เวลานี้​เฉินลั​่​วที​่​หวัง​ซีกำ​ลัง​เป็นห่วง​อยู่​เพิ่งจะ​กลับ​ออกมา​จาก​หวัง​หลวง​พร้อมกับ​มารดา​ ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​กลับ​ห้อง​ไป​ผลัดเปลี่ยน​อาภรณ์​ ​ก็​ถูก​จ่าง​กง​จู่​รั้ง​เอาไว้​พูดคุย​ด้วย

“​เรื่อง​ของ​เฉิน​อิง​ ​เจ้า​มิได้​เป็น​คน​ทำ​จริงๆ​ ​ใช่​หรือไม่​”​ ​น่าเสียดาย​ที่​ประโยค​แรก​ที่​จ่าง​กง​จู่​เอ่ยปาก​พูด​เป็นการ​ส่วนตัว​จะ​เป็นการ​สงสัย​ ​นาง​ขมวดคิ้ว​มุ่น​พลาง​จ้องมอง​เฉินลั​่ว​ ​“​ทุกคน​ต่าง​รู้ดี​ว่า​เรื่อง​นี้​มี​เพียง​เจ้า​เท่านั้น​ที่​ได้ประโยชน์​”

หลาย​วัน​มานี​้​เฉินลั​่​วอ​ยู่​ใน​วัง​เป็นเพื่อน​มารดา​ ​เขา​รู้สึก​ซาบซึ้งใจ​กับ​เรื่อง​ที่มา​รดา​ปกป้อง​เขา​ก่อนหน้านี้​เป็นอย่างมาก​ ​ถึงขั้น​คิด​ว่า​ไม่ว่า​ก่อนหน้านี้​มารดา​จะ​ละเลย​เขา​อย่างไร​ ​เขา​ก็​ยกโทษให้​มารดา​ได้​ทุกอย่าง​ ​แต่​ความคิด​เช่นนั้น​ก็​จะ​คงอยู่​ได้​แค่​ไม่​กี่​วัน​ก็​โบยบิน​จากไป​เสีย​แล้ว​ ​เขา​ไม่มี​แม้แต่​อารมณ์​จะ​อธิบาย​อะไร​ทั้งสิ้น

“​ที่แท้​เมื่อ​หลาย​วันก่อน​ที่​ท่าน​ไม่​พูด​ ​ก็​เพียง​เพราะ​ไม่​อยาก​ให้​มีเรื่อง​อื้อฉาว​ของ​ครอบครัว​กระจาย​ออก​ไป​ข้างนอก​ ​จึง​ไม่​สะดวก​ถาม​ข้า​ก็​เท่านั้น​”​ ​เขา​พึมพำ​กล่าว​ ​ดวง​หน้า​เต็มไปด้วย​ความผิดหวัง​ ​“​หาก​ท่าน​คิด​ว่า​เป็น​ข้า​ ​เช่นนั้น​ก็​เป็น​ข้า​ก็แล้วกัน​!​”

อย่างไร​เสีย​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ฮ่องเต้​หรือ​มารดา​ของ​เขา​ ​หรือ​แม้กระทั่ง​ขุนนาง​ใน​ราชสำนัก​ ​ล้วน​คิด​ว่า​เขา​เป็น​คน​ขุด​หลุม​ให้​เฉิน​อิง​กระโดด​ข้าม​อยู่ดี​ ​ที่​พวกเขา​ไม่เห็น​เฉิน​อิง​อยู่​ใน​สายตา​ ​ก็​เพียง​เพราะ​เฉิน​อิง​ไม่​ฉลาด​พอก​็​เท่านั้น

เขา​ไม่​พูด​อะไร​อีก​ ​ทำความเคารพ​มารดา​อย่างนอบน้อม​ ​กล่าว​ประโยค​หนึ่ง​ไป​ตามมารยาท​ว่า​ ​“​หลาย​วัน​มานี​้​ลำบาก​ท่าน​แม่​แล้ว​ ​ในเมื่อ​กลับมา​ถึง​จวน​แล้ว​ ​เช่นนั้น​ก็​พักผ่อน​แต่​หัวค่ำ​เถิด​!​ ​ไหน​จะ​ต้องเต​รี​ยม​งาน​หมั้น​หมาย​ให้​พี่ชาย​ใหญ่​อีก​”​ ​จากนั้น​ไม่​รอ​ให้​จ่าง​กง​จู่​ตอบ​ ​เขา​ก็​ออกจาก​เรือน​หลัก​ของ​มารดา​ไป​อย่างรวดเร็ว​แล้ว

ค่ำคืน​ของ​ต้น​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​สายลม​ที่​พัดผ่าน​นำพา​ความ​เย็น​มาด​้วย​หลาย​ส่วน​ ​ช่วย​ขจัด​ปัดเป่า​ความร้อน​ของกลาง​วัน​ไป​ได้​ ​ทว่า​กลับ​ไม่​อาจ​ปัดเป่า​ความผิดหวัง​ออกจาก​หัวใจ​ของ​เฉินลั​่ว​ได้

เขา​เดิน​ไป​เรื่อยๆ​ ​จน​มาถึง​กำแพง​ที่​กั้น​ระหว่าง​ศาลา​กวาง​ร้อง​กับ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​โดยไม่รู้ตัว

ต้น​หลิว​ที่​คุ้นเคย​ยัง​เป็น​พุ่ม​ดุจ​ร่ม​เช่น​เดิม​ ​กิ่ง​หลิว​กึ่งหนึ่ง​ทิ้งตัว​ลงมา​ทาง​ศาลา​กวาง​ร้อง​ ​อีก​กึ่งหนึ่ง​ทิ้งตัว​อยู่​ใน​สวน​ร่ม​หลิว

หวัง​ซี​เป็น​คน​รู้ทัน​ข่าวสาร​อยู่​เสมอ​ ​เรื่อง​ของ​ซือ​จู​ผ่าน​มา​หลาย​วัน​แล้ว​ ​เขา​ยัง​ไม่ได้​ส่งข่าว​มา​ให้​นาง​เลย​สัก​ฉบับ​ ​นาง​คง​รอ​ข่าว​จาก​เขา​จน​ร้อนใจ​แล้ว​กระมัง

เฉินลั​่ว​คิด​ ​ร่างกาย​เคลื่อนตัว​ไว​กว่า​สมอง​ ​เขา​ปีน​กำแพง​เข้าไป​ใน​สวน​ร่ม​หลิว​อย่างว่องไว

สวน​ร่ม​หลิว​ยามค่ำคืน​ ​ฉากหลัง​เป็นต้น​ไม้​เขียวขจี​ ​โคมไฟ​มังกร​สีแดง​อร่าม​ห้อย​อยู่​บน​ที่สูง​ ​ทั้ง​เงียบ​และ​สงบ

เขา​เดิน​ไป​ยัง​ที่พัก​ของ​หวัง​ซี​อย่างเบามือ​เบา​เท้า​ ​หยิบ​หิน​ก้อน​หนึ่ง​โยน​ใส่​หน้าต่าง​ของ​หวัง​ซี

หวัง​ซี​อ้า​ปาก​หาว​ขณะ​เปิด​หน้าต่าง​ออก​ ​ยื่น​ใบหน้า​ออก​ไป​กึ่งหนึ่ง​ ​กล่าว​กับ​เขา​ด้วย​อาการ​ที่​ยัง​ตื่น​ไม่​เต็มตา​ว่า​ ​“​รู้อยู่​แล้ว​ว่า​ต้อง​เป็น​เจ้า​!​ ​ข้า​บอก​เจ้า​แล้ว​ว่า​บน​หน้าต่าง​ของ​ข้า​ฝัง​กระจก​จาก​ดินแดน​ตะวันตก​ ​เรื่อง​ราคาแพง​ยัง​ถือเป็น​เรื่อง​รอง​ ​ที่​สำคัญ​คือ​มี​ขาย​แค่​ที่​เหวิน​โจว​เท่านั้น​ ​กว่า​จะ​ได้มา​หนึ่ง​แผ่น​ ​ต้อง​ใช้เวลา​ไป​ๆ​ ​กลับ​ๆ​ ​สาม​ถึง​สี่​เดือน​ ​หาก​ทำ​แตก​ต้อง​ชดใช้​ด้วย​”

เฉินลั​่​วนั​่ง​ลง​บน​โต๊ะ​หิน​ใต้​ซุ้ม​องุ่น​ด้วย​ท่วงท่า​สบาย​ๆ​ ​กล่าวว่า​ ​“​ก็​แค่​เรื่อง​เงิน​มิใช่​หรือ​ ​ขอบ​อก​เจ้า​เอาไว้​ ​ขอ​เพียง​เป็นเรื่อง​ที่​ใช้​เงิน​แก้ปัญหา​ได้​ ​นั่น​ล้วน​มิใช่​ปัญหา​”​

คำพูด​นี้​ช่าง​คุ้นหู​ยิ่งนัก​!

เหตุใด​ถึง​เหมือนกับ​คำพูด​ของ​ท่าน​ปู่​ของ​นาง​อย่าง​กับ​แกะ​ขนาด​นี้

หวัง​ซีนอน​หลับสนิท​ไป​แล้วจึง​ยัง​ตื่น​ไม่​เต็มที่​เท่าไร​นัก​ ​ได้ยิน​แล้ว​กล่าว​ออกมา​โดยสัญชาตญาณ​ว่า​ ​“​แต่​เจ้า​ก็​ต้อง​มีเงิน​ด้วย​ถึง​จะ​แก้ปัญหา​ได้​ ​บน​โลก​ใบ​นี้​ ​แม้น​กล่าวว่า​ทุกอย่าง​มีราคา​ค่างวด​ ​แต่​ของ​บางอย่าง​ต่อให้​มีเงิน​ก็​หา​ซื้อ​ไม่ได้​ ​เจ้า​อย่า​ได้​ประมาท​เชียว​!​”

เฉินลั​่ว​ไม่ได้​มา​เพื่อ​คุย​เรื่อง​นามธรรม​เข้าใจยาก​เหล่านี้​กับ​นาง​ ​เขา​กล่าว​ ​“​ข้ามา​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​เจ้า​แล้ว​ ​เจ้า​ไม่มี​อะไร​อยาก​ถาม​ข้า​เลย​หรือ​ ​หาก​เจ้า​ไม่มี​เรื่อง​อะไร​ ​เช่นนั้น​ข้า​ต้อง​ขอตัว​กลับ​ก่อน​แล้ว​”

หวัง​ซีพ​ลัน​ตื่น​เต็มตา​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​มี​ ​มี​ ​มี​”​ ​ไป​ด้วย​ ​ปล่อยมือ​จาก​บานหน้าต่าง​ไป​ด้วย​ ​รีบ​ก้าว​ออก​ไป​จาก​ห้อง​ชั้นใน

ไป๋​จื่อ​ที่​เฝ้า​เวร​ยาม​อยู่​ถูก​ปลุก​ให้​ตื่นขึ้น​มา​แล้ว​ ​นาง​ถู​ดวงตา​พลาง​กล่าว​ ​“​คุณหนู​ ​มีเรื่อง​อะไร​ท่าน​สั่งการ​ข้า​ก็​พอ​เจ้าค่ะ​”

หวัง​ซีส​่า​ยศีร​ษะ​ ​รู้สึก​ว่า​เนื่องจาก​เป็นเรื่อง​ที่เกิด​ขึ้น​ใน​วัง​ ​ยิ่ง​คน​รู้​น้อย​เท่าไร​ยิ่ง​ดี​ ​นอกจาก​ไม่ต้องการ​ให้​นาง​ไป​ปรนนิบัติ​แล้ว​ ​ยัง​กล่าว​ด้วยว่า​ ​“​เจ้า​ไป​พัก​เถอะ​!​ ​ข้า​ไป​คุย​กับ​ใต้เท้า​เฉิน​สอง​ประโยค​ก็​กลับมา​แล้ว​”

ไป๋​จื่อ​ไม่​อาจ​เดินตาม​ต่อไป​ได้​อีก​ ​หวัง​ซี​ถือ​ตะเกียง​พา​เฉินลั​่ว​เดิน​ไป​ที่​ห้องครัว

เฉินลั​่ว​ไม่เข้าใจ

สาวใช้​เด็ก​ที่​เฝ้า​เวร​ยาม​อยู่​ใน​ครัว​กำลัง​สัปหงก​อยู่​ ​พอ​เห็น​พวกเขา​ก็​รีบ​ยืน​ขึ้น​ ​กล่าวว่า​ ​“​เตา​ใน​ครัว​ยัง​ร้อน​อยู่​ ​ข้า​จะ​ไป​เรียก​แม่ครัว​มา​เดี๋ยวนี้​เจ้าค่ะ​”

หวัง​ซีก​ล่าว​ ​“​เจ้า​ยก​สำรับ​มาตั​้​งก​่อ​นก​็​แล้วกัน​”

ที่​เรือน​ครัว​มี​ห้องโถง​ขนาดเล็ก​อยู่​ห้อง​หนึ่ง​ ​ปกติ​คนใน​ครัว​จะ​ใช้​กัน​ ​เวลานี้​จัดเก็บ​เอาไว้​อย่าง​สะอาดสะอ้าน​ ​แล้วก็​เป็นระเบียบเรียบร้อย​ยิ่ง

หวัง​ซีพา​เฉินลั​่ว​ไป​นั่ง

สาวใช้​เด็ก​นำ​น้ำแกง​ไก่​กระดูกดำ​ตุ๋น​โสม​คน​กับ​ราก​เทียน​หมา​หนึ่ง​ถ้วย​ ​หมาน​โถ​วท​อด​และ​นึ่ง​หนึ่ง​จาน​ ​ผัก​ดอง​รวมมิตร​หนึ่ง​จาน​ ​ไก่​ฉีก​หนึ่ง​จาน​ ​หัวหมู​ตุ๋น​หนึ่ง​จาน​ ​ปลาเค็ม​หนึ่ง​จาน​ ​และ​ข้าวต้ม​ขาว​อีก​หนึ่ง​ถ้วย​มา​วาง​บน​โต๊ะ​อย่าง​คล่องแคล่ว​ว่องไว​ ​เสร็จ​แล้ว​ถึง​ได้​ถอย​ออก​ไป

หวัง​ซีก​ล่าว​ ​“​ไม่รู้​ว่า​เจ้า​จะ​มา​เมื่อไร​ ​ได้​แต่​ให้​คน​ทำกับข้าว​เล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​เตรียม​เอาไว้​ ​เจ้า​ดูแล​้​วอ​ยาก​กิน​หรือไม่​ ​หาก​รู้สึก​ไม่​อยาก​อาหาร​ ​ข้า​จะ​ให้​ใน​ครัว​ลุกขึ้น​มา​จุดไฟ​ใหม่​อีกครั้ง​”

เฉินลั​่ว​มอง​อาหาร​ที่​วาง​เต็มโต๊ะ​ ​ไม่​พูด​อะไร​กว่า​ครู่ใหญ่

เสียงพูด​ของ​หวัง​ซีจึ​งอ​่อ​นโย​นมา​กยิ​่ง​ขึ้น​ ​นาง​กล่าว​ ​“​ไม่​ชอบ​ใช่​หรือไม่​ ​เช่นนั้น​เจ้า​อยาก​กิน​บะหมี่​หรือ​อยาก​กินข้าว​?​ ​หรือ​อยาก​ดื่ม​อะไร​สักหน่อย​หรือไม่​”

เฉินลั​่ว​หลุบ​ตา​หลง​ ​ส่าย​ศีรษะ​โดยที่​เห็น​สีหน้า​ของ​เขา​ไม่ชัด​นัก​ ​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​แหบ​ต่ำ​เล็กน้อย​ว่า​ ​“​ไม่ต้อง​ ​แค่นี้​ก็ดี​มาก​แล้ว​”​ ​เขา​กล่าว​พร้อมกับ​เงยหน้า​ขึ้น​มา​ ​สายตา​ที่​มอง​หวัง​ซี​เต็มไปด้วย​แวว​ขบขัน​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​เอง​ก็​ไม่ได้​เป็น​คนเลื​อก​กิน​ขนาด​นั้น​กระมัง​”

ทั้งๆ​ ​ที่​เป็น​คำพูด​ที่​แฝง​ความ​หยอกเย้า​เอาไว้​หลาย​ส่วน​ ​แต่​พอ​เฉินลั​่ว​พูด​ออกมา​กลับ​ฟัง​ดูเหมือน​คน​ขาดความมั่นใจ​ที่​กำลัง​ปกปิด​อะไร​บางอย่าง​เอาไว้

หวัง​ซี​ไม่เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เขา​ ​ถู​จมูก​เล็กน้อย​พลาง​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ใช้ได้​หรือไม่​!​ ​มิใช่​เพราะ​ข้า​กลัว​เจ้า​จะ​ไม่​ชอบ​หรอก​หรือ​”

“​ดีมาก​!​”​ ​เขา​ตอบ​ ​น้ำเสียง​อบอุ่น​อย่างที่​ไม่เคย​เป็นมา​ก่อน​ ​“​เช่นนี้​ก็ดี​มาก​แล้ว​ ​อย่างน้อย​เจ้า​ก็​ยัง​จำได้​ว่า​ข้า​ชอบ​กิน​ผัก​ดอง​รวมมิตร​ของ​พวก​เจ้า​”

หวัง​ซียิ​้​มก​ว้าง​อย่าง​ภาคภูมิใจ​ ​กล่าวว่า​ ​“​นี่​เป็นหลัก​ของ​การ​รับรอง​แขก​ ​คนที​่​มากิ​นข​้า​วที​่​บ้าน​ข้า​สองครั​้ง​ขึ้นไป​ ​ข้า​รับใช้​ที่​ปรนนิบัติ​อยู่​หน้า​โต๊ะอาหาร​ก็​ต้อง​จำ​ให้​ได้​แล้ว​แขก​คน​นั้น​ชอบ​กิน​อะไร​บ้าง​ ​ดัง​งาน​งานเลี้ยง​ของ​บ้าน​ข้า​ที่​สู่​จง​จึง​มีชื่อเสียง​มาก​”

เฉินลั​่ว​ยิ้ม​ ​ใน​หัว​มี​ธาร​ความคิด​ผุด​ขึ้น​มา​เป็น​พัน​เป็น​หมื่น​เรื่อง

แต่​เขา​กินข้าว​กับ​บิดา​มารดา​มา​ไม่รู้​กี่​มื้อ​ต่อ​กี่​มื้อ​ ​ทว่า​บิดา​มารดา​ของ​เขา​คง​จำ​ไม่ได้​ว่า​เขา​ชอบ​กิน​อะไร​บ้าง

กระบอกตา​ของ​เขา​รื้น​ชื้น​เล็กน้อย

พูด​เอาไว้​เสียดิ​บดี​ว่า​จะ​ไม่​เศร้า​เสียใจ​ให้​กับ​บิดา​และ​มารดา​อีก​ ​แต่​เขา​ก็​ยัง​ทำไม​่​ได้

บางที​นี่​อาจ​เป็น​เพียง​เรื่อง​เดียว​ที่​เขา​พูด​แล้วยัง​ทำไม​่​ได้

อารมณ์​ของ​เฉินลั​่ว​ค่อยๆ​ ​สงบ​ลงมา​ ​มอง​เครื่องเคียง​บน​โต๊ะ​แล้ว​ ​เขา​รู้สึก​ตื่นเต้น​ขึ้น​มา​อีกครั้ง

เขา​กิน​เครื่องเคียง​กับข้าว​ต้ม​ไป​ครึ่ง​ถ้วย​และ​หมาน​โถ​วท​อด​และ​นิ่ง​ไป​อีก​สอง​ลูก​ถึง​ได้​วาง​ตะเกียบ​ลง​ ​ดื่ม​น้ำแกง​อย่าง​สบาย​ๆ​ ​ไป​ด้วย​ ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ไป​ด้วยว่า​ ​“​เอาล่ะ​ ​เก็บ​สินบน​ของ​เจ้า​ไป​ได้​แล้ว​ ​ข้า​จะ​บอก​ทุกอย่าง​ที่​ข้า​รู้​ ​เจ้า​ถาม​มา​เถอะ​ว่า​อยากรู้​อะไร​บ้าง​”

หวัง​ซีค​รุ่น​คิด​ ​ยิ้ม​กล่าวว่า​ ​“​ตอน​เจ้า​ยัง​ไม่​มา​ข้า​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​มีเรื่อง​อยาก​ถาม​มากมาย​ ​แต่​พอ​เจ้า​มา​แล้ว​ ​ข้า​กลับ​รู้สึก​ว่า​บางอย่าง​ถาม​หรือไม่​ถาม​ก็​ไม่สำคัญ​แล้ว​ ​อย่างไร​เสียงาน​แต่ง​ระหว่าง​เฉิน​อิง​กับ​ซือ​จู​ก็ได้​รับ​ข้อสรุป​เป็น​ที่​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ต่อให้​จ่าง​กง​จู่​ไม่​อยาก​จัดการ​งานแต่ง​ให้​พวกเขา​ ​ลุง​ป้าน​้า​อา​ของ​เฉิน​อิง​ก็​ยัง​มีชีวิต​อยู่​มิใช่​หรือ​ ​เขา​เอง​ก็​หา​ใช่​คน​ไร้​ญาติ​ขาด​ผู้อาวุโส​ ​ไม่แน่​ว่า​เฉิน​เจ​วี​๋​ยอา​จเร​่ง​เดินทาง​กลับมา​จาก​เฉิง​โจว​ก็​เป็นได้​ ​ก็​แค่​รู้สึก​ว่า​เฉิน​อิง​ไม่​ค่อย​ฉลาด​นัก​ ​เหตุใด​ต้อง​ใช้งาน​แต่ง​ของ​ตัวเอง​มา​เป็น​เบี้ย​ด้วย​”

ต้อง​รู้​ว่า​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​เฉินลั​่​วก​็​ดี​หรือ​เฉิน​อิง​ก็ดี​ ​ต่าง​ต้อง​แบกรับ​เรื่อง​ต่างๆ​ ​เอาไว้​มากมาย​ ​หาก​มี​ภรรยา​ที่​อุทิศตัว​ดูแล​พวกเขา​อย่าง​สุด​หัวใจ​ผู้​หนึ่ง​ได้​ ​ชีวิต​ย่อม​มีความสุข​ขึ้น​มาก​

ทว่า​เฉิน​อิง​กลับ​ดับ​เปลวไฟ​เพียง​หนึ่งเดียว​ที่​อาจ​ทำให้​เขา​มีความสุข​ได้​อันนั้น​ทิ้ง​ไป​แล้ว

ชีวิต​ต่อจากนี้​จะ​ยัง​มีความหมาย​อะไร​อีก

อย่างไรก็ตาม​ ​บางที​นี่​อาจ​เป็นความ​หมาย​แห่ง​ชีวิต​ของ​เฉิน​อิง​ก็​เป็นได้

เพราะ​ทุกคน​ต่าง​คิด​ไม่​เหมือนกัน​ ​สิ่ง​ที่​ไล่ตาม​หาก​็​ไม่​เหมือนกัน

เฉินลั​่ว​มอง​นาง​ ​สีหน้า​ดู​แปลกใจ​เล็กน้อย​ ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจ้า​ไม่มี​อะไร​จะ​ถาม​ข้า​จริงๆ​ ​หรือ​ ​เช่นนั้น​ข้า​จะ​กลับ​แล้ว​!​ ​ที่​บ้าน​ยัง​มี​งาน​อีก​หนึ่ง​กอง​ใหญ่​ให้​ต้อง​จัดการ​!​”​

หวัง​ซีส​่า​ยศีร​ษะ​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​ให้​คน​จับตาดู​ศาลา​กวาง​ร้อง​เอาไว้​ตลอด​ ​รู้​ว่า​เจ้า​เพิ่ง​กลับมา​ต้อง​ไม่มี​กะ​ใจ​กินข้าว​เป็นแน่​ ​กลับ​ไป​แล้ว​เจ้า​อย่า​ลืม​กินข้าว​ด้วย​ก็​พอ​ ​ตอน​เป็น​เด็ก​เวลา​ข้า​โกรธ​ ​มักจะ​ไม่​กินข้าว​ ​ท่าน​ย่า​ของ​ข้า​จึง​ปลอบโยน​ข้าว​่า​ ​การ​ที่​ข้า​ไม่​กินข้าว​ ​มี​แต่​จะ​ทำให้​ตัวเอง​หิว​เท่านั้น​ ​ไม่​อาจ​ทำให้​ผู้อื่น​หิว​ไป​ด้วย​ได้​ ​เจ้า​เอง​ก็​ต้อง​กินข้าว​ให้​อิ่ม​ ​อาหาร​ถือเป็น​สรวงสวรรค์​ของ​มนุษยชาติ​ ​ไม่มี​เรื่อง​อะไร​ใหญ่​ไป​กว่า​เรื่อง​กิน​แล้ว​”

เฉินลั​่ว​หัวเราะ​ฮ่า​เสียงดัง

นึก​ภาพ​หวัง​ซี​ตัว​น้อย​งอน​แล้ว​ไม่ยอม​กินข้าว​ ​แต่​เมื่อ​ได้รับ​การ​ปลอบโยน​จาก​ท่าน​ย่า​แล้วจึง​ต้อง​ยอม​กินข้าว​อย่าง​เสีย​ไม่ได้​ภาพ​นั้น​ขึ้น​มา​แล้ว​รู้สึก​หัวใจ​อ่อน​ยวบ​ไป​หมด

หวัง​ซีจึง​รู้​ว่า​คน​ผู้​นี้​หา​ได้​มี​ความอาทร​เลย​แม้แต่​ครึ่ง​เดียว​ ​นาง​เป็นห่วง​เขา​ ​แต่​เขา​กลับ​รู้สึก​ว่าน​่า​ขบขัน

นาง​โกรธ​จน​แก้ม​ป่อง

เฉินลั​่ว​มอง​ตานาง​ ​ทว่า​ใน​นั้น​กลับ​เหมือน​มีแสง​ดาวพร​่าง​พราว

เขา​รู้ดี​ ​นาง​ไม่รู้​ว่า​เขา​จะ​ได้​กลับมา​ที่​ศาลา​กวาง​ร้อง​เวลา​ใด​ ​และ​กับข้าว​พวก​นี้​ ​เกรง​ว่านา​งคง​ให้​คน​เตรียม​เอาไว้​ทุกวัน​ ​เพื่อ​รอ​เขา​กลับมา

เหมือน​ตะเกียง​ที่​นำทาง​เขา​กลับบ้าน​ท่ามกลาง​ความมืด​มิด

แสง​ตะเกียง​ดังกล่าว​ทำให้​เขา​ราวกับ​ได้​สวม​เสื้อ​เกราะ​ ​ทำให้​หัวใจ​ของ​เขา​แข็งแกร่ง​ขึ้น

เขา​ชอบ​ความแข็ง​แกร่ง​เช่นนี้

เฉินลั​่ว​ถาม​ ​“​เจ้า​จะ​ไม่​ถาม​ข้า​สักหน่อย​เลย​หรือว่า​เหตุใด​เฉิน​อิง​ถึง​แต่งงาน​กับ​ซือ​จู​?​”

หวัง​ซี​ไม่รู้​จริงๆ​ ​แต่​เวลา​ล่วงเลย​มานาน​เกินไป​ ​จน​นาง​เอง​ก็​ไม่​ค่อย​อยากรู้​เท่าไร​แล้ว

แต่​เฉินลั​่ว​ตั้งใจ​ใช้​เรื่อง​นี้​เป็น​หัวข้อ​หลอกล่อ​ให้​นาง​พูด

นาง​ขึงตา​มอง​เฉินลั​่ว​พลาง​กล่าว​ ​“​เจ้า​กลับมา​ช้า​เกินไป​ ​ข้า​คิด​ทุกอย่าง​จน​ปรุโปร่ง​แล้ว​ ​ฉัง​เหยี​ยน​บอกว่า​ ​ตอนนั้น​เฉิน​อิง​พูด​แก้ตัว​ได้​ว่า​เรื่อง​ทั้งหมด​เป็น​เพียง​เรื่อง​เข้าใจผิด​ ​แต่​เขา​กลับ​ปฏิญาณ​ด้วย​ความจริงใจ​ว่า​เขา​ชอบ​ซือ​จู​ ​มี​แต่​ผี​เท่านั้น​ถึง​จะ​เชื่อ​คำกล่าว​ของ​เขา​!​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​ต้อง​มีผล​ประโยชน์​อะไร​บางอย่าง​ ​ซือ​จู​เป็น​ถึง​ตัวเลือก​พระ​ชายา​ของ​องค์​ชาย​!​ ​สุดท้าย​แล้วก็​เพราะ​เป็นห่วง​ผลได้​ผลเสีย​ของ​ตัวเอง​ ​จึง​ตกหลุมพราง​ของ​เจ้า​ ​โดย​คิด​ว่า​ไม่ว่า​จะ​เป็น​องค์​ชาย​รอง​หรือ​องค์​ชาย​ใหญ่​ได้​เป็น​รัชทายาท​ ​ฮ่องเต้​ก็​ทรง​แต่งตั้ง​เจ้า​เป็น​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ซื่อ​จื่อ​อยู่ดี​ ​เขา​เสมือน​หมา​จนตรอก​ ​กลัว​ว่า​เมื่อไร​้​ซึ่ง​ตำแหน่ง​ซื่อ​จื่อ​แล้ว​ ​นับจากนี้​เป็นต้นไป​ต้อง​ถูก​ลด​ระดับ​ไป​เป็น​คนธรรมดา​ ​จึง​ลอบ​คิด​ใช้อุบาย​กับ​ซือ​จู​ ​หวัง​หา​ภรรยา​ที่​ตระกูล​มีอำนาจ​สัก​คน​หนึ่ง​ ​ด้วย​นิสัย​ของ​คน​ตระกูล​ซือ​แล้ว​ ​อย่างไร​ก็​ต้องหา​ทางออก​ให้​เขา​สัก​หนึ่ง​หรือ​สอง​ทาง​กระมัง​!​…

…​ไม่แน่​ว่า​องค์​ชาย​สาม​กับ​องค์​ชาย​ห้า​อาจ​ร่วมมือ​ด้วย​ก็​เป็นได้​!​…

…​หาก​พวกเขา​ไม่​ยินยอม​หรือไม่​ได้​รู้เห็นเป็นใจ​ด้วย​ ​เฉิน​อิง​ก็​คง​ไม่กล้า​ช่วงชิง​ภรรยา​ของ​องค์​ชาย​เหมือนกัน​!​”​

กล่าวถึง​ตรงนี้​ ​สีหน้า​นาง​ดู​ชะงักงัน​เล็กน้อย​ ​นาง​นึกถึง​เฉินลั​่​วที​่​ดู​เศร้าสลด​ตอน​มาถึง​ขึ้น​มา​ ​อด​ถาม​ไม่ได้​ว่า​ ​“​คง​มิใช่​ว่า​พวกเขา​คิด​ว่า​เจ้า​เป็น​คนวางแผน​เรื่อง​ซือ​จู​กับ​เฉิน​อิง​หรอก​กระมัง​”​

เฉินลั​่ว​มอง​นาง​โดย​ไม่​กล่าว​อะไร

หวัง​ซี​บริภาษ​เบา​ๆ​ ​ไป​หนึ่ง​ประโยค​ ​กล่าว​ต่อว่า​ ​“​ไม่มีเหตุผล​อะไร​ต้อง​กดหัว​วัว​บังคับ​ให้​มัน​กิน​หญ้า​ ​ต่อให้​เจ้า​มีส่วน​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​นี้​ ​เฉิน​อิง​ก็​ต้อง​รับ​ผล​การกระทำ​ของ​ตัวเอง​ด้วย​ถึง​จะ​ถูก​ ​ถ้า​ต้องการ​พูด​เรื่อง​ความรับผิดชอบ​ ​หาก​มีส่วน​ของ​เจ้า​หนึ่ง​ส่วน​ ​อย่างน้อยที่สุด​ก็​ต้อง​มีส่วน​ของ​เขา​เก้า​ส่วน​ ​เหตุใด​เจ้า​ต้อง​เป็น​แพะรับบาป​ให้​กับ​ความละโมบ​ของ​เขา​ด้วย​!​”

ขณะที่​กล่าว​ ​นาง​ลุกขึ้น​มา​อย่าง​ร้อนใจ​ ​กล่าวว่า​ ​“​จะ​ปล่อย​ให้​เรื่อง​นี้​จบ​ลง​ไป​อย่างนี้​ไม่ได้​ ​ทุกคน​ต้อง​พูด​กัน​ให้​กระจ่าง​ถึง​จะ​ถูก​ ​ไม่อย่างนั้น​ผู้อื่น​ก็​จะ​ยังคง​คิด​ว่า​เจ้า​เป็น​คนวางแผน​ทำลาย​เขา​!​”

เฉินลั​่​วรู​้​สึก​จิตใจ​ปั่นป่วน​ ​ใน​หัว​สมอง​โล่ง​ขาวโพลน​ไป​หมด​ ​คว้า​หวัง​ซี​เอาไว้​โดย​ไม่สน​ใจ​อะไร​ทั้งนั้น​ ​กล่าวว่า​ ​“​เจ้า​จะ​ทำ​อะไร​ได้​?​ ​หรือ​พวกเรา​ต้อง​ไป​ป่าวร้อง​ตาม​ท้องถนน​ ​บอก​ทุกคน​ว่า​เฉิน​อิง​เป็น​คนเลื​อก​ทำ​เรื่อง​นี้​ด้วยตัวเอง​อย่างนั้น​หรือ​”​

เพราะเหตุใด​ในขณะที่​เขา​คิด​ว่า​ตัวเอง​ได้รับ​สิ่ง​ที่​ดีที​่​สุด​แล้วแต่​นาง​กลับ​ยัง​มอบ​สิ่ง​ที่​ดีกว่า​นั้น​ให้​เขา​ได้​อีก​เสมอ

มี​คน​คิด​เช่นนั้น​อยู่​จริงๆ​ ​หรือ​!

หวัง​ซีจ​้​อง​เขา​เขม็ง​ด้วย​ความโกรธ​ ​กล่าวว่า​ ​“​เรื่องราว​หาก​ไม่​พินิจพิเคราะห์​ก็​ไม่​กระจ่าง​ ​ถึง​พวกเรา​ไม่​อาจ​ไป​ป่าวประกาศ​ตาม​ท้องถนน​ ​แต่​อย่างไร​ก็​ต้อง​ทำให้​ซือ​จู​รู้​ว่า​เรื่อง​นี้​มิใช่​ความผิด​ของ​เจ้า​ ​ข้า​ต้อง​ไปหา​ซือ​จู​ ​ไป​ถามไถ่​เรื่องราว​ให้​กระจ่าง​ ​แล้วก็​ต้อง​ไปร​่ว​มงาน​เลี้ยง​ให้​ทั่วทุก​ที่​ด้วย​ ​ทำตัว​เป็น​พวก​ปากหอยปากปู​ ​เอาเรื่อง​นี้​ไป​นินทา​กับ​ผู้อื่น​”

………………………………………………………………………..

ตอนต่อไป