ตอนที่ 158

ฉินเทียนสัมผัสได้ พวกเฟิง หยุน เหลย เตี้ยนเองก็สัมผัสได้เช่นกัน

กระนั้นพวกเขากลับไม่ได้ดูกังวลสนใจแม้แต่น้อย

เฟิงพลิกมือคราหนึ่งก็ควบคุมน้ําทะเลโดยรอบ ประกายตาเย็นเยียบฉายขึ้นวูบในสายตาของเขาแล้ว ฉินเทียนยังไม่คู่ควรให้ลงมือสุดกําลัง

ต่อให้รวมอีกสองคนที่เหลือนั่นด้วยก็ยังไม่มีคุณสมบัติจะมาสู้กับเขา

ระดับแปดขั้นกลั้นวิญญาณก็มีเพียงเท่านี้เอง อ่อนแอเกินไปแล้ว

“ตายด้วยมือข้าถือเป็นวาสนาของเจ้า เกิดใหม่ชาติหน้าก็จงจําไว้ว่าอย่าได้ล่วงเกินกลุ่มชิงเทียนอีก ไม่อย่างนั้น….เจ้าก็จะตายซ้ําแล้วซ้ําอีก”

สิ้นคํากล่าว จิตสังหารก็กดทับลงจนบรรยากาศโดยเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง

คมมีดสายลมสองสายปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือของเฟิง คมมีดสายลมซึ่งแข็งแกร่งกว่าคมมีดสายลมของราชสีห์เนตรโลหิตระดับหกนับสิบเท่าพลันพุ่งออกไป น้ําทะเลโดยรอบถูกแหวกออกเป็นทางยาว

อานุภาพที่แฝงอยู่ในคมมีดสายลมนี้ยังรุนแรงกว่ากระแสน้ําที่พวกฉินเทียนเผชิญมาก่อนหน้าเสียอีก

มุกหลีกวารีเพียงต้านน้ําทะเล ไม่ต้านพลังจากภายนอก แม้จะรอดพ้นจากแรงดันน้ํา แต่กระแสลมที่คมกริบก็ยังบาดใบหน้าจนเจ็บแสบ

“หากสบโอกาสให้รีบหนี จําไว้ว่าพวกท่านต้องหนี”

“หากข้ายังไม่ตายจะไปพบกับพวกท่านที่เมืองอสูรในอีกสามเดือน”

“แต่หากข้าตาย….เช่นนั้นก็ล้างแค้นให้ข้าด้วย”

“ฮ่าๆ……”ฉินเทียนเงยหน้าหัวเราะ พลังมังคชสารในร่างพลันปะทุออก ภายใต้ผลของค่าสถานะเพิ่มขึ้นแปดเท่า ร่างกายของเขาก็แดงกราวกับเหล็กถูกหลอม ตามร่างกายเริ่มปรากฏไอน้ําระเหยออกอย่างต่อเนื่อง

“เป็นพลังปราณที่หนาแน่นดุจห้วงสมุทรจริงๆ ปริมาณขนาด ข้าก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก”

“และก็เป็นครั้งสุดท้าย เหอๆ”

แม้สีหน้าจะเย็นเยียบ หากในใจยังตกตะลึงไม่น้อย เขาคิดไม่ถึงว่าพลังปราณของฉินเทียนจะลึกล้ำปานนี้ เป็นปริมาณปราณที่ไม่ด้อยไปกว่าขั้นสวรรค์เลย

ยิ่งได้เห็นศักยภาพ ความคิดฆ่าฟันก็ยิ่งรุนแรง คมมีดสายลมสองสายที่ใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัวพลันพุ่งออกไปดักสกัดทางหนีทีไล่ของคนทั้งสาม

เฟิง หยุน เหลย เตี้ยน ไม่ว่าคนหนึ่งคนใดก็แข็งแกร่งกว่าเหยาชิงหรือหวังซีที่เพิ่งเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นสวรรค์

คนทั้งสี่บ่มเพาะพลังฝีมืออยู่ในขั้นสวรรค์มานับร้อยปี ดังนั้นพวกเขาย่อมมีความเข้าใจในการใช้พลังสวรรค์อย่างถ่องแท้

“หลบหลังข้า!”

ฉินเทียนตะโกนก่อนจะเร่งเราโคจรพลังปราณอย่างบ้าคลั่ง “คชสารชําระล้าง เทพความมืดทําลายล้าง……”

ควบคู่ไปกับการใช้บ้าคลั่งขั้นที่สอง ทักษะทั้งสามก็ถูกใช้ออกพร้อมกันอีกครั้ง

พลังคชสารชําระล้างและพลังแห่งความมืดหลอมผสานเข้าด้วยกัน และภายใต้ผลของบ้าคลั่งขั้นที่สอง เสาแสงสีดําก็พุ่งขึ้นทะลวงฟ้า พลังอํานาจอันมหาศาลแผ่พลังไร้สภาพกระแทกออกโดยรอบ

เสาสีดําครั้งนี้ย่อมทรงพลังยิ่งกว่าเสาสีดําที่เคยปรากฏในเมืองอสูร

“นี่มันทักษะอะไร?”

“เหลือเชื่อจริงๆ”

เฟิงใจหายวาบ จากนั้นจึงตัดสินใจจะสู้เต็มกําลัง

“กําลังรออยู่เลย”

ฉินเทียนยกยิ้มพลางบังคับเสาแสงสีดําฟาดเข้าใส่เฟิง เสาสีดํานี้รวบรวมอํานาจของสุดยอดทักษะทั้งสามไว้ด้วยกัน ยามฟาดลงมาในทะเลจึงไร้แรงต้านใดหยุดยั้ง

ฟุบ……

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นก่อนที่น้ําทะเลโดยรอบจะถูกแหวกออกเป็นช่องยาว กระแสน้ํารอบด้านม้วนซัดอย่างปั่นป่วน

เฟิงแค่นเสียงก่อนที่ตามแขนจะปรากฏเส้นเลือดปูนโปน “ระดับแปดขั้นกลั่นวิญญาณก็กล้ามาอวดดีต่อหน้า ข้าช่างน่าหัวร่อ”

คมมีดสายลมสายหนึ่งกระพริบวาบก่อนจะหายไปในน้ําทะเล อีกหนึ่งบินแหวกน้ําทะเลตรงดิ่งเข้าหาเสาแสงสีดํา

ฉินเทียนตีหน้าเครียด คมมีดสายลมที่หายไปต้องมีเป้าหมายอยู่ที่พวกเขาเป็นแน่ ตอนนี้มันพลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่กลิ่นอายก็ถูกลบหายไปด้วย แล้วนี่จะรับมืออย่างไร?

“ปะทุ!”

เมื่อไร้วซึ่งหนทาง ฉินเทียนก็คํารามด้วยความโกรธ พลังปราณของเขาถดถอยเร็วรี่ ปรารเพลิงสีม่วงเริ่มแผ่ออกผนึกเป็นม่านพลังครอบคลุมคนทั้งสามเอาไว้

“ม่านพลังปราณ?!”

“เหอๆ ต่อให้มีพลังปราณลึกลําแล้วอย่างไร หรือยังจะต้านทานคมมีดสายลมของบิดาได้? เปล่าประโยชน์”

เฟิงแค่นเสียงก็จะงองุมฝ่ามือเป็นกรงเล็บ

เสียงหวีดวิวพลันดังขึ้นเหนือศีรษะของพวกฉินเทียน….

ขณะเดียวกันคมมีดสายลมอีกสายก็พุ่งปะทะเสาแสงสีดํา แรงกระแทกที่เกิดจากการปะทะทําให้คนทั้งหมดพลันหูอื้อไปชั่วขณะ

ฉินเทียนที่สัมผัสได้ถึงการปะทะนั้นพลันรู้สึกหัวใจบีบรัด

ยังไม่ทันที่ฉินเทียนจะทันได้เตรียมตัว จู่ๆคมมีดสายลมที่อยู่เหนือศีรษะของเขาก็เปล่งประกายสีเงินและหายวับก่อนจะปรากฏขึ้นสลับซ้ําไปมา ระยะห่างระหว่างคมมีดสายลมและพวกเฉินเทียนก็ลดลงเรื่อยๆ…

ม่านพลังปราณของขั้นกลั่นวิญญาณย่อมไม่อาจต้านทานคมมีดสายลมที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังสวรรค์

แต่ที่ฉินเทียนเลือกทําเช่นนี้ก็เพราะต้องการจะตรวจจับตําแหน่งของคมมีดสายลม

เมื่อกางม่านพลังปราณออก ทุกสิ่งที่เข้าใกล้ก็จะอยู่ในการรับรู้ของเขา และสิ่งที่ม่านพลังปราณตอบสนองรวดเร็วที่สุดก็คือพลังปราณ ไม่ว่าพลังสวรรค์จะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่แก่นแท้ของมันก็คือพลังปราณ

ดังนั้นคมมีดสายลมนี้จึงไม่อาจหลุดรอดการรับรู้ของฉินเทียน

ก่อนที่มีดสายลมจะปรากฏขึ้น นินเทียนก็ทราบตําแหน่งของมันแล้ว เขารีบบอกเพิ่งผ่านอีและเฮยหยาน ทั้งสามคนจะได้ลงมือตอบโตในเวลาเดียวกัน

เมื่อคมมีดสายลงนั้นกรีดแทงลงมา ทั้งสามคนก็ดีดตัวพุ่งแยกออกไปคนละทาง

นับตั้งแต่สร้างเสาแสงสีดําเสร็จ ฉินเทียนก็ไม่เคยหยุดใช้กลิ่นอายนักล่า ในหมู่คนทั้งสี่ มีเพียงเฟิงที่ออกหน้าลงมือ คนที่เหนือเพียงจ้องมองอย่างเฉยชา ไม่มีทีท่าจะเข้าร่วมการต่อสู้ นี่แปลกประหลาดอย่างมาก

ตอนแรกฉินเทียนคิดว่า พวกเขาหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ไม่ลดตัวมาลงมือพร้อมกัน

แต่หลังจากสังเกตมาจนถึงตอนนี้ ฉินเทียนก็ไม่คิดเช่นนั้นแล้ว นับตั้งแต่ที่พวกเขาปรากฏตัว ยิ่งนานกลิ่นอายภายในร่างของพวกเขาก็ยิ่งรุนแรง จากนั้นเมื่อคิดถึงคําพูดของเพิ่งผ่านอีที่บอกว่าคนทั้งสี่มีท่าประสานที่สามารถรับมือได้กระทั่งขั้นจุติออยู่

จากนั้นจึงคิดถึงยอดฝีมืออีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลอันมืดมิด

ยอดฝีมือนั้นมีเหตุผลอะไรให้ซ่อนตัว อีกฝ่ายไม่จําเป็นต้องทําเช่นนั้น

ที่เขาซ่อนตัวไม่ยอมลงมือ นั่นก็เพราะว่าเขากลัวจะโดนลูกหลงจากท่าประสานของมือสังหารทั้งสี่……

“นั่นต้องรุนแรงขนาดไหนถึงกับทําให้ระดับสูงสุดของขั้นสวรรค์ถึงกับถอยห่าง?” ฉินเทียนขมวดคิ้ว แต่เขาไม่มีเวลาให้ขบคิดต่อ พวกฉินเทียนทั้งสามคนพลันแยกย้ายกันพุ่งเข้าใส่ หยุน เหลย เตี้ยน

ก่อนที่คมมีดสายลมนั้นจะกระแทกเข้ากับพื้นทราย พวกเขาทั้งสามก็พุ่งตัวออกมาแล้ว จากนั้นทั้งพื้นที่ก็พลันตกอยู่ในฝันทราย

เศษทรายปลิวว่อน บดบังทัศนวิสัยของคนทั้งหมด……..

อันตรายแล้ว!