จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 155

ครีน……

ปราณเพลิงสีม่วงแผ่ขยายตัวออกคลอบคลุมพื้นที่ จากนั้นสายฟ้าจํานวนนับไม่ถ้วนก็ผ่าลงมา รัศมีหนึ่งกิโลเมตรแปรเปลี่ยนเป็นสนามไฟฟ้า ฉินเทียนลอยตัวอยู่ด้านบนพลางมองดูสถานการณ์ด้านล่างด้วยรอยยิ้มที่ฉีกกว้าง

พวกยักษ์สมุทรแตกตื่นลนลาน ดวงตาสีแดงของพวกมันเผยแววหวาดกลัว ทะเลแถบนี้พลันเกิดความปั่นป่วน

“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้ว?”

“ช้าไปหน่อยนะ”

ฉินเทียนฉีกยิ้มกว้าง “ปะทุ!”

ครืน..

ครืน………….

อัสนีบาตที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินพลันผ่าลงมา

ภายใต้ผลของบ้าคลั่งขั้นที่สอง อานุภาพของสายฟ้าในเวลานี้ได้เหนือกว่าสายฟ้าตามธรรมชาติไปแล้ว

เส้นแสงจํานวนนับไม่ถ้วนพ่งลงมาอย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งบริเวณเจิดจ้าไปด้วยแสงสีม่วง ยักษ์สมทรตัวแล้วตัวเล่าที่ล้มลง

เห็นแถบค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นทีละนิด ฉินเทียนก็ยิ้มเบิกบาน

ยักษ์สมุทรเหล่านี้ล้วนเป็นสัตว์อสูรระดับที่ห้า พวกมันถึงกับให้ค่าประสบการณ์ดีกว่าพวกอสูรที่แดนปีศาจเสียอีก

แต่หากไม่ได้ผลของบ้าคลั่งขั้นที่สองช่วยเกื้อหนุน สายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาก็คงไม่รุนแรงถึงขนาดสังหารสัตว์อสูรระดับห้าได้ง่ายดายเพียงนี้ อีกทั้งสัตวอสูรจําพวกยักษ์ยังมีผิวหนังคงทนยิ่งกว่าสัตวอสูรจําพวกอื่นๆ

“ขอแสดงความยินดีที่ได้รับค่าประสบการณ์ 50,000 หน่วย พลังปราณ 1,100 จุด ค่าการรอดชีวิต 3จุด…..”

“ขอแสดงความยินดีที่ได้รับค่าประสบการณ์ 50,000 หน่วย พลังปราณ 1,100 จุด ค่าการรอดชีวิต 3จุด….”

“ขอแสดงความยินดีที่ได้รับแก่นโลหิต…”

…………………….

“แก่นโลหิต?!”

ข้อความแจ้งเตือนดังขึ้นระรัว แต่ฉินเทียนก็ยังได้ยิน แก่นโลหิต ชัดถ้อยชัดคํา ฉินเทียนรีบเปิดแหวนมิติขึ้นมาก่อนจะพบเห็นแก่นโลหิตหยดหนึ่ง

“ตัวตะกละน้อย โลหิตหยดนี้ใช้ได้หรือไม่?”

ฉินเทียนถามอย่างไม่แน่ใจนัก อย่างไรเสียนี่ก็เป็นหยดโลหิตจากสัตว์อสูรจากทะเล ไม่ใช่พวกอสูรในแดนปีศาจ

ตัวอ่อนปีศาจขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า สีหน้าไม่ได้ยินดีสักเท่าใดนัก

“ความบริสุทธิ์ต่ําไปรึ?” ฉินเทียนถาม

ตัวอ่อนปีศาจพยัหน้าอีกครั้ง ดูเหมือนตอนนี้มันจะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พลังงานภายในร่างยิ่งมายิ่งหนาแน่นคล้ายกําลังจะทะลวงไปยังเขตขั้นใหม่

สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างตัวอ่อนปีศาจ ฉินทียนก็ไม่เซ้าซี้อีกต่อไป

ในดินแดนทางเหนือเมื่อหมื่นกว่าปีก่อนตอนที่มหาสงครามยุคโบราณยังไม่บังเกิด แดนเหนือแห่งนี้เคยเป็นอาณาจักรของเผ่าปีศาจ เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยพลังปีศาจ หลังจากที่มหาสมุทรกลบกลืนผืนดิน พวกสัตว์อสูรทะเลก็ถือกําเนิดตามมา สัตว์อสูรบางตัวดูดซับพลังปีศาจเหล่านั้นเข้าไปและวิวัฒนาการเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์ใหม่ซึ่งมีแก่นโลหิตอยู่ภายในร่าง ทว่าแก่นโลหิตเหล่านั้นต่างก็เจือจางยิ่ง

สังหารสัตว์อสรระดับไปนับร้อย ทว่ามีเพียงแก่นโลหิตเพียงหยดเดียวที่ดรอปออกมา

สิบกว่านาทีต่อมา ปราณเพลิงสีม่วงก็หายไป เคล็ดวิชชุทะลวงฟ้าได้แสดงอํานาจของมันจนท้องทะเลไหม้เกรียม รอบด้านมีแต่ซากศพยักษ์สมุทรลอยอยู่กลาดเกลื่อน ฉินเทียนหันมองไปทางตําแหน่งที่เมิ่งฝานอีและเฮยหยานอยู่ก่อนจะตะโกนบอก “พวกท่านเข้ามาได้แล้ว”

จากนั้นฉินเทียนจึงนํามีดสสั้นออกมางัดแงะเอาแก่นอสูรอย่างกระปรี้กระเปร่า

เมิ่งฝานอีเมื่อมาถึงก็กล่าวขึ้นว่า “เจ้านี่บ้าระห่ําไปแล้ว”

“เห็นด้วย” เฮยหยานกล่าวรับ พลางมองดูซากศพยักษ์สมุทรที่ลอยอยู่เกลื่อนกลาด ในใจตกตะลึงอย่างหนัก เวลาเพียงไม่กี่ปีฉินเทียนก็บรรลุถึงระดับนี้แล้ว เจ้าเด็กนี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!

“มีอย่างน้อยก็ร้อยกว่าแก่น รีบขุดกันเถอะ ไม่นานกลิ่นเลือดคงแพร่ออกไป ไม่รู้ว่าจะดึงดูดสัตว์ประหลาดแบบใดออกมา” ฉินเทียนเดาะแก่นที่อยู่ในมืออย่างอารมณ์ดี

“แก่นอสูร ฮ่าๆ……”

เมิ่งฝานอีและเฮยหยานไม่พูดพร่ําทําเพลงรีบลงมือขุดอย่างเอาเป็นเอาตาย

………………………

เหนือผิวทะเล เงาร่างจํานวนห้าร่างลอยตัว ทั้งหมดล้วนสวมใส่ชุดสัญลักษณ์ของกลุ่มชิงเทียน หนึ่งในคนกลุ่มนั้นกําลังหลับตาแผ่ญาณสัมผัส

คนที่เหลือล้วนแต่นิ่งเงียบรอคอย

“พวกมันลงไปถึงเขตน้ําลึกแล้ว ทั้งยังสังหารสัตว์อสูรระดับห้าไปนับร้อย ไม่แปลกใจทําไมหวังซีถึงตายในมือมัน ไม่ผิดจากที่หยางฮั่นบอก ฉินเทียนผู้นี้เติบโตรวดเร็วเกินไป”

ชายชราที่อยู่กําลังหลับตาอยู่เปิดลืมตาขึ้น “น่าเสียดายที่ไม่ยอมเข้าร่วมกับพวกเรา ดังนั้นจึงต้องตายสถานเดียว”

“ท่านผู้ดูแล พวกเราต้องลงมือต่อเจ้าหกคนนั้นที่เพิ่งเข้าเป็นศิษย์สายในหรือไม่ขอรับ?”

“หยางฮั่นเข้าไปฝึกฝนในเกาะลอยฟ้าแล้ว อีกครึ่งปีคงก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก ในภายภาคหน้าตําแหน่งในกลุ่มชิงเทียนของเขาจะต้องไม่ต่ําทรามแน่ อีกทั้งเขายังเป็นบุตรเขยของประมุขตําหนักเทียนหยาง”

“ประมุขน้อยกําลังทําความเข้าใจความลี้ลับของอํานาจสวรรค์ อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าประมุขน้อยจะต่อสู้กับอู๋เทียนที่ยอดเขาจิ่วฮัว อู๋เทียนต้องไม่รอดแน่ ภายหน้าคงยากที่จะมีผู้ใดกล้าต่อต้านกลุ่มชิงเทียนเราอีก ตําหนักเทียนหยางเองไม่ช้าก็จะอยู่ในการควบคุมของพวกเรา”

“ประมุขน้อยฝึกฝนมาได้ร้อยกว่าปีก็บรรลุขั้นจักรวาลแล้ว ข้ามั่นใจว่าภายในพันปี ประมุขน้อยจะต้องบรรลุขั้นไร้มลทินและกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ถึงตอนนั้นสํานักเทียนจีก็ถึงเวลาเปลี่ยนชื่อแล้ว เหอๆ…..”

……………………………..

“เอาล่ะ งานนี้สําคัญมาก เป็นตัวตัดสินว่าพวกเราจะได้รับการสนับสนุนจากตําหนักเทียนหยางหรือไม่ ครั้งนี้ฉินเทียนต้องตาย!” จิตสังการปรากฏขึ้นในแววตา ชายชราเห็นตัวขึ้นฟ้า

อีกสี่คนที่เหลืออันได้แก่ เฟิง หยุน เหลย เตี้ยน ต่างก็ติดตามไป

ชายชราผู้นํากลุ่มเป็นผู้ดูแลลําดับที่สี่ ระดับสูงสุดขั้นสวรรค์

เฟิง หยุน เหลย เตี้ยน ทั้งสี่ล้วนอยู่ระดับสี่ขั้นสวรรค์ พวกเขาเป็นกลุ่มมือสังหารของกลุ่มชิงเทียน

เป้าหมายของการเดินทางในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียว สังหารฉินเทียน!

นี่เป็นคําขอของหยางฮันก่อนที่เขาจะเข้าไปฝึกฝนในเกาะลอยฟ้า ซึ่งประมุขน้อยแห่งหลุ่มชิงเทียนก็ตอบรับคําขอนี้

ต่อให้หยางฮั่นไม่ร้องขอ ประมุขน้อยก็มีความคิดจะสังหารฉินเทียนทิ้งอยู่แล้ว

ฉินเทียนสังหารผู้ดูแลลําดับที่สิบสอง ทั้งยังท้าทายอํานาจของกลุ่มชิงเทียน ส่วนเหตุผลที่ว่าทําไมเขาจึงไม่สังหารฉินเทียนทิ้งตอนที่อยู่ในหอภารกิจนั้น เพราะฉินเทียนไม่คู่ควร! ภายในสํานักเทียนแห่งนี้มีเพียงอู๋เทียนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ของเขา

อู๋เทียนเป็นอัจฉริยะที่สามารถบรรลุขั้นจุติได้ภายในเวลาร้อยปี

แต่ประมุขน้อยแห่งกลุ่มชิงเทียนมั่นใจว่าอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้จะไม่มีชื่อของอู่เทียนอยู่ในโลกอีกแล้ว

คนทั้งห้าไม่ได้พุ่งตัวดิ่งลงทะเล หากแต่ทะยานร่างไปตามผิวน้ํา การไล่ล่าเช่นนี้ย่อมรวดเร็วกว่าตามลงไปในทะเล….

“หมดหรือยัง?”

“เตรียมไปกันเถอะ”

หลังจากขุดแก่นอันสุดท้ายออกมา ฉินเทียนก็เปิดหน้าต่างระบบขึ้นดู เมื่อเห็นแถบค่าประสบการณ์ที่เกือบจะเต็มหลอด ฉินเทียนก็ตื่นเต้นขึ้นมา

ทุกคราที่เลเวลเพิ่มขึ้น ฉินเทียนจะมีความสุขมาก

เมื่อถึงระดับเจ็ดขั้นกลั่นวิญญาณ เขาก็จะอยู่ห่างจากขั้นสวรรค์อีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น

“เรียบร้อย”

“ขุดมาหมดแล้ว”

เมิ่งฝานอีและเฮยหยานตอบกลับ

“ดี” สายตาหันมองไปยังส่วนลึกของทะเลก่อนจะกล่าวว่า “ไปกันต่อ….”