ตอนที่ 167 คำนวณแผนการ

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

เฉินลั​่ว​หัวเราะ​เสียงดัง

เขา​นึก​ภาพ​หวัง​ซี​ไป​นินทา​กับ​ผู้อื่น​ ​ไป​โพนทะนา​ทั่วทุก​ที่ว่า​เฉิน​อิง​เป็น​ฝ่าย​ผิด​ไม่​ออก​จริงๆ

มุม​ปาก​เขา​ยก​ยิ้ม​ ​เขา​รู้สึก​ว่าความ​อยุติธรรม​เหล่านั้น​ล้วน​ไม่มีค่า​อะไร​แล้ว

อย่างน้อย​ก็​ยัง​มี​คน​คน​หนึ่ง​ที่​ยืน​ข้าง​เขา​มาต​ลอด​ตั้งแต่​ต้น​จน​จบ

ทันใดนั้น​เขา​รู้​เหตุผล​แล้ว​ว่า​เหตุใด​ตน​ถึง​ชอบ​วิ่ง​มาหา​หวัง​ซีทุ​กค​รั้ง​ที่​มีเรื่อง​เกิดขึ้น

เฉินลั​่​วอด​กล่าว​ด้วย​เสียง​อบอุ่น​ไม่ได้​ว่า​ ​“​เรื่อง​นี้​เจ้า​มอบหมาย​ให้​ข้า​จัดการ​เถอะ​!​ ​ข้า​ไม่มีทาง​ปล่อย​ให้​ผู้อื่น​สาดโคลน​ใส่​ข้า​ได้​ง่ายๆ​ ​อย่างแน่นอน​”

หวัง​ซี​ไม่เชื่อ​เขา​ ​กล่าวว่า​ ​“​หาก​เจ้า​มี​ความสามารถ​อย่างที่​ว่า​จริง​ ​เหตุใด​ทุกคน​ถึง​คิด​ว่า​เจ้า​มีอคติ​กับ​เฉิน​อิง​เพราะ​เรื่อง​ตำแหน่ง​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ซื่อ​จื่อ​ด้วย​?​ ​แม้แต่​เฉิน​เจ​วี​๋ย​ยัง​คิด​เช่นนั้น​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​ปกติ​เจ้า​เป็น​คนที​่​เรื่อง​นี้​ก็​ดูแคลน​ที่จะ​สนใจ​ ​เรื่อง​นั้น​ก็​รังเกียจ​ที่จะ​แก้ต่าง​ให้​ตัวเอง​ ​ผู้อื่น​จึง​ไม่เชื่อ​ถือ​เจ้า​ไป​นาน​แล้ว​”

เฉินลั​่ว​หน้าเจื่อน

เป็น​เช่นนั้น​จริงๆ

เขา​กล่าว​รับประกัน​ว่า​ ​“​ครั้งนี้​ข้า​จะ​แก้ต่าง​ให้​ตัวเอง​อย่างแน่นอน​ ​เจ้า​คอย​ดูก​็​แล้วกัน​”

หวัง​ซีจำ​ต้อง​เชื่อ​เขา​ไป​ก่อน​ ​เรียก​สาวใช้​เด็ก​เข้ามา​เก็บ​โต๊ะ​ ​ส่วน​นาง​ไป​ดื่ม​ชา​ที่​ใต้​ซุ้ม​องุ่น​ใน​ลานบ้าน​กับ​เฉินลั​่ว

นาง​ถาม​เขา​ ​“​เจ้า​มีส​ถาน​ที่​ที่​ปลอดภัย​หรือไม่​”

“​เจ้า​ต้องการ​ทำ​อัน​ใด​”​ ​เฉินลั​่ว​แปลกใจ

หวัง​ซีก​ล่าว​ ​“​ปีนี​้​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​ของ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ออกดอก​งาม​มาก​ ​ข้า​เอา​มาทำ​สุรา​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​ได้​จำนวน​หนึ่ง​ ​เก็บ​เอาไว้​ใน​บ้าน​ให้​เจ้า​ ​เทศกาล​วัน​ไหว้พระ​จันทร์​ปีหน้า​ถึง​จะ​เปิด​ฝา​ได้​ ​รสชาติ​ต้อง​ดีมาก​แน่ๆ​ ​ถึง​เวลา​เจ้า​จะ​เก็บ​เอาไว้​ดื่ม​เอง​ก็ดี​ ​หรือ​มอบให้​ผู้อื่น​ก็ดี​มาก​เช่นกัน​”

เฉินลั​่ว​ถาม​อย่าง​ไม่เข้าใจ​ว่า​ ​“​เจ้า​ไม่​เก็บ​เอาไว้​สักหน่อย​หรือ​”

หรือ​การ​เก็บ​ไว้​ที่​สวน​ร่ม​หลิว​ทำให้​นาง​รู้สึก​ไม่​วางใจ​?

หวัง​ซียิ​้ม​ตอบ​ว่า​ ​“​หลัง​งาน​ฤดูหนาว​ข้า​อาจจะ​เดินทาง​กลับ​สู่​จง​แล้ว​”

ถึง​เวลา​นั้น​ฉัง​เคอ​ย่อม​แต่งงาน​แล้ว​ ​คุณหนู​พาน​เอง​ก็​คง​ไม่อยู่​ที่​จวน​นี้​แล้ว​ ​แทนที่​นาง​จะ​ให้​คน​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ได้ประโยชน์​ ​มิสู​้​มอบให้​เฉินลั​่​วดี​กว่า

เฉินลั​่ว​มอง​นาง​อย่าง​ตกตะลึง​ ​“​เจ้า​ ​เจ้า​จะ​กลับ​สู่​จง​?​ ​เช่นนั้น​เจ้า​มา​จิง​เฉิง​เพื่อ​อัน​ใด​”

มิใช่​บอกว่า​นาง​อยาก​มาหา​คู่ครอง​ดี​ๆ​ ​สัก​คนที​่​จิง​เฉิง​หรอก​หรือ

เรื่อง​งานแต่ง​ของ​นาง​ยัง​ไม่เคย​มี​การเทียบ​อักษร​แปด​ชะตา​เลย​ด้วยซ้ำ​?

หรือ​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้นกับ​ตระกูล​หวัง​?

เขามอง​สำรวจ​หวัง​ซี​ขึ้น​ลง​อย่างละเอียด

สีหน้า​ของ​หวัง​ซีดู​สดใส​ดี​ ​มุม​ปาก​แต้ม​ยิ้ม​ ​ดวงตา​สุกใส​ ​ท่าทาง​ไม่​เหมือน​คน​มีเรื่อง​ไม่สบายใจ​อะไร​เลย​นี่​นา​!

นาง​กลับ​พยักหน้า​ ​กล่าวว่า​ ​“​ที่​ข้ามา​จิง​เฉิง​เพราะ​เป็นความ​ปรารถนา​ของ​มารดา​ข้า​ ​ข้า​กับ​บิดา​ก็​แค่​ไม่​อยาก​ทำให้​มารดา​ข้า​ผิดหวัง​ ​ส่วน​เรื่อง​…​”​ ​งานแต่ง​ของ​นาง​นั้น​ ​นาง​มา​อยู่​จิง​เฉิง​เกือบ​ครึ่ง​ปี​แล้ว​ ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​มิใช่​ตระกูล​ที่พึ่ง​พา​ได้​ ​เพียงแต่ว่า​นาง​ไม่​อาจ​พูด​ออกมา​ตรงๆ​ ​ได้​ก็​เท่านั้น

หวัง​ซีก​ล่า​วอ​้​อม​แอ้ม​ไป​สอง​สาม​ประโยค​ ​กล่าว​อีกว่า​ ​“​ข้า​รู้สึก​ว่า​ข้า​ชอบ​สู่​จง​มากกว่า​ ​ที่นั่น​ข้ามี​ญาติมิตร​ ​มี​ผู้อาวุโส​และ​พี่น้อง​ ​และ​ที่นั่น​ก็​ไม่มี​เรื่อง​วุ่นวาย​มากมาย​เท่าที่​นี่​ ​ทำให้​คน​รู้สึก​สบายใจ​กว่า​”

เฉินลั​่​วอ​ยาก​โต้แย้ง​หวัง​ซีสัก​สอง​สาม​ประโยค

มนุษย์​มุ่ง​ขึ้น​สู่​ที่สูง​ ​สายน้ำ​ไหล​ลง​สู่​ที่ต่ำ​ ​มี​ใคร​ที่มา​ถึง​จิง​เฉิง​แล้วยัง​อยาก​กลับ​ไป​ตายรัง​ที่​สู่​จง​บ้าง​ ​แต่​ที่หวัง​ซีก​ล่าว​มาก​็​มีเหตุผล​ ​ญาติพี่น้อง​ของ​นาง​ล้วน​อยู่​ที่​สู่​จง​ ​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​ ​เขา​ไม่มีเหตุผล​ที่​มีน​้ำ​หนัก​พอ​จะ​พูด​โน้มน้าว​เพื่อ​เหนี่ยวรั้ง​หวัง​ซี​ให้​อยู่​ต่อ​ได้​ ​กล่าวคือ​ ​สิ่ง​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ใน​การ​ใช้ชีวิต​ใน​จิง​เฉิง​ก็​คือ​มี​คน​อยู่​ใน​ราชสำนัก​ ​ตัว​เขา​เอง​ยัง​ดูแลตัวเอง​ไม่ได้​เลย​ ​ไหน​เลย​จะ​กล้า​ทำตัว​เป็น​ผู้​ปกป้อง​หวัง​ซี

หลังจากนั้น​เขา​กับ​หวัง​ซีคุ​ยอะ​ไร​กัน​บ้าง​นั้น​ ​ความทรงจำ​ของ​เขา​พร่ามัว​ไป​หมด​ ​แต่​ความเสียใจ​รางๆ​ ​ที่อยู่​ใน​ใจ​กับ​ความโมโห​ที่​ตัวเอง​ไร้ความสามารถ​กลับ​คล้าย​แส้​ที่​ฟาด​ลงมา​จน​เกิด​แผล​ลึก​อยู่​ใน​ใจ​ของ​เขา

หลังจาก​เขา​นำ​สุรา​ที่​เอา​กลับมา​จาก​เรือน​หวัง​ซี​ไป​ฝัง​ไว้​ใน​บ้าน​ที่​ซอย​ลิ่ว​เถียว​เสร็จ​ ​เรี่ยวแรง​ที่​มี​ก็​คล้าย​กับ​ถูก​รีด​เค้น​ออกจาก​ร่าง​ไป​จน​หมด​ ​เมื่อ​กลับมา​ถึง​ศาลา​กวาง​ร้อง​ก็​นอน​อยู่​บน​เตียง​ไม่​อยาก​ลุกขึ้น​มา​

วัน​ถัดมา​ ​จ่าง​กง​จู่​ให้​คน​มาเรียก​เขา​ ​บอกว่า​มีเรื่อง​เกี่ยวกับ​เฉิน​อิง​ต้องการ​ปรึกษา​เขา​ ​เขา​กลับ​เกียจคร้าน​ไม่​อาจ​ดึง​ความสนใจ​ขึ้น​มา​ได้​ ​เป็นครั้งแรก​ใน​ชีวิต​ที่​บังเกิด​ความรู้สึก​ขยะแขยง​ ​กล่าว​่า​ ​“​ข้า​เป็น​น้องชาย​ ​เขา​เป็น​พี่ชาย​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็นเรื่อง​อะไรก็ตาม​ ​ข้า​ที่​เป็น​น้องชาย​ช่วย​ออกหน้า​ให้​คง​ไม่​ค่อย​เหมาะสม​กระมัง​”

บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​เมื่อก่อน​เขา​ใส่ใจ​ดูแล​มากเกินไป

เฉิน​อิง​เกี่ยว​อะไร​กับ​เขา​ด้วย​?

เจิ​้​นกั​๋​วกง​ในอนาคต​จะ​เป็น​อย่างไร​นั้น​เป็นความ​รับผิดชอบ​ของ​บิดา​เขา​ใน​วันนี้​ ​ต่อให้​ถูก​ถอด​ยศ​ ​นั่น​ก็​เป็นความ​รับผิดชอบ​ของ​บิดา​เขา​ ​เกี่ยว​อะไร​กับ​เขา​ด้วย​เล่า​?

เขา​นอน​อยู่​บน​เตียง​ ​แขน​ก่าย​อยู่​บน​หน้าผาก​เพื่อ​บดบัง​แสง​ที่​ส่อง​เข้ามา​จาก​ด้านนอก

จ่าง​กง​จู่​แปลกใจ​มาก​ ​ถาม​ชิง​กู​ที่​นำ​ความ​ไป​แจ้ง​ว่า​ ​“​เขา​รู้​หรือไม่​ว่า​ข้า​เรียกหา​เขา​ด้วย​เรื่อง​อะไร​”

ชิง​กูยิ​้ม​ขื่น​พร้อมกับ​ส่ายหน้า​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​ดูท่าทาง​ของ​คุณชาย​รอง​แล้ว​ ​ดู​เศร้าสลด​ใจ​เป็น​อย่างยิ่ง​ ​คำพูด​ของ​ท่าน​เมื่อวาน​คง​ไป​ทิ่มแทงใจ​เขา​ ​ท่าน​ไม่​ควร​กล่าว​กับ​เขา​เช่นนั้น​เลย​ ​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​นี้​ไม่รู้​ว่า​เด็ก​คน​นี้​ได้รับ​ความอยุติธรรม​มามาก​มาย​เพียงใด​!​”

จ่าง​กง​จู่​ไม่​กล่าว​อะไร​ไป​กว่า​ครู่ใหญ่​ ​กระทั่ง​ชิง​กู​เติม​น้ำชา​ให้​นาง​อีก​ถ้วย​หนึ่ง​ ​นาง​ถึง​ได้​เอ่ย​ขึ้น​ด้วย​อาการ​เหนื่อยล้า​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็ช่าง​มัน​เถิด​!​ ​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​เฉิน​อิง​ ​ข้า​เอง​ก็​จะ​ไม่​สอด​มือ​เข้าไป​ยุ่ง​แล้ว​เหมือนกัน​ ​เจ้า​ไป​บอก​เจิ​้​นกั​๋​วกง​สัก​คำ​ ​บอกว่า​หาก​ไม่มี​คน​จัดการ​ให้​จริงๆ​ ​ก็​เชิญ​ลุง​กับ​ป้า​จาก​ตระกูล​มารดา​ของ​เฉิน​อิง​มาช​่ว​ยก​็​แล้วกัน​ ​กู​ไหน​่​ไน​ใหญ่​เอง​ก็​จะ​ได้​ไม่ต้อง​เป็น​เหมือน​เม่น​ยาม​เห็น​พวก​ข้า​สอง​แม่​ลูก​ ​เมื่อก่อน​เห็นแก่หน้า​ของ​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ ​ข้า​กับ​เฉินลั​่ว​ถึง​ได้​อดทน​เอาไว้​ ​ในเมื่อ​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ไม่​สำนึก​ ​พวก​ข้า​ก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​ปั้นหน้า​ยิ้มอยู่​ตลอด​ ​ทำ​ราวกับว่า​หาก​พวก​ข้า​สอง​แม่​ลูก​ไป​จาก​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วกง​แล้ว​จะ​มีชีวิต​อยู่​ต่อ​ไม่ได้​ก็​ไม่​ปาน​”

นี่​นับเป็น​ครั้งแรก​ที่​จ่าง​กง​จู่​แสดง​ความไม่พอใจ​ต่อ​เจิ​้​นกั​๋​วก​งอ​อก​มา​ให้​เห็น​ ​นอกจากนี้​ยัง​เกิดขึ้น​ตอนที่​เฉิน​อิง​กำลังจะ​หมั้น​หมาย​ด้วย​ ​เฉิน​อวี​๋​ได้รับ​ข่าว​แล้ว​โกรธ​จน​ระงับ​เพลิง​โทสะ​ไม่อยู่​ ​ทำ​จอก​ชา​แตก​ไป​ใบ​หนึ่ง

ชิง​กู​กลับ​ทำ​เสมือน​มองไม่เห็น​ ​ทำความเคารพ​อย่างนอบน้อม​แล้ว​ถอย​ออก​ไป

มารดา​ของ​เฉิน​อิง​เป็น​คน​หนาน​ชัง​จังหวัด​เจียง​ซี​ ​เมื่อก่อน​ก็​เป็น​ตระกูล​บัณฑิต​ที่​สืบทอด​ต่อกัน​มา​ ​เพียงแต่ว่า​พอ​มาถึง​รุ่น​ของ​ลุง​เฉิน​อิง​กลับ​ไม่มี​คน​สอบผ่านจ​วี่​เห​ริน​เลย​แม้แต่​คนเดียว​ ​และ​พอ​มาถึง​รุ่น​ของ​เฉิน​อิง​ก็​ไม่มี​คน​เรียนหนังสือ​แล้ว​ ​แต่​อาศัย​ชื่อเสียง​ของ​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วกง​เริ่มต้น​ทำการค้า​ ​ละทิ้ง​อาชีพ​ราชการ​ไป​เป็น​พ่อค้า​แทน​ ​ถึงแม้​ไม่​ขาดแคลน​เงินทอง​ ​แต่​สุดท้าย​แล้วก็​ไร้​อำนาจ​ ​ทว่า​ครอบครัว​พวกเขา​ได้​ลิ้มรส​ความ​หอมหวาน​ของ​การ​สร้างตัว​โดย​ไม่ต้อง​จ่าย​ราคาค่างวด​ ​ประกอบกับ​ความโลภ​ ​ลม​สงบ​ไร้ค​ลื่น​ ​จึง​ยาก​ที่​ครอบครัว​พวกเขา​จะ​กลับ​ไป​เป็น​เหมือน​เมื่อก่อน​ ​บุตรหลาน​ของ​พวกเขา​นั้น​ต่อให้​ถือ​แส้​ไล่​กดดัน​ก็​มี​ไม่​กี่​เท่านั้น​ที่​ยอม​ไป​ลิ้มรส​ความยากลำบาก​นับ​สิบ​ปี​ของ​การเล่าเรียน​หนังสือ​ ​ตระกูล​ฝั่ง​มารดา​ของ​เฉิน​อิง​เอง​ก็​มี​ความทุกข์​ที่​ยาก​จะ​บอกกล่าว​เหมือนกัน

หาก​ให้​ครอบครัว​ของ​ลุง​เช่นนี้​มา​จัดการ​เรื่อง​งานแต่ง​ให้​เฉิน​อิง​ ​นั่น​ต่างหาก​ที่​เรียกว่า​เป็นเรื่อง​ขบขัน​ให้​ผู้อื่น​หัวเราะเยาะ​!

แต่​ให้​เฉิน​อวี​๋​ก้มหัว​ให้​จ่าง​กง​จู่​ ​นั่น​ก็​เป็นไปไม่ได้​เช่นกัน

เขา​คิด​แล้ว​คิด​อีก​ ​ให้​คน​นำ​จดหมาย​ไป​ส่ง​ให้​ตระกูล​จิน​หนึ่ง​ฉบับ​ ​บอกว่า​เฉิน​อิง​กำลังจะ​สู่ขอ​ภรรยา​ ​ขอให้​จิน​ซง​ชิง​ช่วย​สั่ง​ผ้าแดง​มงคล​มา​ให้​สักหน่อย

จิน​ซง​ชิง​ได้รับ​จดหมาย​ของ​เฉิน​อวี​๋​แล้ว​หัวเราะ​เสียงดัง​ลั่น​ ​หัวเราะ​ไป​หัวเราะ​มา​ ​กลับ​มี​หยดน้ำ​ตา​ไหล​ออกมา​ทาง​หาง​ตา

เขา​ไม่คู่ควร​กับ​พี่สะใภ้​ของ​เขา​ ​แต่​นาง​กลับ​ถูก​ยก​ให้​แต่งงาน​กับ​คน​เช่นนี้

เขา​ส่งจดหมาย​ดังกล่าว​ไป​ให้​จ่าง​กง​จู่​ ​ทำตาม​ที่​เฉิน​อวี​๋​ต้องการ​ ​ส่ง​ผ้าแดง​มงคล​สอง​ร้อย​พับไป​ให้​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วกง

จ่าง​กง​จู่​อ่าน​จดหมาย​เสร็จ​แล้ว​จุด​เทียน​เผา​จดหมาย​ดังกล่าว​ทิ้ง​เสีย​ ​อ้างว่า​มารดา​มา​เข้าฝัน​ต้องการ​พบ​นาง​ ​จึง​เดินทาง​ไป​จุด​ธูป​ให้พระ​เจ้าหลวง​ ​ฮอง​ไท​เฮา​ ​และ​พระ​แม่​ฮอง​ไท​เฮา​ที่​สุสาน​หลวง​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​จาก​จิง​เฉิง​ไป​สาม​ร้อย​กว่า​ลี้​

ด้าน​ซู​เฟย​เหนียง​เหนียง​ ​มอง​โอรส​ทั้งสอง​ที่​เมื่อยื​นขึ​้​นมา​แล้ว​ตัว​สูง​กว่านาง​ไป​หนึ่ง​ศีรษะ​อย่าง​ไม่รู้​จะ​ทำ​อย่างไร​ดี​ ​ทำได้​แค่​พาด​ตัว​นอน​ร่ำไห้​ ​ฮือ​ออ​ ​ไม่​หยุด​อยู่​บน​หมอนอิง​ของ​เก้าอี้​กุ้ย​เฟย​ ​“​ใต้​หล้า​นี้​ไม่มี​กำแพง​ใด​ลม​ไม่​พัดผ่าน​ ​พวก​เจ้า​สลัด​ตัว​หนี​ตระกูล​ซือ​ด้วย​การ​ใช้อุบาย​กับ​คุณหนู​ซือ​ได้​อย่างไร​!​ ​นี่​เป็น​สิ่ง​ที่​สุภาพบุรุษ​พึงกระทำ​หรือ​ ​พวก​เจ้า​ไม่ต้องการ​ชื่อเสียง​แล้ว​หรือ​ ​ทีนี้​จะ​ทำ​อย่างไร​กับ​เรื่อง​สมรส​ของ​พวก​เจ้า​ ​ต้อง​มอบให้​ฮ่องเต้​เป็น​ผู้ตัดสิน​พระทัย​จริงๆ​ ​หรือ​ ​เฉิน​อิง​โง่งม​ปาน​นั้น​ ​หาก​เขา​เผย​พิรุธ​อะไร​ออกมา​พวก​เจ้า​จะ​ทำ​อย่างไร​”

องค์​ชาย​สาม​อยาก​ถาม​มารดา​ของ​เขา​เหลือเกิน​ว่า​ ​ตกลง​เพราะ​เป็นห่วง​ว่า​เรื่อง​จะ​ถูก​เปิดโปง​แล้ว​กระทบ​กับ​ชื่อเสียง​ของ​พวกเขา​หรือ​เพราะ​เป็นห่วง​ว่า​จะ​ไม่มี​ตัวเลือก​พระ​ชายา​ที่​เหมาะสม​แล้วกัน​แน่​?

ส่วน​องค์​ชาย​ห้า​ไม่​อยาก​พูด​อะไร​แม้แต่​ประโยค​เดียว

พวกเขา​ทำให้​คลื่น​ทะเลบ้า​คลั่ง​ขึ้น​ก็​จริง​ ​แต่​ถ้า​เฉิน​อิง​ไม่​ทะเยอทะยาน​ ​ไม่​ฝันเฟื่อง​ ​เขา​จะ​ขุด​หลุม​ฝังตัว​เอง​ได้​อย่างไร

“​เสด็จ​แม่​ ​ท่าน​อย่า​กรรแสง​อีก​เลย​ได้​หรือไม่​”​ ​เป็นครั้งแรก​ของ​วันที่​ความ​หุนหัน​ของ​เขา​กลาย​สภาพ​เป็น​สสาร​ ​เผยอ​อก​มา​ให้​เห็น​ผ่าน​คำพูด​ ​“​หาก​ท่าน​มี​เวลาว่าง​มาสน​ใจ​เรื่อง​สมรส​ของ​พวก​ข้า​ ​มิสู​้​เอา​ความสนใจ​ไปดู​แล​ฟู่​หยาง​สักหน่อย​ดีกว่า​ ​นาง​รู้สึก​ว่าการ​ที่​มีเรื่อง​เกิดขึ้น​กับ​คุณหนู​ซือ​ใน​วัน​ปักปิ่น​ของ​ตัวเอง​นั้น​ ​นาง​เอง​ก็​มีส่วน​ต้อง​รับผิดชอบ​ด้วย​ ​ไม่​เพียง​ตั้งใจ​จะ​ไป​เยี่ยม​คุณหนู​ซือ​เท่านั้น​ ​ยัง​คิด​จะ​นำ​เงิน​ส่วนตัว​ไป​ชดเชย​ให้​นาง​ด้วย​ ​ท่าน​อย่า​ลืม​ว่า​ ​เงิน​ส่วนตัว​ของ​นาง​นั้น​ ​โดยมาก​ได้รับ​พระราชทาน​มาจาก​ฮ่องเต้​ ​อย่า​ปล่อย​ให้​นาง​นำ​ไป​มอบให้​แม่นาง​ซือ​ในขณะที่​กำลัง​หัว​ร้อน​เชียว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

การนำ​ของ​ที่​ได้รับ​พระราชทาน​จาก​ฮ่องเต้​ไป​มอบให้​ผู้อื่น​ถือเป็น​การ​ไม่​ให้เกียรติ​ฮ่องเต้

ฮ่องเต้​ทรง​ขุ่นเคือง​พระทัย​เรื่อง​เฉิน​อิง​กับ​ซือ​จูมาก​พอแล้ว​ ​หาก​มีเรื่อง​ที่​ฟู่​หยาง​นำ​เงิน​ส่วนตัว​ไป​ชดเชย​ให้​ซือ​จู​เกิดขึ้น​อีก​ ​ไม่แน่​ว่า​แม้แต่​พวกเขา​ก็​อาจจะ​ติดร่างแห​ไป​ด้วย

องค์​ชาย​ห้า​โน้มน้าว​ซู​เฟย​เหนียง​เหนียง​ ​“​ท่าน​เอง​ก็​ไม่​ชอบ​คุณหนู​ซือ​มิใช่​หรือ​ ​ในเมื่อ​นาง​ได้รับ​สมรส​พระราชทาน​ไป​แล้ว​ ​เหตุใด​ท่าน​ไม่​แสดงน้ำใจ​สักหน่อย​ ​ให้​ความช่วยเหลือ​อะไร​ได้​ก็​ช่วย​นาง​สักหน่อย​เถิด​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​!​”

นี่​ข้า​ทำบาป​กรรม​อะไร​มา​!​ ​ซู​เฟย​เหนียง​เหนียง​คิด​แล้วก็​ร้องไห้​ออกมา​อีกครั้ง

เพียงแต่ว่า​ใน​ตา​ไม่มี​น้ำตา​สัก​หยด

ไม่รู้​ว่า​องค์​ชาย​สาม​กับ​องค์​ชาย​ห้า​จะ​รู้​หรือไม่

***​

ซือ​จูดี​ขึ้น​กว่า​ตอน​กลับมา​จาก​วัง​หลวง​ใหม่​ๆ​ ​มาก​แล้ว​ ​อย่างน้อย​นาง​ก็​เริ่ม​ใคร่ครวญ​ถึง​เรื่องราว​ที่เกิด​ขึ้น​ใน​วัง​อย่างละเอียด

ตอนนั้น​คนที​่​เรียก​นาง​ไป​ห้อง​อุ่น​นั่น​คือ​คน​ข้าง​กาย​ของ​องค์​หญิง​ฟู่​หยาง​ ​แม้น​นาง​จะ​ระมัดระวัง​ตัว​ ​แต่​ก็​คิดไม่ถึง​ว่า​เรื่องราว​จะ​เลวร้าย​ถึงขั้น​นั้น

และ​ที่​ทำให้​นาง​คิดไม่ถึง​มากกว่า​ก็​คือ​เฉิน​อิง​ ​นาง​รู้​ว่า​เขา​เบาปัญญา​ ​รู้​ว่า​เขา​ไม่​ฉลาด​เท่า​เฉินลั​่ว​ ​แต่​นาง​ไม่​คาดคิด​ว่า​เขา​จะ​โง่งม​และ​หัวทึบ​ได้มาก​ถึง​เพียงนี้

องค์​ชาย​สาม​กับ​องค์​ชาย​ห้า​ต้อง​มีส่วน​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​นี้​อย่างแน่นอน

ยัง​มี​เฉินลั​่​วอี​กคน​ ​ไม่แน่​ว่า​อาจ​ร่วม​โยน​หิน​ใส่​บ่อน้ำ​ด้วย​ก็​เป็นได้

แต่​นาง​ไม่มี​อะไร​ให้​ต้อง​เสียใจ​ภายหลัง

มีชัย​เป็น​ราชัน​ ​ปราชัย​เป็น​กบฏ

นาง​เอง​ก็​เคย​วางกับดัก​เฉินลั​่ว​ ​เคย​ใช้อุบาย​กับ​องค์​ชาย​สาม​และ​องค์​ชาย​ห้ามา​ก่อน​ ​มนุษย์​มีอิสระ​เลือก​กิน​เลือก​ดื่ม​ ​แต่​ก็​ย่อม​มีผล​แห่ง​กรรม​ด้วย​ก็​เท่านั้น

เพียงแต่​นาง​คาดไม่ถึง​ว่า​องค์​ชาย​สาม​กับ​องค์​ชาย​ห้า​จะ​จงเกลียดจงชัง​นาง​มาก​ขนาด​นี้

ยังดี​ที่นาง​ไม่ได้​แต่ง​กับ​พวกเขา​ไป​อย่าง​ไม่รู้​เรื่อง​รู้​ราว

แต่​ให้​นาง​แต่ง​กับ​เฉิน​อิง​ ​นั่น​ก็​เป็นไปไม่ได้​เช่นกัน

นาง​ไม่​อยาก​ต้อง​เจอ​หน้า​คนโง่​ผู้​นั้น​ทุกเมื่อเชื่อวัน​ไป​ตลอดชีวิต

ซือ​จู​เริ่ม​คิด​คำนวณ​อยู่​ใน​ใจ​ว่า​ข้าง​กาย​นาง​มี​ใคร​ที่​เหมาะสม​บ้าง​ ​ดู​ว่า​จะ​ขอร้อง​ให้​ฮ่องเต้​เรียกคืน​พระราช​โองการ​ ​หรือไม่ก็​เปลี่ยน​พระทัย​ได้​หรือไม่

นาง​รู้​ว่านี​่​มิใช่​เรื่อง​ง่าย​ ​แต่​หาก​นาง​ไม่​ลอง​พยายาม​ดู​สัก​ตั้ง​ ​ก็​คงได้​แต่​ต้อง​ทน​แต่งงาน​กับ​เฉิน​อิง​ไป​ทั้ง​อย่างนี้​แล้ว

เพียงแต่ว่า​นาง​ยัง​คิด​แผนการ​ดี​ๆ​ ​ไม่​ออก​เลย​ ​ก็​มี​คน​จาก​อวี​๋​หลิน​มาหา​นาง​ก่อน​แล้ว

ซือ​จู​ประหลาดใจ​ยิ่ง​ ​ถาม​สาวใช้​คนสนิท​ว่า​ ​“​เหตุใด​พวกเขา​ถึง​เดินทาง​ได้​รวดเร็ว​ปานนี้​”

แม้น​งานแต่ง​ของ​นาง​จะ​เป็น​สมรส​พระราชทาน​ ​แต่​ก็​ต้อง​แจ้ง​ให้​คนที​่​บ้าน​ทราบ​ด้วย​สัก​คำ​หนึ่ง​ ​อวี​๋​หลิน​ไกล​จาก​ที่นี่​เป็นอย่างมาก​ ​เดินทาง​ไป​กลับ​อย่างไร​ก็​ต้อง​ใช้เวลา​ร่วม​เดือน​ ​นี่​ก็​เป็นสาเหตุ​ที่​งานแต่ง​ของ​นาง​ถูก​กำหนดให้​จัด​ขึ้น​ใน​เดือน​สาม​ของ​ปีหน้า

สาวใช้​ผู้​นั้น​หน้าซีด​เล็กน้อย​ ​กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​ทาง​อวี​๋​หลิน​ยัง​ไม่ทราบ​เรื่อง​เจ้าค่ะ​ ​ผู้​ที่​เดินทาง​มาค​รานี​้​คือห​มัว​มัว​ข้าง​กาย​นาย​หญิง​ ​นาย​หญิง​เป็นห่วง​ท่าน​ ​ระหว่าง​ที่​ให้​นาง​นำ​ของขวัญ​ประจำปี​มาม​อบ​ให้​ครอบครัว​ใต้เท้า​อวี​๋​นั้น​ ​ให้​นาง​ถือโอกาส​มาดู​ด้วยว่า​ท่าน​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

หาก​ตระกูล​ซือ​รู้​ว่า​ซือ​จู​ถูกจับ​แต่งงาน​กับ​เฉิน​อิง​ ​ทั้ง​ยัง​เกิดเรื่อง​อื้อฉาว​เช่นนั้น​ขึ้น​อีก​ ​เกรง​ว่า​ข้า​รับใช้​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ซือ​จู​เหล่านี้​คงรักษา​ชีวิต​เอาไว้​ไม่ได้

ใน​บรรดา​พวกเขา​เริ่ม​มี​คน​คิด​หาทาง​แอบหนี​ไป​เงียบๆ​ ​หรือไม่ก็​ขายตัว​ไป​อยู่​ตระกูล​อื่น​บ้าง​แล้ว

ซือ​จู​ได้ยิน​เช่นนั้น​แล้ว​สูด​หายใจเข้า​ลึก​ๆ​ ​ครั้งหนึ่ง​

บาง​เรื่อง​ ​ยาม​ที่​ควร​เผชิญหน้า​ก็​ต้อง​เผชิญหน้า​ ​แต่​ควรจะ​ผลัก​เฉิน​อิง​ออก​ไป​เป็น​แพะรับบาป​หรือไม่​นะ​…​นาง​ใช้เวลา​ใคร่ครวญ​ไม่​ถึง​สาม​ลมหายใจ​ก็​ตัดสินใจ​ได้​ว่า​ไม่​เพียง​ต้อง​พูดความจริง​กับ​คน​ของ​ตระกูล​ซือ​ที่มา​หา​เท่านั้น​ ​ยัง​ต้อง​ขอให้​คน​ของ​ตระกูล​ซือ​เดินทาง​เข้า​เมืองหลวง​ให้​เร็ว​ที่สุด​ ​เพื่อ​หารือ​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​นาง​กับ​เฉิน​อิง

นาง​ยอม​เป็น​ม่าย​ขันหมาก​เสียดี​กว่า​แต่งงาน​กับ​เฉิน​อิง

มีสา​มี​เช่นนี้​ก็​ทำให้​ชื่อเสียง​ของ​นาง​ด่างพร้อย​อยู่ดี

…………………………………………………………………..

ตอนต่อไป