่อธิบายไม่ถูกแวบผ่านไป
“นี่คืออะไร”เขาชี้ไปยังผงเถ้ากองนั้น แม้ว่าในใจจะเดาออกแล้วบางส่วน แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้เขาก็ตกใจเหมือนกัน
“คุณยาย——”
นัยต์ตาสีแดงคู่นั้นของเฉินฮวนฮวน มีน้ำตาคลอเบ้าทันที เธอลุกขึ้นมาจากเตียง ตรงเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้ากองเถ้ากระดูกกองนั้นทันที
เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจ ใช้มือทั้งสองข้างคลุมลงไปบนกองเถ้ากระดูก จากนั้นก็โกยขึ้นมาอย่างไม่คิดเสียดายชีวิต ใส่เข้าไปในกล่องเหมือนเดิม
มองดูผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้า สีหน้าของเฟิงหานชวนดูไม่ดีเลย เขาตำหนิอย่างแรงว่า ” เธอเอาอัฐิของคนตายเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิงของเรา แล้วก็เอาเข้ามาในห้องแต่งงานนี้เนี่ยน่ะ”
เป็นผู้หญิงอะไรกันเนี่ย เป็นผู้หญิงบ้าหรอ
“คุณยาย คุณยาย ……”
เฉินฮวนฮวนไม่ได้ตอบคำพูดของชายหนุ่ม เธอเหมือนกับว่าจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ได้แต่ร้องไห้อย่างหนัก โกยผงอัฐิที่กระเด็นอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างไม่คิดเสียดายชีวิตแล้วใส่เข้าไปในกล่อง
“เฉินฮวนฮวน เธอลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ มาอธิบายให้ฉันฟังอย่างละเอียดหน่อย”เฟิงหานชวนยื่นแขนที่ยาวทั้งสองข้างออกไป จับแขนของหญิงสาว พยุงเธอขึ้นมา