“นอกจากเรื่องที่ว่ามีคนถูกทำร้ายในซอยเปลี่ยวที่น่าจะเป็นฝีมือของเดดารัสที่เป็นคู่หูของเธอแล้วก็ยังมีเรื่องของคนที่ขัดคำสั่งของเอริกะแล้วแอบลอบเข้าไปในสุสานใต้ดินจนหายตัวไปอีกงั้นหรอ?”
หลังจากที่พวกนากาที่เดินตามหลังทีเอร่าไปตามท้องถนนและได้ฟังเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ในแพนเทร่าจากเด็กสาวจนจบนั้นเอง นากาก็ได้เอ่ยปากพูดถามทีเอร่าขึ้นมาเพื่อขอคำยืนยันจากเธอจนเป็นสาเหตุให้เด็กสาวหูแมวหมุนตัวกลับมาพูดตอบเขาด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“ใช่แล้วล่ะค่ะ พวกพี่จะเอายังไงกันต่อล่ะคะ? ตอนนี้ที่น่าจะทำได้ก็มีเดินไปตรวจสอบตรอกข้างๆ ร้านขนมที่เป็นหนึ่งในสถานที่เกิดเหตุหรือไม่ก็ลองไปตรวจสอบสุสานใต้ดินที่พวกพี่ๆ เขาหายตัวไปดูน่ะค่ะ”
“ตรอกข้างร้านขนมกับสุสานใต้ดินงั้นหรอครับ…”
“ถ้าเป็นร้านขนมของพวกพี่คุ๊กกี้ล่ะก็อยู่แค่ตรงนู้นเองน่ะค่ะ ส่วนสุสานเก่านั่นมันอยู่ข้างๆ โบสถ์ที่หนูไปขอเขาอยู่ แต่ว่ามันอยู่ที่อีกฝั่งนึงของเมืองเลยอ่ะ ถ้าเกิดว่าต้องไปตรวจสอบทั้งสองที่น่าจะไม่ทันล่ะมั้งคะ”
ในขณะที่คอนแนลกำลังพูดพึมพำออกมาอยู่นั้นเอง ทีเอร่าก็ได้เอ่ยปากพูดอธิบายเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกเขาจะต้องไปขึ้นมาจนทำให้อีฟที่ได้ยินคำว่าขนมของเด็กสาวชะเง้อคอมองไปทางนู้นที่เด็กสาวพูดถึงด้วยท่าทีสนอกสนใจในทันที
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านนากาที่เห็นท่าทีตื่นเต้นของอีฟก็กลับขมวดคิ้วเล็กน้อยและก้มหน้าลงเพื่อใช้ความคิดก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันกับคอนแนลไปจะดูที่ร้านขนมให้เอง แล้วเดี๋ยวให้โมโกะเขาพาอีฟไปที่โบสถ์ก็แล้วกัน”
“ทางผมไม่มีปัญหาอะไรนะหรอกครับ แต่ว่าให้โมโกะไปคนเดียวจะคุมอีฟไหวหรอครับนากา?”
คอนแนลที่ได้ยินข้อเสนอของนากาได้พูดถามเพื่อนของเขากลับไปด้วยความสงสัย เพราะถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงโมโกะที่ต้องคอยคุมอีฟเอาไว้ด้วยตัวคนเดียวในขณะที่ต้องคอยหาข้อมูลเรื่องคนหายในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยไปด้วยแบบนั้น
ซึ่งคำถามของคอนแนลก็ได้ทำให้นากาที่มีแผนอยู่ในใจแล้วต้องพูดอธิบายขึ้นมาให้เพื่อนอัศวินของเขาฟัง
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันว่าจะให้ทีเอร่าเขาตามไปช่วยดูให้ด้วยน่ะ เพราะว่ายังไงเธอก็ต้องเป็นคนนำทางไปที่โบสถ์อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”
“เอ๋? หนูหรอคะ? มันก็ใช่อ่ะแหล่ะค่ะ ยกเว้นแต่ว่าพวกพี่ๆ จะไปกันเองถูกอะนะคะ”
ทีเอร่าที่ได้ยินชื่อของตัวเองดังขึ้นมานั้นได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านคอนแนลก็ยังคงไม่ไว้วางใจการจัดแบ่งสมาชิกของนากาที่ปล่อยให้โมโกะที่ยังไม่หายดีไปกับเด็กจอมซนอย่างอีฟอยู่ดีเขาจึงได้พูดถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“แต่ถ้างั้นให้โมโกะกับอีฟเขาไปกับนากาที่ร้านขนมจะไม่ดีกว่าหรอครับ?”
“นายอย่าลืมสิว่าที่ร้านขนมนั่นมันเป็นเรื่องคนโดนทำร้ายส่วนที่โบสถ์เป็นเรื่องตามหาคนหายน่ะ เชื่อฉันเถอะว่าถ้าเป็นเรื่องตามหาคนหายล่ะก็โมโกะเก่งกว่านายที่เป็นอัศวินแน่ๆ ล่ะ”
นากาที่ได้ยินคำถามของคอนแนลได้พูดอธิบายสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ออกมาให้อัศวินหนุ่มฟัง และเมื่อนากาเห็นว่าคอนแนลเหมือนจะไม่มีข้อโต้แย้งอะไรเขาจึงได้พูดอธิบายออกมาเพิ่มเติม
“แล้วก็ถ้าเกิดว่าฉันพาอีฟไปที่ร้านขนมจริงๆ ล่ะก็นายคิดว่าฉันจะได้มีเวลาหาข้อมูลอะไรด้วยหรือไงน่ะ”
“เอ่อ… มันก็จริงแหล่ะมั้งครับ”
คอนแนลที่ได้ยินคำพูดของนากาในครั้งนี้ได้แต่ต้องพยักหน้าเห็นด้วยอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อนากาเห็นว่าเขาเหมือนจะตกลงกับคอนแนลได้แล้วเขาจึงได้หันไปพูดบอกโมโกะที่กำลังคุมอีฟไม่ให้ก่อเรื่องซนขึ้นมาอีกที
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวเธอกับอีฟให้ทีเอร่าเขาพาไปหาข้อมูลที่โบสถ์ก็แล้วกันนะโมโกะ”
“เอ๋ะ? อื้ม… ได้สิ”
โมโกะที่กำลังปล่อยให้อีฟย่อตัวลงไปมองดูดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ ที่งอกอยู่ในสนามหญ้าของสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ข้างๆ นั้นได้เงยหน้ากลับขึ้นมาตอบนากากลับไปสั้นๆ ก่อนที่เธอจะก้มกลับไปลงดูแลอีฟต่อ
ส่วนทางด้านทีเอร่าที่เห็นว่าพี่ๆ คนใหม่ของเธอตกลงกันได้แล้วก็ได้ชี้ตรงไปตามถนนพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง
“ถ้างั้นร้านที่พวกพี่ต้องไปก็อยู่ทางนู้นเลยค่ะ เดินไปอีกสักสองช่วงตึกจะเจอร้านที่ชื่อว่าคุ๊กกี้แอนด์บราวนี่อยู่แถวๆ นั้นน่ะค่ะ ถ้าพี่คอนแนลไปถึงแล้วก็บอกพวกพี่ๆ เจ้าของร้านไปว่าเป็นคนที่จะมาตรวจสอบเรื่องนี้ที่หนูเคยบอกเอาไว้ได้เลย พวกพี่ๆ เขาน่าจะยังจำได้อยู่ล่ะมั้งคะ… เอาล่ะ ถ้างั้นก็ไปกันเถอะค่ะพี่โมโกะ”
ทีเอร่าที่ดูเหมือนจะคิดว่าพวกเธอใช้เวลามากเกินไปในการปรึกษากันแล้วนั้นได้ออกเดินนำโมโกะและอีฟไปตามถนนในทันทีโดยปล่อยให้นากาและคอนแนลไปคลำหาทางกันเองที่เบื้องหลัง
และในระหว่างที่เหล่าสาวๆ กำลังเดินทางไปยังสุสานใต้ดินอันเป็นเป้าหมายอยู่นั้นเอง ทีเอร่าก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาให้พี่สาวคนใหม่ของเธออย่างพี่โมโกะฟังไปด้วย
“จุดที่พวกเราจะต้องไปเป็นสุสานของโบสถ์ที่หนูกำลังอาศัยอยู่น่ะค่ะ ถ้าเกิดว่าอีฟเขาทำท่าจะเบื่อขึ้นมาเดี๋ยวก็ให้เขาไปเล่นกับพวกพี่ซิสเตอร์ข้างในโบสถ์กันก่อนก็แล้วกันนะคะ”
“อื้ม…”
“…….?”
คำพูดของทีเอร่าได้ทำให้โมโกะพยักหน้ากลับไปให้เธอในขณะที่ทางด้านอีฟนั้นก็ได้เอียงคอเล็กน้อยเหมือนกับไม่เข้าใจว่าทำไมทีเอร่าถึงพูดชื่อเธอขึ้นมา ซึ่งท่าทางใสซื่อของอีฟนั้นก็ได้ทำให้ทีเอร่ากระดิกหูแมวของเธอและส่งยิ้มไปให้เด็กสาวตัวน้อยด้วยท่าทางอารมณ์ดี
และหลังจากที่กลุ่มของเหล่าเด็กสาวเดินไปตามถนนได้อีกสักพักหนึ่ง ทีเอร่าก็ได้เลี้ยวเข้าไปด้านในอาณาเขตของโบสถ์แห่งหนึ่งก่อนที่เธอจะพาโมโกะและอีฟอ้อมไปทางด้านข้างและหยุดฝีเท้าลงที่ด้านหน้าของสุสานที่ตั้งอยู่ข้างๆ กันก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมา
“ที่นี่แหล่ะค่ะ”
“สุสานงั้นหรอ…”
โมโกะที่ได้พบว่าสถานที่ด้านหน้าคือสุสานที่ดูเก่าแก่และเต็มไปด้วยหมอกควันหนาทึบจนบรรยากาศดูขมุกขมัวน่าขนลุกนั้นได้พูดพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะหันไปมองทางด้านอีฟดูบ้างเพื่อสังเกตดูท่าทีของเด็กสาว
“…….?”
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเด็กสาวผมสีขาวผู้ไม่ยอมลืมตานั้นก็กลับเงยหน้าขึ้นมาเอียงคอมองกลับมาทางเธอด้วยท่าทีแปลกใจเสียอย่างงั้นจนทำให้ทีเอร่าที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาบ้าง
“อีฟจังเขาไม่กลัวบ้างเลยหรอคะนั่น นี่ขนาดหนูเคยผ่านแถวนี้มาตั้งหลายครั้งแล้วยังขนลุกอยู่บ้างเลยนะ…”
“อีฟเขาก็เป็นแบบนี้แหล่ะ… บางทีขนาดพวกฉันเองก็ทำความเข้าใจไม่ได้เหมือนกัน”
“……?”
คำพูดของเด็กสาวต่างวัยทั้งสองคนได้ทำให้อีฟต้องเอียงคอมองพวกเธอสลับกันไปมาด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงมีชื่อของเธอดังขึ้นมาอีกแล้ว และนั่นก็ทำให้โมโกะต้องยกมือขึ้นไปลูบหัวเด็กสาวเล็กน้อยและพูดอธิบายขึ้นมาให้เธอได้ฟัง
“พวกพี่แค่พูดถึงเธอเฉยๆ น่ะไม่ได้เรียกอะไรหรอกจ้ะ”
“…..!”
อีฟที่อยู่ดีๆ ก็โดนลูบหัวนั้นได้พยักหน้าหงึกหงักกลับไปให้โมโกะก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยและมองตรงเข้าไปด้านในม่านหมอกด้านในสุสานที่ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ห่างออกไปไม่ไกล และนั่นก็ทำให้ทีเอร่าที่เห็นแบบนั้นต้องพูดแนะนำตัวให้กับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลขึ้นมา
“คนๆ นั้นเขาชื่อว่าพี่ เคน น่ะค่ะ เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มที่แอบเข้าไปข้างในสุสานใต้ดินจนเป็นปัญหานั่นแหล่ะค่ะ”
“แต่ไม่ใช่ว่าหลังจากกลุ่มที่ว่านั่นขาดการติดต่อไปมันก็จะเป็นสัปดาห์แล้วหรอกหรอ… ทำไมเขายังอยู่ที่นี่อยู่อีกล่ะ?”
“มันก็ใช่แหล่ะค่ะ แต่ตั้งแต่ตอนนั้นมาพี่เคนเขาก็ยังเอาแต่เฝ้าอยู่ที่นี่อยู่เลยอย่างที่เห็นเนี่ยแหล่ะค่ะ”
“งั้นหรอ… แต่เดี๋ยวนะ…”
โมโกะที่กำลังเพ่งตามองไปที่เคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้เฝ้าระวังทางลงสุสานใต้ดินนั้นได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอสังเกตเห็นการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายที่สวมใส่เสื้อคลุมปิดหน้าปิดตาแต่ทว่าตัวเสื้อคลุมที่ว่านั้นก็กลับเป็นสีแดงจนดูเด่นสะดุดตาไปเสียอย่างนั้น
ซึ่งภาพของเสื้อคลุมสีแดงที่ดูคุ้นตานั้นก็ทำให้โมโกะสามารถจดจำได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นกลุ่มทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงที่เคยบุกมาก่อเรื่องที่หมู่บ้านโมริกะของพวกเธอแน่ๆ เธอจึงได้แต่ต้องพูดถามทีเอร่าที่เป็นเสมือนกับหัวหน้าหน่วยในเขตแพนเทร่าของเอริกะขึ้นมา
“เธอแน่ใจนะว่าคือคนนั้นน่ะ?”
“เอ๋? ก็ต้องแน่ใจอยู่แล้วสิคะ คนใส่ผ้าคลุมสีแดงที่โดนทิ้งให้มายืนจ๋อยเฝ้าสุสานอยู่ตัวคนเดียวเหมือนลูกหมาโดนทิ้งแบบนี้มันก็มีแค่พี่เคนเขาอยู่แล้วล่ะค่ะ… เดี๋ยวสิ… นั่นพี่เขายืนหลับอยู่หรือเปล่าอ่ะ… นี่พี่เคน! เพิ่งจะโดนจ้างมาไม่ถึงเดือนก็กล้าหลับยามอีกแล้วงั้นหรอคะ!!”
“เพิ่งจะจ้างมาไม่ถึงเดือนงั้นหรอ…”
เสียงร้องโวยวายของทีเอร่าที่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาที่หนึ่งในกลุ่มทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงถูกว่าจ้างมานั้นได้ทำให้โมโกะพอจะโล่งใจได้บ้างว่าสาเหตุที่ก่อนหน้านี้กลุ่มทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงเคยไปก่อเรื่องที่หมู่บ้านโมริโกะของพวกเธอเมื่อสองสามเดือนก่อนจนทำให้พวกเธอต้องรีบขึ้นรถหนีออกมาจากหมู่บ้านนั้นมันคงจะไม่ใช่ฝีมือการสั่งงานของเอริกะที่อาจจะสั่งให้คนของเธอไปทำภารกิจแถวๆ นั้นอย่างแน่นอน
แต่ถึงแม้ว่าทางด้านโมโกะจะรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้บ้างแล้ว ทางด้านหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการตัวน้อยอย่างทีเอร่านั้นก็กลับกำลังรู้สึกหัวเสียและต้องรีบเดินเข้าไปปลุกเด็กหนุ่มเบื้องหน้าขึ้นมาก่อนที่จะมีใครผ่านมาเห็นการแอบยืนหลับยามในหน้าที่ของอีกฝ่ายเข้า
“พี่เคน! นี่พี่แอบหลับในหน้าที่อีกแล้วงั้นหรอคะ!!”
“หะ– หะ— อะไร อะไร ไหนใครมันกล้าแอบหลับกันหะ!?”
เสียงร้องเรียกเสียงดังของทีเอร่านั้นเหมือนจะทำให้เคนที่ยืนกอดอกสัปหงกอยู่สะดุ้งตื่นและรีบพูดเถียงขึ้นมาก่อนในทันทีโดยที่เขาไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนมาปลุกตน
ซึ่งเคนก็ได้หันซ้ายหันขวาอยู่สักพักหนึ่งจนกระทั่งเขาสังเกตเห็นทีเอร่าที่กำลังยืนเท้าเอวขมวดคิ้วจ้องมองตนเองอยู่เข้า เขาจึงได้พูดถามเด็กสาวขึ้นมาโดยทำเป็นเมินเรื่องที่ตัวเองเพิ่งจะถูกต่อว่าเพราะแอบหลับยามไปโดยสิ้นเชิง
“มีอะไรอีกเนี่ยยัยแมวจิ๋ว ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้าพวกรัสเซลกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะไปบอกเธอเองน่ะ”
“ก็นี่มันจะตั้งสัปดาห์นึงแล้วพี่เคนก็ยังไม่มาบอกหนูสักทีนึงเลยอ่ะ!”
“นั่นมันก็หมายความว่าพวกเขายังไม่กลับมาสักทีนึงยังไงเล่ายัยเปี๊ยกเอ๊ย!!”
เคนที่พูดเถียงทีเอร่ากลับไปด้วยน้ำเสียงขอไปทีนั้นแทบจะเหลือกตาให้กับเด็กสาวหูแมวก่อนที่เขาจะหันไปทางโมโกะกับอีฟและเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจแล้วจึงพูดถามทีเอร่าขึ้นมา
“แล้วนั่นใครกันอีกล่ะ? พี่สาวน้องสาวเธอหรอ?”
“นี่นายจำไม่ได้หรือไงว่าเคยไปทำอะไรที่หมู่บ้านของพวกฉันเอาไว้น่ะหะ!?”
คำพูดของเคนที่ดูเหมือนว่าจะจำโมโกะไม่ได้เลยแม้แต่น้อยนั้นได้ทำให้โมโกะปล่อยมือออกจากมือของอีฟที่เธอจูงเอาไว้เพื่อที่จะได้เข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาถามใกล้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเคนก็กลับหลบมือของโมโกะได้อย่างสบายๆ และพูดถามกลับมาด้วยความตกใจ
“เห้ยจะทำอะไรของเธอเนี่ย!? ถ้าจะพูดขอบคุณที่พวกฉันเคยไปช่วยหมู่บ้านของเธอเอาไว้ก็ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นก็ได้—”
“ขอบคุณ—? ให้ตายสิ…”
คำพูดของเคนที่ดูเหมือนกับว่าเขาจำเธอที่เคยเจอกันที่หมู่บ้านโมริโกะไม่ได้เลยแม้แต่น้อยและเข้าใจผิดไปไกลนั้นได้ทำให้โมโกะต้องขมวดคิ้วพูดบ่นขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะหันไปหาทีเอร่าและพูดถามเด็กสาวขึ้นมา
“เธอบอกว่าเพื่อนๆ ของหมอนี่แอบเข้าไปในสุสานแล้วก็หายตัวไปกันสินะทีเอร่า?”
“ใช่แล้วค่ะ! แล้วจนถึงตอนนี้พวกพี่รัซเซลเขาก็ยังไม่กลับขึ้นมากันเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะหลงทางด้านล่างนั่นจนอดตายไปแล้วหรือเปล่าเหมือนกัน”
“เห้ยๆ อย่ามากล่าวหากันแบบนั้นเดะ ฉันก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าพวกรัซเซลก็แค่แอบอู้งานไปตอนที่เธอมาตรวจดูพอดีเฉยๆ น่ะ”
เคนที่ได้ยินทีเอร่าและโมโกะพูดถึงเรื่องของพวกรัซเซลที่แอบลอบเข้าไปข้างในสุสานใต้ดินขึ้นมานั้นได้ยักไหล่และพูดเถียงกลับมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยซะด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้ทีเอร่าต้องรีบพูดโต้กลับไปในทันที
“ไม่มีทางอ่ะ! ตอนนั้นหนูเห็นกับตาเลยว่าพวกพี่ๆ เขาแอบเข้าไปข้างในนั้นแล้วก็ทิ้งพี่เคนเอาไว้คนเดียวอ่ะ!”
“จ้าๆ ถ้าเกิดว่าเธอว่างั้น งั้นก็รออีกสักพักนึงแล้วก็ค่อยถามซิสเตอร์ที่คนเข้าไปข้างในนั้นดูเอาเองก็แล้วกันว่ามีใครอยู่ข้างในบ้างหรือเปล่าน่ะ”
เคนพูดตอบทีเอร่ากลับไปด้วยท่าทีสบายๆ และกอดอกเอนหลังพิงไปกับต้นไม้ด้วยท่าทีสบายใจราวกับว่าเขาไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าพวกรัสเซลที่แอบลอบลงไปยังสุสานใต้ดินจะถูกจับได้ ซึ่งคำพูดของเขานั้นก็ได้ทำให้ทีเอร่าผงะไปเล็กน้อยก่อนที่เด็กสาวขึ้นพูดถามขึ้นมาเสียงดัง
“เอ๋!? นี่พี่เคนปล่อยให้คนเข้าไปข้างในนั้นงั้นหรอ? นี่พี่รู้หรือเปล่าว่ากลุ่มของพี่ถูกจ้างมาให้ทำอะไรเนี่ยหะ!”
“เอ้า! ก็คนที่จะเข้าไปเขาเป็นซิสเตอร์จากโบสถ์นี้ที่เป็นนายจ้างฉันแล้วเธอจะให้ฉันห้ามเขาเอาไว้ไม่ให้เข้าไปข้างในสุสานของโบสถ์ตัวเองเรอะ!?”
“ไม่รู้ไม่สนอ้ะ!”
ทีเอร่าที่ได้ยินคำตอบของเคนได้พูดเถียงเขากลับไปจนดูเหมือนว่าที่จริงแล้วเธอแค่กำลังเล่นสนุกอยู่อย่างไรอย่างนั้น ในขณะที่ทางด้านโมโกะที่เห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของเคนนั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะพูดถามเด็กหนุ่มขึ้นมาบ้าง
“นี่นายไม่เป็นห่วงเพื่อนบ้างเลยหรือไงน่ะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาหายตัวไปจะเป็นสัปดาห์แล้วหรอ?”
“ก็แล้วจะมีอะไรต้องให้เป็นห่วงล่ะ? ถึงจะขาดฉันที่เก่งที่สุดไปก็เถอะแต่เจ้าพวกนั้นก็ไม่ได้ฝีมือกระจอกๆ สักหน่อยนี่ ถ้าเกิดว่าไม่ได้โดนแทงข้างหลังทีเผลอแบบเมื่อตอนอยู่ที่รีมินัสล่ะก็เจ้าพวกนั้นก็ไม่แพ้ให้ใครง่ายๆ หรอกนะ”
“ไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนเนี่ย…”
คำตอบของเคนได้ทำให้โมโกะส่ายหน้าไปมาเบาๆ เพราะถ้าเกิดว่าเป็นกลุ่มของพวกเธอเองที่มีคนหายตัวไปแบบนี้พวกเธอก็คงจะร้อนใจจนต้องรีบออกไปตามหากันแล้วแน่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นโมโกะก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรมากกับเรื่องของกลุ่มของคนอื่นเธอจึงได้หันไปทางด้านทีเอร่าและพูดถามเด็กสาวขึ้นมา
“ว่าแต่กลุ่มที่แพนเทร่าของพวกเธอนี่ใช้ที่ไหนเป็นที่พักกันน่ะทีเอร่า?”
“เอ๋? หน่วยที่อยู่ที่แพนเทร่าของทางหนูไม่มีที่พักประจำให้หรอกนะคะ อย่างของหนูนี่ก็ต้องทำเป็นว่าเป็นเด็กที่อยากมาจะขอฝึกงานกับทางโบสถ์น่ะค่ะ ส่วนกลุ่มของพี่เคนเขาก็ทำเป็นเนียนมาขอทำงานเฝ้าสุสานแล้วก็ขอพักอยู่ในโบสถ์นี่เหมือนกันละมั้งคะ”
“อื้ม… ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอเข้าไปค้นดูในห้องพักของพวกเขาสักหน่อยว่าพวกคนที่หายไปทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้บ้างก็แล้วกันนะ”
“เฮ้ย—เดี๋ยวดิ หนึ่งในเจ้าของห้องที่ว่าก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วยนะโว้ย จะเข้าไปค้นอะไรไม่คิดจะขออนุญาตอะไรกันก่อนเรอะ”
สิ่งที่โมโกะพูดขึ้นมานั้นได้ทำให้เคนต้องรีบพูดขัดขึ้นมาในทันที แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านโมโกะก็กลับยักไหล่และพูดตอบกลับไปแบบไม่ไว้หน้าคนที่เคยมีเรื่องกับเธอมาก่อนอย่างหนึ่งในสมาชิกทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงเลยแม้แต่น้อย
“ฉันก็แค่ทำตามขั้นตอนสำหรับการตามหาคนหายเท่านั้นล่ะ ถ้างั้นฝากเธอพาไปที่ห้องพักของ— เดี๋ยวสิ… อีฟเขาไปไหนแล้วน่ะทีเอร่า?”
“เอ๋? ก็อยู่ตรงนี้— ห–หายไปไหนแล้วอ่ะ!?”
เสียงพูดถามของโมโกะได้ทำให้ทีเอร่าต้องหันไปมองข้างกายของเธอที่ปราศจากร่างของอีฟไปแล้วอย่างสิ้นเชิงด้วยความประหลาดใจก่อนที่เธอจะรีบหันซ้ายหันขวาและชี้ตรงไปทางตัวอาคารอันเป็นที่ตั้งทางลงสุสานใต้ดินและร้องขึ้นมาเสียงหลง
“อีฟจังเขาแอบเดินไปนู้นแล้วค่ะพี่โมโกะ!”
“เฮ้ย!? ตรงนั้นเขาห้ามเข้านะยัยหนู!”
เสียงร้องของทีเอร่านั้นได้ทำให้เคนที่หันตามไปมองสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะรีบเดินไปหิ้วแขนของอีฟกลับมาส่งให้พวกผู้ปกครองทั้งสองคนพร้อมกับพูดบ่นออกมาเบาๆ ไปด้วย
“นี่ขนาดฉันตั้งใจสัมผัสวิซบริเวณรอบๆ นี้เอาไว้อย่างดีแล้วแท้ๆ นะยังจะแอบลอบเข้าไปได้อีกเรอะ… ใช่เล่นเหมือนกันนะเราน่ะ”
“……?”
“ให้ตายสิ… เอ้านี่ เอาคืนไปเลย แล้วก็หยุดจ้องฉันแบบนั้นได้แล้ว”
เคนที่เห็นว่าอีฟทำเพียงแค่เอียงคอมองเขาด้วยดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ของเธอเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยนั้นได้ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะรีบส่งตัวเด็กสาวคืนให้กับโมโกะที่กำลังทำท่าเหมือนกับพร้อมจะกระโจนใส่เขาได้ทุกเมื่อพร้อมกับพูดบ่นออกมา
“ใครจะไปทำอะไรเด็กอย่างยัยนี่กันเล่า แต่ถ้าเกิดว่าจะซนได้ขนาดนี้พวกเธอก็หัดดูแลกันให้ดีๆ บ้างสิ เอ้า จะไปค้นอะไรกันที่ไหนก็ไป หยุดมารบกวนเวลางานฉันได้แล้ว!”
“…….!!”
ทันทีที่เคนเอ่ยปากไล่เหล่าสาวๆ ออกมาจนจบนั้นเอง อีฟก็ได้ยกมือขึ้นไปโบกไปโบกมาเหมือนกับการโบกมือบอกลาจนทำให้เคนที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดบ่นออกมา
“ไม่ต้องมาทำเป็นโบกมือเลยยัยจิ๋ว จะไปไหนก็ไปได้แล้ว ชิ่วๆ”
“…….?”
คำพูดของเคนในคราวได้ทำให้อีฟเอียงคอกลับไปให้เขาด้วยท่าทีสงสัยราวกับไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรออกมา อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านอาคารทางลงสุสานใต้ดินที่อีฟเพิ่งจะไปเล่นซนมาเมื่อสักครู่
“มีแขกมาหรือเปล่าคะคุณทหารรับจ้าง? ฉันได้ยินเสียงลงไปถึงข้างล่างเลยนะคะ”
“อ่ะ พี่โจนนี่นา”
เสียงของหญิงสาวที่คุ้นหูนั้นได้ทำให้ทีเอร่ากระดิกหูแมวของเธอเล็กน้อยและเดินนำโมโกะกับอีฟตรงเข้าไปหาซิสเตอร์สาวผมสีทองผู้ใจดีในทันที ซึ่งทางด้านโจนที่เห็นแบบนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดทักทายทีเอร่าขึ้นมาบ้าง
“ทีเอร่าจังเองหรอจ๊ะ แล้วสองคนนี้คือใครกันเอ่ย สนใจแนะนำตัวเพื่อนๆ ให้พี่รู้จักมั้ยจ๊ะ”
“อ่ะ— สองคนนี้เป็นเพื่อนของหนูที่เพิ่งจะเดินทางมาจากรีมินัสน่ะค่ะ พี่หูแมวคนนี้ชื่อว่าพี่โมโกะ ส่วนน้องคนนี้ชื่อว่าอีฟน่ะค่ะ”
“ห–หนูชื่อโมโกะค่ะ ส่วนเด็กคนนี้ชื่อว่าอีฟค่ะ”
โมโกะที่ได้ยินทีเอร่าพูดแนะนำตัวเองขึ้นมานั้นได้เอ่ยปากพูดทักทายขึ้นมาบ้าง แต่ถึงแม้ว่าโมโกะจะพยายามทำท่าทางให้เป็นปกติธรรมดาที่สุดแล้วก็ตาม เด็กสาวก็ยังคงเผลอเลื่อนมือขึ้นไปตรวจสอบฮู๊ดคลุมหัวของตัวเองว่ามันยังคงปกปิดผ้าพันแผลและหูที่ขาดแหว่งของเธออย่างมิดชิดดีอยู่หรือไม่
ซึ่งท่าทางของโมโกะนั้นก็ได้ทำให้โจนแสดงท่าทีแปลกใจออกมาเล็กน้อย แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นผ้าพันแผลและรอยนูนของหูแมวบนฮู๊ดคลุมหัวที่มีเพียงแค่ข้างเดียวเธอก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอจึงได้พูดแนะนำตัวเองขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูใจดี
“ฉันชื่อว่า โจน่า เป็นซิสเตอร์ที่รับหน้าที่ดูแลโบสถ์แห่งนี้จ้ะ จะเรียกว่าพี่โจนแบบทีเอร่าเขาก็ได้นะจ๊ะ”
โจนพูดขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบหัวเล็กสาวในการดูแลของเธออย่างทีเอร่าเล็กน้อยแล้วจึงค่อยเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“ถ้างั้นเดี๋ยวทีเอร่าพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมข้างในโบสถ์ก่อนก็แล้วกันเนอะ พอดีว่าทางพี่ติดธุระด้านนอกนิดหน่อยน่ะจ้ะ”
“อ่ะ—ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้พี่โจนลงไปสุสานข้างล่างมาหรอคะ เจอพวกเพื่อนๆ ของพี่เคนเขาข้างในนั้นบ้างหรือเปล่าอ่ะ?”
“เพื่อนๆ ของพี่เคน? หมายถึงพวกคุณรัซเซลเขาน่ะหรอจ๊ะ?”
คำถามของทีเอร่าได้ทำให้โจนต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ และนั่นก็ทำให้เคนที่กลับไปยืนกอดยกพิงต้นไม้อยู่ต้องรีบพูดขึ้นมา
“ก็ยัยแมวจิ๋วนั่นเอาแต่คิดว่าที่พวกรัซเซลหายไปเป็นเพราะเจ้าพวกนั้นแอบลงไปในสุสานใต้ดินน่ะสิ แต่สัปดาห์นี้เธอเองก็ลงไปข้างในนั้นตั้งหลายรอบแล้วก็ไม่เจอใครเลยใช่มั้ยล่ะ”
“ก็ถ้าเจอใครฉันก็คงจะไล่พวกเขากลับขึ้นมาแล้วล่ะ”
โจนที่ได้ยินคำพูดของเคนนั้นได้พูดตอบเขากลับไปสั้นๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะถือสาอะไรในคำพูดของเด็กหนุ่มที่ฟังดูไม่ค่อยจะสุภาพมากนัก ในขณะที่ทางด้านทีเอร่าที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดถามพี่โจนของเธอขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“พักนี้พี่โจนลงไปข้างล่างนั่นบ่อยหรอคะ?”
“ก็พี่มีหน้าที่ต้องดูแลที่นี่นี่นา แล้วพักนี้ก็มีคนมาที่โบสถ์เพิ่มขึ้นพี่ก็เลยต้องลงไปข้างล่างบ่อยขึ้นน่ะจ้ะ”
“อย่าเพิ่งซนสิอีฟ…”
ในขณะที่เหล่าซิสเตอร์จากโบสถ์กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ทางด้านโมโกะก็ได้พูดเตือนอีฟที่ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจกับโจน่ามากกว่าปกติจนพยายามที่จะเดินเข้าไปใกล้ซิสเตอร์สาวขึ้นมาให้เด็กสาวสงบลงก่อน ซึ่งคำพูดเตือนของโมโกะนั้นก็ได้ทำให้โจนหันมามองทางเด็กสาวทั้งสองคนเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาด้วยท่าทางใจดี
“คิกคิก เด็กๆ อย่างอีฟจังคงจะเบื่อแล้วล่ะมั้งจ้ะ ถ้ายังไงจะเข้าไปข้างในโบสถ์กันก่อนมั้ยเอ่ย?”
“เอ่อ… ก่อนหน้านั้นหนูขอถามก่อนได้มั้ยคะว่าข้างในสุสานใต้ดินนั่นมีทางลับหรือว่าอะไรทำนองนั้นหรือเปล่าน่ะคะ?”
“หืม…? แล้วหนูจะอยากรู้ไปทำไมล่ะจ้ะ”
โจนที่ได้ยินคำถามของโมโกะได้เลิกคิ้วพูดถามเด็กสาวกลับไปด้วยท่าทีแปลกใจ และนั่นก็ทำให้โมโกะต้องรีบพูดตอบกลับไปในทันที
“คือแบบว่าทีเอร่าเขาตามพวกหนูมาเพื่อให้ช่วยตามหาพวกเพื่อนๆ ของหมอนี่ที่หายไปน่ะค่ะ แล้วหนูเคยได้ยินมาว่าที่ใต้ดินของเมืองแพนเทร่ามีเมืองอีกเมืองนึงซ่อนอยู่ หนูก็เลยคิดว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่าว่าพวกเขาอาจจะหลงเข้าไปข้างในนั้นอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ”
“คิกคิก เรื่องแบบนั้นไม่น่าจะมีหรอกนะจ๊ะ เพราะว่าเรื่องเมืองใต้ดินอะไรนั่นมันก็แค่เรื่องที่เขาลือกันให้ทั่วมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วน่ะจ้ะ แล้วถ้าเกิดว่ามีเมืองใต้ดินอยู่จริงๆ ล่ะก็ ทางขึ้นลงของมันคงจะไม่มาอยู่ในโบสถ์เก่าๆ นี่หรอกจ้ะ”
“ง..งั้นหรอคะ”
“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะจ๊ะ ถ้าเกิดว่าพวกคุณรัซเซลเขาเป็นคนดีอย่างที่แสดงออกจริงๆ ล่ะก็ ท่านเทพธิดาจะต้องคุ้มครองพวกเขาแน่นอนเลยล่ะจ้ะ…”
โจนที่เห็นว่าโมโกะมีท่าทีกังวลใจนั้นได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาเพิ่มเติม ซึ่งคำพูดของโจนนั้นก็ได้ทำให้โมโกะต้องเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดถามกลับไป
“ท่านเทพธิดา…? หมายถึงเทวทูตหญิงในตำนานเทวทูตทั้งสองน่ะหรอคะ?”
“อ่ะ… พี่โจนเขาหมายถึงท่านเทพธิดาแห่งความตายที่เป็นที่นับถือของชาวแพนเทร่ามาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วน่ะค่ะ”
“เทพธิดาแห่งความตายงั้นหรอ…?”
โมโกะที่ได้ยินคำพูดอธิบายของทีเอร่าได้พูดพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความสงสัยและนั่นก็ทำให้ทีเอร่าตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องของเทพธิดาแห่งความตายที่ว่านั่นให้โมโกะผู้มาจากเมืองรีมินัสได้ฟัง
“เอ่อ… เห็นเขาว่ามันเป็นตำนานที่ถูกเล่ากันต่อมาเฉพาะในเมืองแพนเทร่าน่ะค่ะ ว่าเมืองนี้เป็นสถานที่สุดท้ายที่เทพธิดาแห่งความตายมาสถิตอยู่ก่อนจะสิ้นสุดยุคของเหล่าเทพธิดาและเทวทูตอะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ”
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ แล้วถึงท่านจะถูกเรียกขานว่าเทพธิดาแห่งความตาย แต่ว่าที่จริงแล้วท่านเป็นเทพธิดาที่มีหน้าที่นำพาดวงวิญญาณของคนที่หมดสิ้นอายุไขแล้วไปสู่ภพภูมิหน้าน่ะจ้ะ ไม่ใช่ว่าท่านเป็นเทพธิดาที่นำมาซึ่งความตายหรอกนะจ๊ะ”
โจนที่ได้ยินทีเอร่าพูดถึงเรื่องเทพธิดาแห่งความตายที่เธอนับถือให้โมโกะฟังได้เอ่ยปากพูดอธิบายขึ้นมาเพิ่มเติมด้วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งคำอธิบายของทั้งสองคนก็ได้ทำให้โมโกะที่พอจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรโบราณๆ พยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“เพราะแบบนั้นที่นี่ก็เลยมีโบสถ์กับสุสานเต็มไปหมดเลยงั้นสินะคะ”
“ใช่แล้วจ้ะ เมืองของเราเชื่อว่าหลังจากที่ผู้คนเสียชีวิตไปแล้วก็จะได้พบกับท่านเทพธิดาแห่งความตาย เพราะแบบนั้นก็เลยต้องเก็บร่างของพวกเขาเอาไว้จนกว่าท่านเทพธิดาจะมารับดวงวิญญาณของพวกเขาไปน่ะจ้ะ”
“หรืออย่างน้อยก็จนกว่าจะไม่มีใครมาเยี่ยมร่างของพวกเขาแล้วใช่มั้ยล่ะคะพี่โจน?”
“จ้ะ เพราะว่านั่นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าทั้งจิตวิญญาณและตัวตนของพวกเขาก็คงจะไม่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วน่ะจ้ะ”
“ไม่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วงั้นหรอคะ…”
โมโกะที่ได้ยินคำพูดของโจนได้พูดพึมพำออกมาเบาๆ ในขณะที่ทางด้านอีฟที่ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจในตัวขอโจน่ามาได้สักพักหนึ่งแล้วก็ได้ใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปเงยหน้ามองซิสเตอร์สาวด้วยนัยน์ตาที่ปิดสนิทของเธอใกล้ๆ จนทำให้โจนที่เห็นแบบนั้นตัดสินใจที่จะย่อตัวลงเพื่อลูบหัวเด็กสาวผมสีขาวเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดตอบโมโกะกลับไป
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ ตามตำนานว่าเอาไว้ว่าท่านเทพธิดาแห่งความตายเป็นหญิงสาวที่มีเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์ยาวจรดเข่าและนัยน์ตาสีแดงดุจโลหิตที่จะมาปรากฏตัวให้ผู้คนเห็นในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของพวกเขาน่ะจ้ะ”
“เอ๋? อันนั้นไม่ใช่หน้าที่ของยมทูตหรอกหรอคะพี่โจน?”
“ที่จริงแล้วมันก็อาจจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้นะจ๊ะ เพราะท่านเทพธิดาแห่งความตายเองก็อาจจะถูกเรียกขานแตกต่างกันไปในแต่ละที่แต่ละเมืองก็ได้น่ะสิจ๊ะ”
“…….”
โมโกะที่ได้ยินคำพูดของซิสเตอร์ทั้งสองคนได้นิ่งเงียบลงเล็กน้อยราวกับว่าเธอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับความตายแบบนี้สักเท่าไหร่นัก ซึ่งท่าทางของโมโกะก็ได้ทำให้อีฟที่กำลังถูกโจนลูบหัวอยู่เอียงคอเล็กน้อยก่อนที่เด็กสาวจะเดินกลับมายืนข้างๆ โมโกะและยื่อมือออกไปจับมือของผู้ปกครองของเธอเอาไว้
ซึ่งการกระทำของอีฟนั้นก็ได้ทำให้โมโกะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันไปพูดสอบถามทีเอร่าขึ้นมา
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะทีเอร่า? ถ้าตามที่ซิสเตอร์โจนเขาบอกมาพวกรัซเซลอะไรนั่นน่าจะไม่ได้อยู่ที่ข้างล่างนั่นแล้วนะ”
“เอ… นั่นสิ จะเอายังไงดีอ่ะ…”
“จะว่าไปที่พี่ไม่เห็นพวกคุณรัซเซลมาสักพักนึงแล้วนี่เป็นเพราะว่าพวกเขาหายตัวไปงั้นหรอจ๊ะ?”
“ใช่แล้วล่ะค่ะ แล้วหนูก็แอบไปเห็นพวกพี่รัซเซลเขาแอบลอบเข้าไปข้างในสุสานใต้ดินก่อนจะหายตัวไปด้วยอ่ะ!”
“เฮ้ยๆ ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าพวกรัซเซลแค่แอบอู้ออกไปหาอะไรกินข้างนอกนั่นเฉยๆ น่ะ”
“หืม….”
เสียงพูดโต้เถียงกันของทีเอร่าและเคนนั้นได้ทำให้โจนต้องเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“แต่ว่าพวกเขาหายหน้าหายตากันไปสักพักนึงแล้วแบบนี้ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันนะจ๊ะ… ถ้ายังไงจะทีเอร่าจังกับเพื่อนๆ ลองไปตามหาเพื่อนของคุณให้ดีมั้ยล่ะคะคุณทหารรับจ้าง”
“ก็เห็นยัยแมวจิ๋วนี่บอกอยู่ว่าจะลองเข้าไปหาเบาะแสในห้องพักอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ เอ้านี่ กุญแจ แล้วก็อย่าแอบหยิบอะไรไปก็แล้วกัน”
“ต่อให้พี่เคนไม่บอกก็ไม่คิดจะหยิบอะไรไปอยู่แล้วค่ะ! แบร่!”
ทีเอร่าที่ได้ยินคำพูดของเคนได้คว้าเอากุญแจที่พักของเคนมาถือเอาไว้และแลบลิ้นใส่เด็กหนุ่มทหารรับจ้างไปที ส่วนทางด้านโจนที่เห็นแบบนั้นก็หันไปพูดบอกโมโกะขึ้นมา
“เดี๋ยวฉันจะต้องออกไปทำธุระด้านนอกสักพักนึง ถ้ายังไงฉันฝากเธอช่วยดูแลทีเอร่าเขาด้วยนะจ๊ะ เพราะบางทีเขาก็ออกจะ… ซน ไปบ้างน่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ เอาเป็นว่าเธอช่วยพี่จับตาดูพี่ทีเอร่าเขาด้วยละกันนะอีฟ”
“…..!!”
อีฟที่ถูกโมโกะพูดมาแบบนั้นได้พยักหน้าถี่ๆ กลับไปให้เด็กสาวก่อนที่พวกเธอจะพากันเดินหายเข้าไปในโบสถ์กัน