ตอนที่ 22

Hell mode

เทเรเซียกรีดร้องอยู่ข้างๆ

“คะ คุณคะ? โกหกใช่ไหม? ระ โรดัน มะ ไม่น้าาาาาา!!!”

โรดันที่เต็มไปด้วยเลือดถูกหามกลับมาด้วยเปลง่ายๆที่ทำมาจากท่อนไม้กับผ้า เทเรเซียวิ่งเข้ามาหา ซึ่งเขายังหลับตาไม่ไหวติง เธอเบิกตากว้างพร้อมกับร้องไห้ตะโกนให้ตื่นขึ้นมา แต่โรดันก็ยังไม่รู้สึกตัว

“เทเรเซียไม่เป็นไรหรอก ใช้สมุนไพรไปแล้ว”

“เอ๊ะ? โกหก ระ เรื่องอย่างนี้……”

เทเรเซียทำหน้าสงสัยว่าทำไมเกลด้าถึงยังพูดปลอบใจอะไรแบบนั้นได้ เสื้อที่ย้อมไปด้วยสีดำดูยังไงก็ไม่ใช่บาดแผลที่น่าจะรอดได้เลย

“เรื่องจริง ใช้ดอกมูราเสะไปแล้ว”

“อ๊ะ? เอ๊ะ? โกหก ไม่น่าจะซื้อได้เลยนี่……”

ดูเหมือนจะเป็นสมุนไพรที่ทาสติดที่ดินไม่น่าจะซื้อไหว เขาพยายามบอกว่าเป็นเรื่องจริงพร้อมกับพาโรดันที่ยังไม่ฟื้นเข้าไปข้างในบ้าน โรดันถูกพาไปนอนในห้องนอนของเขากับเทเรเซีย ซึ่งเหล่าผู้ชายที่พามาด้วยมีประมาณ 20 คน ดูเหมือนทุกคนจะเป็นทาสติดที่ดินที่เข้าร่วมการล่า

“นี่ เบสกับโบโดโระ ไปตักน้ำมาที”

““ครับ””

เกลด้าสั่งการแทนเทเรเซียที่ยังคงวิตกังวล ดูเหมือนจะทำน้ำร้อนอเลนเลยเริ่มจุดไฟตรงห้องนั่งเล่น

(ทำไมถึงเป็นแบบนี้)

ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ทำในสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้

“เท่านี้ก็ไม่น่าห่วงแล้ว พวกแกไปเอาเนื้อกันได้ ทางนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

“““หา!?”””

ได้ยินเสียงเหล่าผู้ชายบอกว่าทำไมถึงพูดอย่างนั้น มัชชูตื่นขึ้นมาเพราะความวุ่นวายและเริ่มร้องไห้ อยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้ชายไม่รู้จักจำนวนมากรายล้อม ทำให้เทเรเซียเข้าไปอุ้มเพื่อปลอบให้สงบ

“เข้าใจหรือยัง ถ้ายังอยู่อย่างนี้มันกลับจะสร้างความรบกวน ที่เหลือฉันทำเอง กลับบ้านไปซะ”

“““เข้าใจแล้วครับ”””

“แล้วก็ คิดว่าคงจะรู้กันอยู่แล้ว แต่อย่าด่วนทำอะไรลงไป”

“หา! เพราะไอ้ประชาชนเลยเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ! คุณเกลด้าเองก็คิดอย่างนั้นใช่ไหม!! ให้ทุกคนทำเถอะ!!!”

เบสที่กำลังตักน้ำอยู่ไม่อยากจะเชื่อหูเลยตะโกนเสียงดังออกมา ทุกคนส่งเสียงออกมาว่าใช่แล้วๆ แสงไฟที่อยู่ข้างนอกพอต้องกับหอกที่เหล่าผู้ชายวางตั้งไว้ตรงกำแพงก็ส่องแสงแปลกๆออกมา ยิ่งทำให้มัชชูตกใจร้องไห้ออกมายกใหญ่

“นี่เบสเรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง ดังนั้นเอาเนื้อแล้วกลับบ้านไปซะ ถ้าเข้าใจก็ตอบกลับมาด้วย?”

“ขะ เข้าใจแล้วครับ……”

เสียงต่ำที่ดูหนักแน่น รู้สึกได้ถึงความโกรธที่แตกต่างกับของเบส เกลด้าเองก็ไม่ได้สงบเท่าไร ทำให้เบสและเหล่าชายคนอื่นๆตอบกลับมาเพราะโดนกดดัน

เหล่าผู้ชายที่เกะกะกลับไปตามทาง สุดท้ายทุกคนนอกจากเกลด้าก็กลับบ้านไป

เทเรเซียกับเกลด้าถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดออก

“!?”

พอได้เห็นร่องรอยบาดแผลตรงท้องของโรดันเทเรเซียรู้สึกสะเทือนใจอย่างแรง รอยแผลขนาดใหญ่ที่เหมือนพยายามฝืนประสานเนื้อส่วนท้องที่ขาดเข้าด้วยกัน

“บอกไปแล้วไงว่าผลของดอกมูราเสะเป็นของจริง โชคดีนะเนี่ยที่ร้านขายสมุนไพรมีเก็บไว้บ้างเนี่ย”

เกลด้าพูดอย่างนั้น พร้อมกับเอาบิดผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนแล้วเช็ดทำความสะอาดร่างกายของโรดัน เทเรเซียเองก็คงสงบขึ้นแล้วถึงรู้สึกได้ว่าหน้าอกของโรดันโยกขึ้นลงเล็กน้อยจาการหายใจ

“แต่ว่า ทำไมถึงมีสมุนไพรราคาแพงอย่างนั้น?”

“……ก่อนหน้านี้ได้รับเหรียญทองมาจากอัศวินน่ะ คิดถูกนะเนี่ยที่เหลือเอาไว้นิดหน่อย”

อเลนที่พามัชชูที่ร้องไห้จนหลับไปไว้ในที่นอนตรงห้องเด็กเสร็จ ได้ถามออกมา

“แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอ? จริงเหรอที่ประชาชนเป็นคนทำ?”

เทเรเซียกับเกลด้าประหลาดใจกับท่าทางของอเลน คงคิดว่าน้ำเสียงการพูดอย่างนั้นไม่เหมือนกับเด็ก ดวงตาของอเลนเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่พ่อคนสำคัญกลายเป็นอย่างนี้ เทเรเซียเองก็มองดูท่าทีของเกลด้า ซึ่งเธอเองก็อยากถามเหมือนกันว่าทำไมมันถึงกลายเป็นอย่างนี้

“โทษที เรื่องมันค่อนข้างยาวขอกินน้ำหน่อย”

อเลนใช้แก้วไม้ตักน้ำจากโอ่งมาให้ ดูเหมือนเกลด้าจะกระหายน้ำมากทำให้ดื่มเข้าไปรวดเดียวจนหมด

“หลายปีก่อนหน้าหัวหน้าหมูบ้านเคยพูดเอาไว้ ว่าอยากให้ประชาชนเข้าร่วมการล่าหมู่ป่าน่ะ”

ที่ผ่านมาจะทำการล่าหมู่ป่าจะโดยทาสติดที่ดินราวๆ 20 คนโดยตลอด และได้ยินมาว่าประชาชนคิดว่ามันไม่ค่อยดีสักเท่าไร รางวัลของการล่าหมู่ป่าคือก้อนเนื้อ โดยจะได้รับก้อนเนื้อขนาดใหญ่ราวๆ 10 กิโลกรัม จำนวน 1 ใน 3 จะแบ่งให้กับผู้ที่ขนมากับผู้ทำการชำแหละ โดยผู้ที่เข้าร่วมการชำแหละเป็นทาสติดที่ดินประมาณ 50 คน

ทาสติดที่ดินทำการปราบ ทำการชำแหละ และกินเนื้อหมูป่า ส่วนประชาชนทำได้แค่ทำการแลกเปลี่ยนกับของจำเป็นอย่างฟืนหรือเกลือเท่านั้น แต่นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเดียว ถ้าต้องการก็ต้องไปซื้อเนื้อส่วนที่เหลือกับหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ว่าเนื้อของระดับ C ไม่ใช่เนื้อที่ประชาชนจะซื้อได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่จะถูกแปรรูปและขนไปยังเมืองที่ท่านเจ้าเมืองอยู่

“ดังนั้นประชาชนเองก็อยากได้เนื้อหมู่ป่า หัวหน้าหมู่บ้านเองก็อยากขยายการล่าไปถึงประชาชนด้วย แต่ไม่มีใครเสนอตัวมาเลย”

หัวหน้าหมู่บ้านอยากให้ไป ถึงประชาชนอยากได้เนื้อแต่ก็ไม่อยากไป การไปล่าหมายความว่าจะต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ แล้วใช่ว่าทาสติดที่ดินจะทำการปราบได้อย่างสบายๆ ที่จริงแล้วในช่วง 10 ปีมีหลายคนที่ตายไปอยู่ ถึงกระนั้นก็ยังต้องไปล่า

ถึงจะไม่ได้บอกว่าทำไมถึงต้องมาทำการล่าที่อันตรายอย่างนี้ แต่มันจะต้องมีเหตุผลเพื่อไปล่าอยู่แล้ว นั่นก็เพื่อครอบครัวไง

“ถ้างั้น ทำไมคราวนี้ประชาชนถึงไปด้วยเหรอ?”

อเลนถามออกมา

“…อาจจะเพราะท่ามกลางทาสติดที่ดินมีวีรบุรุษปรากฎตัวก็ได้”

ยอดนักดาบปรากฎตัวขึ้นในทาสติดที่ดิน และที่หัวหน้าอัศวินกล่าวชมต่อหน้าเหล่าผู้มีอิทธิพลของหมู่บ้าน ไม่ใช่ทั้งหัวหน้าหมู่บ้าน และผู้มีอิทธิพลที่เข้าร่วมงานเลี้ยง ซึ่งคนที่ได้รับคำชมเชยจากเจ้าเมืองคือโรดัน หลังงานเลี้ยงเรื่องเล่านั้นก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน

“ตอนต้นเดือนโดนหัวหน้าหมู่บ้านเรียกไปพร้อมกับโรดัน แล้วสั่งว่าให้พาคนหนุ่มไปด้วย 5 คน”

เพราะคำสั่งของหัวหน้าหมู่บ้านเลยมาฝึกฝน ถึง 10 วันก่อนจะพูดให้ฟังแล้วก็ตาม แต่ก็ทำการรวบทุกคนมาเพื่อฝึกซ้อมวิธีการล่าอยู่หลายครั้ง แต่ท่าทีของประชาชนหนุ่มเหล่านั้นต่อทาสติดที่ดินไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร ถึงกระนั้นโรดันก็ยังคงตั้งใจฝึนฝนให้

แล้วก็มาถึงวันนี้ ซึ่งแผนการต่อสู้เป็นไปตามที่ฝึก

เกี่ยวกับวิธีการล่าเกรซบอร์ ได้ยินมาจากโรดันหลายครั้งแล้ว มันเป็นวิธีที่เรียบง่าย ล่อออกมา ล้อม แล้วให้ทุกคนใช้หอกจัดการ

“การจะล่อออกหรือจัดการแทงหมูป่าที่อาละวาดต้องใช้ประสบการณ์ เลยให้ประชาชนทำหน้าที่ล้อมแทน”

ให้ทำหน้าที่ที่ง่ายที่สุด แต่ดูเหมือนจะทำพลาด พอทำหน้าที่กำแพงต่อหน้ามอนสเตอร์ก็เกิดกลัวจนขยับไม่ได้ ทำให้กำแพงพังลง จนหมู่ป่าเข้ามาตะลุมบอนได้

“โรดันโดนเขี้ยวของหมูป่าเสียบเข้า จนอยู่ในสภาพอย่างนี้”

สุดท้ายถึงจะต่อสู้และจัดการได้อย่างทุลักทุเล แต่โรดันก็บาดเจ็บสาหัส

เกลด้าเองก็เล่าถึงแค่นี้แล้วกลับไป ซึ่งภรรยาและลูกสาวของเขาก็คงรออยู่ด้วยความเป็นห่วง

พอเกลด้ากลับไปก็ทำให้บ้านของอเลนกลับคืนสู่ความเงียบ เทเรเซียกุมมือของโรดันที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ซึ่งเธอบอกให้อเลนไปนอน ซึ่งเขาก็ไปนอนตามที่บอก

แล้วก็มาถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เกลด้ามาหาตอนที่อเลนและเทเรเซียตื่น เขาเอาเนื้อชิ้นใหญ่มาให้ แล้วบอกว่านี่เป็นส่วนของโรดัน พอเห็นเนื้อก็รู้เลยว่าโรดันพยายามเสี่ยงชีวิตมากแค่ไหน ทำให้เทเรเซียทรุดลงไปร้องไห้อยู่ตรงห้องพื้นดิน

“โรดันยังไม่ฟื้นเหรอ?”

เกลด้าไปตักน้ำใส่โอ่ง ราวกับไม่อยากจะแตะเรื่องที่เทเรเซียร้องไห้

“สบายใจเถอะน่า จะต้องก้าวผ่านหน้าหนาวไปได้แน่ จงเบาใจแล้วคลอดลูกเถอะ”

เกลด้าบอกว่าจะทำอะไรสักอย่างกับหน้าหน้านี้ รวมถึงเด็กที่อยู่ในท้องด้วย

“เอ๊ะ ขะ ขอบ……”

ตอนนั้นเอง

“ทะ ที่นี่มัน?”

โรดันฟื้นขึ้นมา และแสดงสีหน้าราวกับไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

“ระ โรดัน!!”

เทเรเซียเข้าไปกอดโรดัน ถึงแผลของเขาจะยังไม่หายสนิทจนส่งเสียงร้องออกมา มัชชูเองก็พูดว่าป๊ะป๋ะ! ป๊ะป๋ะ! และเข้าไปกอด

3 คนกอดไปร้องไห้ไป

ดูการกอดกันของทั้ง 3 คน

(ฉะ ฉันทำอะไรอยู่เนี่ย)

อเลนคิดขึ้นมา ตามจริงไม่ได้สนใจที่ต้องเกิดเป็นทาสติดหรอก เพราะทางเลือกมีแค่ทาสติดที่ดินเท่านั้น จะเป็นองค์ชายหรือนักเดินทางก็ได้ ตอนที่ยังเป็นเคนอิจิ อเลนได้เล่นเกมมากมายโดยเริ่มเล่นตั้งแต่อายุ 7-8 ขวบ เพราะอย่างนั้นไม่เคยเลือกครอบครัวของตัวเอกเลยสักครั้ง นั่นก็เพราะว่ามันแทบจะไม่มีผลต่อความสนุกของเกมหลังจากนั้นเลย

แต่ว่า ตัวเองที่เกิดมาจากโรดันและเทเรเซียที่ต้องพยายามใช้ชีวิตในฐานะทาสติดที่ดิน ไหนจะมีน้องชายและชีวิตใหม่ที่อยู่ในท้องของเทเรเซียอีก และเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ต้องทำในโลกนี้

รู้สึกเหมือนภายตัวเองมีอะไรบางอย่างลืมตาตื่นขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่เหมือนได้มาเกิดใหม่ตอนอายุ 6 ขวบ และต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองในต่างโลกนี้

“โอ้ ฟื้นแล้วเหรอโรดัน”

เกลด้าพูดพร้อมกับมองโรดันด้วยท่าทางเจ็บปวดเล็กน้อย

“เกลด้าเหรอ นี่ฉันยังรอดอยู่เหรอ?”

“อือ โชคดีน่ะ ไม่เป็นไรนะ?”

“อือ”

โรดันพยายามลุกขึ้นมา ถึงจะยังเจ็บตรงท้องแต่ก็ลุกขึ้นมานั่งตรงที่นอน ดูเหมือนแผลจะยังไม่หายดี

“ถ้างั้นไปก่อนนะ เรื่องการล่าหมูป่าสบายใจได้ทางนี้จะจัดการให้เอง แล้วจะช่วยดูแลครอบครัวของเจ้าให้ผ่านหน้าหนาวนี้ไปให้ได้ จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็รักษาตัวไปซะ”

เพราะเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยก่อน เลยพูดออกมาคร่าวๆเพื่อให้สบายใจ

“งะ งั้นเหรอ ขอโทษนะ”

“ผิดแล้วครับคุณพ่อ”

“หือ? คุณพ่อ?”

โรดันรู้สึกถึงคำพูดที่เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ท่าทางมันแตกต่างไป เทเรเซียเองก็มองอเลนราวกับอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เรื่องที่บ้านปล่อยให้ผมจัดการเอง แล้วค่อยๆพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายเถอะ”

“เอ๊ะ? อือ รู้สึกดีใจอยู่หรอก แต่ที่เกลด้าพูด……”

โรดันพูดจนจบไม่ได้ แววตาของอเลนแฝงไว้ด้วยการเตรียมตัวเตรียมใจถึงขนาดนั้น

“ผมจะปกป้องบ้านนี้ให้ได้”

ช่วงหมดฤดูใบไม้ร่วงที่อายุ 6 ขวบ วันที่อเลนลืมตาตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็เริ่มทำงานของหมู่บ้านอย่างเต็มตัว