บทที่ 166 ท่านกำลังลวนลามข้าหรือ?

เยี่ยนหนิงลั่วมองไปยังชายร่างสูงเพรียวด้วยสีหน้าเย็นชาพลางส่งยิ้มบาง “ท่านปรับตัวเข้ากับสำนักได้ดีหรือยัง?”

ชิงเยี่ยหลีตอบอย่างไม่แยแส “ก็ดี”

หลังจากนั้น นัยน์ตาล้ำลึกของเขาก็พลันมองไปยังจุดหนึ่ง สีหน้าเขาเปลี่ยนไป นัยน์ตาที่เคยว่างเปล่ากลับพบจุดหมายคือนางเพียงคนเดียว ดูราวกับว่าไม่มีสิ่งอื่นใดมีค่าพอให้เขามอง สายตาเขาจ้องมองนางนิ่ง

เยี่ยนหนิงลั่วขมวดคิ้วก่อนหันไปมอง ไม่ต้องเดานางก็รู้แล้วว่าเป็นใคร

ตราบเท่าที่ชิงอวี่ปรากฏตัว ชิงเยี่ยหลีก็จะไม่ละสายตาไปจากร่างนางเลย

นัยน์ตานางพลันทะมึนลง เอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านกับชิงอวี่… .. รู้จักกันตอนไหนหรือ?”

ชิงเยี่ยหลีได้ยินก็ตอบออกมาเพียงสองคำที่แสนเย็นชา “นานแล้ว”

เยี่ยนหนิงลั่วกำมือแน่น “ข้าพบท่านครั้งแรกตอนอายุได้ 8 ขวบ ตอนนี้ก็ผ่านมา 10 ปีแล้ว นาง… .. รู้จักกับท่านมานานกว่าข้าอีกหรือ?”

เป็นไปได้อย่างไรกัน? เยี่ยนชิงอวี่ในตอนนั้นทั้งไร้ความสามารถและอ่อนแอ ขี้อายกลัวปัญหา ซ่อนตนเองจากสายตาคนทุกคน ชิงเยี่ยหลีจะไปสนใจคนอย่างนางได้อย่างไร? นางมีค่าควรให้เขาสนใจมองแล้วหรือ?

ชิงเยี่ยหลีหันกลับมาพร้อมกับหรี่ตาลง “พวกเราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก ข้าเป็นหนี้บุญคุณที่นางมอบชีวิตใหม่ให้ข้า นางนับเป็นคนสำคัญที่สุดของข้า”

เยี่ยนหนิงลั่วเบิกตากว้าง “เป็นไปไม่ได้ ท่านมาจากแคว้นหลินยวน ห่างไกลจากพวกข้านัก อีกทั้งท่านเพิ่งจะมาที่แคว้นหลินยวนเมื่อ 15 ปีก่อน แล้วจะเติบโตมาพร้อมกับเยี่ยนชิงอวี่ได้อย่างไรกัน?”

นางพูดจบก็นึกบางอย่างขึ้นได้แล้วชะงักไป

เดี๋ยวก่อน…..

ดูเหมือนว่า….. ชิงเยี่ยหลีจะไม่ได้มาจากแคว้นหลินยวน จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้มาจากแดนนี้เลยต่างหาก

ว่ากันว่าเขามาจากดาวอีกดวงหนึ่ง เป็นคนที่ข้ามกาลเวลามา

เช่นนั้นหากบอกว่าเติบโตมาด้วยกัน….

เยี่ยนหนิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กที่อยู่ห่างออกไป “หรือว่าชิงอวี่ก็จะมาจากโลกอื่นด้วยเช่นกัน?”

หากเป็นเช่นนั้นทุกอย่างก็สมเหตุสมผล

เช่นนั้นก็สามารถอธิบายสาเหตุที่จู่ ๆ เด็กน้อยที่แสนจะขี้อายไร้ความโดดเด่นใดพลันกลายเป็นสาวงามหาใครเทียมที่มีพลังบำเพ็ญล้ำลึก อีกทั้งยังเป็นผู้ถือครองทุกธาตุที่มีทั้งพลังยุทธ์และพลังวิญญาณขั้นสุด และเรื่องน่าเหลือเชื่อต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้

ดูท่านางจะไม่ใช่เด็กสามัญชนชั้นต่ำไร้ความสามารถและอ่อนแอในจวนหย่งอันอ๋องมานานแล้ว แต่แท้จริงเป็นคนจากอีกโลกที่มีพลังอันลึกลับและลึกล้ำไม่ต่างไปจากชิงเยี่ยหลี

เช่นนั้นจะมีอะไรเป็นไปได้อีกบ้างเล่า?

เยี่ยนหนิงลั่วหลบสายตาไป มันพลันทะมึนลงพร้อมกับส่องประกายเฉียบคม

ความรู้สึกอยู่เหนือกว่า ฐานะที่เหนือกว่า และการที่นางรู้จักชิงเยี่ยหลีมานานหลายปี ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับชิงเยี่ยหลีที่ไม่อาจมีใครดูถูก ทั้งหมดอาจเป็นเพียงเรื่องน่าขันในสายตาเยี่ยนชิงอวี่ก็เป็นได้

จากนั้นนางก็พลันนึกถึงตอนที่เยี่ยนชิงอวี่หันมองนางด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แต่ที่ริมฝีปากยกโค้งขึ้นอยู่เล็กน้อย หรืออีกฝ่ายจะหัวเราะเยาะนางมาโดยตลอดหรือ?

หึ….. น่าขันนัก

ไม่แปลกที่บุรุษเย็นชาไร้หัวใจอย่างชิงเยี่ยหลีที่เหินห่างกับทุกคนกลับอ่อนโยนเป็นห่วงแต่กับนาง ดูจะมอบความรักความอบอุ่นทั้งหมดให้แก่นางเพียงผู้เดียว

ชิงเยี่ยหลีไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเยี่ยนหนิงลั่ว หากแต่จ้องมองเพียงเด็กสาวที่กำลังเดินเข้ามา นางพลันหยุดฝีเท้า ก่อนจะเดินไปอีกทางหนึ่งแทน

ที่อีกด้านหนึ่ง ชิงอวี่คิดอยากเดินเลี่ยงเมื่อเห็นเยี่ยนหนิงลั่วอยู่กับชิงเยี่ยหลี แต่ที่ท้ายทอยพลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เหมือนมีคนปาบางอย่างใส่นาง

นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองกิ่งไม้ด้านบน เห็นชุดคุ้นตาโผล่มานิดหนึ่ง

ชิงอวี่เลิกคิ้ว หมอนั่นคิดว่าซ่อนตัวดีแล้วหรือ?

หากซนนัก วันนี้นางก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย

ร่างเล็กกระโจนขึ้นไปบนกิ่งไม้โดยไร้สุ้มเสียง ก่อนที่จะเคลื่อนไหวดั่งสายฟ้าฟาด พยายามลากเอาตัวคนที่ซุ่มโจมตีนางออกมาให้ได้

ไม่คิดเลยว่าเมื่อไถลตัวอีกฝั่งหนึ่ง สิ่งที่พบกลับไม่ใช่เจ้าอสูรที่คิดไว้ แต่เป็นคนที่จู่ ๆ ก็โผล่มาหลังจากหายหน้าไปนานต่างหาก

นางตะลึงงันไป รีบปล่อยมือที่คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายทันที แต่ด้วยนางเคลื่อนกายเร็วเกินไปมันจึงสายไปแล้ว กิ่งไม้ใต้เท้านางสั่นเนื่องจากนางหยุดเคลื่อนกายกะทันหันนัก นางจึงเสียงหลักเกือบร่วงลงมา

สีหน้าชายหนุ่มพลันเปลี่ยน รีบเอื้อมแขนมารั้งเอวนางไว้ก่อนจะดึงร่างนางเข้ามาสู่อ้อมกอดตน

ชิงอวี่คว้าชุดของเขาไว้โดยสัญชาตญาณ นัยน์ตาเรียวยาวของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจ

โหลวจวินเหยาเห็นสีหน้านางน่าขันน่าเอ็นดูเช่นนั้นก็เอ่ยเสียงทุ้มน่าฟังออกมา “อะไรกัน? ตื่นเต้นที่ได้พบหน้าข้ามากเช่นนี้เลยหรือ?”

ชิงอวี่กลอกตาก่อนเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “ตื่นเต้น? ข้าเกือบตกใจตายน่ะสิ!”

โหลวจวินเหยาเลิกคิ้ว “ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลย?”

“ไร้สาระ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านเป็นเจ้านายของอสูรบื้อนั่น ไม่เพียงแต่ชอบปีนต้นไม้เหมือนกันเท่านั้น ยังชอบเขวี้ยงของใส่หัวคนอีก” ชิงอวี่เอ่ยเสียงเยาะก่อนจะดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขา นางกำลังจะลงจากต้นไม้ โหลวจวินเหยาก็หัวเราะเสียงเบาแล้วดึงนางกลับมา

ชิงอวี่หันไปมอง “ต้องการอะไรอีก?”

โหลวจวินเหยาพยักพเยิดคางขึ้นเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้นางหันไปมอง “หนุ่มคนรักตัวน้อยของเจ้า ดูจะสนิทกับสตรีคนนั้นมากนะ!”

ชิงอวี่หันไปมองตามสายตาเขา เยี่ยนหนิงลั่วนั้นหันหลังอยู่ ไม่เห็นว่ากำลังคุยอะไรกัน ส่วนชิงเยี่ยหลีใบหน้าเรียบเฉย ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังจะหมดความอดทน

เมื่อหันมองโหลวจวินเหยาที่มีใบหน้าขบขันเป็นยิ่งนักแล้วนางก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา “เสี่ยวเยี่ยเป็นเหมือนคนในครอบครัว ไม่ใช่คนรักของข้า แต่ถึงกระนั้น… ”

นางพลันหยุดพูด ส่วนโหลวจวินเหยาก็มองนางด้วยความฉงน รอให้นางพูดต่อ

ชิงอวี่ลังเลสักพักก่อนจะพูดว่า “ถึงข้าจะรู้ว่าท่านมีความสนใจในด้านนั้น ทว่า… ไป๋จือเยี่ยนดีกับท่านมาตลอด ท่านต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง”

คราวนี้ถึงตาโหลวจวินเหยาที่เป็นฝ่ายชะงักไปบ้าง “เจ้าหมายความว่าอะไร?”

ทำให้ไป๋จือเยี่ยนผิดหวังหรือ??

ชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่นราวกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ข้าบอกว่าอย่าได้คิดอะไรต่อเสี่ยวเยี่ยเป็นอันขาด เพราะเช่นนั้นจะทำให้ไป๋จือเยี่ยนเสียใจเอาได้”

ด้วยไหวพริบที่มี โหลวจวินเหยาจึงเข้าใจทันทีว่านางหมายความว่าอย่างไร ใบหน้าที่งดงามราวกับพระเจ้าสรรค์สร้างกลับเปลี่ยนเป็นสีทะมึน ทว่าน้ำเสียงยังคงเป็นปกติดีทุกประการ เว้นเสียแต่มีแววชั่วร้ายเจืออยู่บ้าง

“เจ้าจะบอกว่าข้ากำลังชอบพออยู่กับไป๋จือเยี่ยนงั้นหรือ? ว่าข้าพึงใจบุรุษ??”

ชิงอวี่ใช้หางตาเหลือบมองเขา “ก็แล้วไม่ใช่หรือ?”

นางมักเห็นสองคนนั้นทะเลาะเบาะแว้งกัน ดูท่าทางรักกันดีอยู่ตลอด อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกันมาก

และทุกครั้งที่เกิดเรื่องแม้จะเล็กน้อยขึ้นกับเขา ไป๋จือเยี่ยนก็ทำราวกับฟ้าจะถล่ม ห่วงเขามากกว่าใครอื่น

หากไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้น แล้วมันเป็นแบบไหนกันเล่า?

โหลวจวินเหยาเริ่มรู้สึกว่านางคงได้กลายเป็นต้นเหตุแห่งความกังวลของตนเป็นแน่ ไม่รู้ว่าแม่นางน้อยไปเอาความคิดน่าตกใจเช่นนี้มาจากไหน

แต่นางก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าแม้ไป๋จือเยี่ยนนั่นจะเป็นเหมือนผีเสื้อที่เกาะใครไม่เลือกหน้าอยู่ตลอด แต่แท้จริงแล้วก็เป็นห่วงเขามากเช่นกัน ไม่แน่ว่าอาจมีความชอบที่คนอื่นเขาไม่รู้ก็เป็นได้กระมัง

ดูท่าระหว่างพวกเขาควรเว้นระยะห่างกันไว้บ้างจะเป็นการดี

หากไป๋จือเยี่ยนล่วงรู้ถึงความคิดในหัวโหลวจวินเหยาตอนนี้เข้า เขาก็คงโกรธจนตายคาที่เป็นแน่

ทว่า… นางเห็นเขาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?

ทันใดนั้นโหลวจวินเหยาก็พลันรู้สึกแขยงขึ้นมา รั้งเอวบางแน่งน้อยของนางเข้ามาในอ้อมแขนโดยพลัน ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะค่อย ๆ ก้มหน้าไปหานาง ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาพ่นรดคอเนียนของเด็กสาว ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มลึกขึ้น “ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาความคิดน่าผวานี่มาจากไหน แต่ว่า….. เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าแท้จริงแล้วข้าชอบบุรุษหรือสตรีกันแน่?”

ใบหน้าชายหนุ่มอยู่ถัดไปไม่เท่าไหร่ เห็นขนตาหนาของเขาได้ชัดเจนเลยทีเดียว หากแต่ชิงอวี่ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง แทนที่จะหน้าแดงฉาน ใจเต้นระรัวเช่นหญิงสาวคนอื่น ๆ นางเพียงเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย “หากข้าจำไม่ผิด ท่านมาที่นี่ในฐานะอาจารย์ใช่หรือไม่?”

โหลวจวินเหยาไม่คิดว่านางจะพาเปลี่ยนหัวข้อไปไกล แต่ก็ยังตอบคำถามนาง “ถูกต้อง”

“เพราะฉะนั้นท่านอาจารย์ ตอนนี้ท่าน… กำลังแสดงตัวอย่างอาจารย์ที่ดี ด้วยการลวนลามลูกศิษย์งั้นหรือ?” ชิงอวี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มไร้แววขัน

รอยยิ้มในดวงตาสีม่วงของโหลวจวินเหยายิ่งลึกล้ำขึ้น “เช่นนั้นก็ฟังดูน่าสนใจอยู่ ให้ข้าได้ลวนลามเจ้าจริง ๆ ดูไหมเล่า?”

“ก็ลองดูสิ” ชิงอวี่ตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ

โหลวจวินเหยาท่าทางไร้หนทาง ได้แต่ปล่อยนางไป แม่นางน้อยภายนอกดูเป็นคนใจเย็นอ่อนโยน แต่ในใจอาจวางแผนชั่วร้ายคิดจะตลบหลังเขาอยู่ก็เป็นได้!

อย่าหยอกเอินนางมากเกินไปจะดีกว่า

ชิงอวี่เห็นเขาสวมชุดคลุมสีม่วงเข้มที่ปกติไม่เห็นเคยใส่ ยิ่งทำให้เผยกลิ่นอายลึกลับลึกล้ำมากขึ้นไปอีก ทำให้นางพลันเข้าใจว่าเศษผ้าสีดำที่นางเห็นเมื่อก่อนหน้าเป็นสิ่งที่เจ้าอสูรนั่นเผลอทำหลุดไว้

“ได้ยินว่าช่วงนี้ท่านกลับไปที่แดนเมฆาสวรรค์มาหรือ?” ชิงอวี่ถามขึ้น

“อืม พบเศษร่างวิญญาณของอาหลานอีกสองส่วน เก็บไว้ในมุกฟื้นคืนวิญญาณเรียบร้อยแล้ว”

ชิงอวี่ชะงักไป นางไม่คิดว่าเขาจะกลับไปเพราะเรื่องนั้น “ขอบคุณ”

โหลวจวินเหยาหัวเราะ “ขอบคุณอะไรกัน? นี่เป็นสิ่งที่ข้าอยากทำมาโดยตลอด”

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่ดี” ชิงอวี่เอ่ยสีหน้าจริงจัง

เห็นเช่นนั้นโหลวจวินเหยาก็เลิกคิ้ว “แล้วเจ้าจะขอบคุณข้าอย่างไร?”

“ท่านต้องการอะไรอีก?” ชิงอวี่โต้

โหลวจวินเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์ “ไม่ลองพลีกายแต่งงานกับข้าดูเล่า?”

ชิงอวี่สายตาพลันทะมึนลง ไม่คิดว่าเจ้าคงขี้โกงจะยังเล่นไม่เลิก นางพลันยกมือขึ้นกระแทกอกอีกฝ่าย

หากแต่พริบตาถัดมา นางก็เห็นว่าอีกฝ่ายสีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าที่เดิมทีมีสีเลือดกลายเป็นซีดขาว ร่างสูงเซไปด้านหนึ่งเกือบจะร่วงลงต้นไม้ไป

ชิงอวี่รีบตะเกียกตะกายคว้ามือเขาไว้และดึงเขากลับมา “ท่านหลอกอะไรข้าอีกหรือไม่? ข้าไม่ได้ลงแรงอะไรไปมากมาย แต่ท่านทำท่าทางราวกับบาดเจ็บหนัก… ”

มีบางอย่างผิดปกติ ทำไมชีพจรเขาจึงอ่อนแรงเช่นนี้?

“ท่านบาดเจ็บหรือ?” ชิงอวี่ตกใจมาก

เนื่องจากเขาเคยถูกคำสาปหยินหยางเพลิงเยือกแข็งและคำสาปกลืนอารมณ์มาก่อน ร่างกายจึงถูกทำลายไปมาก พลังในตอนนี้กลับมาเพียงครึ่ง ไม่เคยอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน และตอนนี้ชีพจรของเขาก็อยู่ในสภาวะวิกฤติมาก

ชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น “ใครกันที่ทำท่านบาดเจ็บได้?”

โหลวจวินเหยาเอ่ย ท่าทางทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง “ไม่มีอะไร ถูกอสูรวิญญาณซุ่มโจมตีเท่านั้น แค่แผลเล็กน้อย”

ชิงอวี่ปรายตามองเขา “โกหก หลังจากบาดเจ็บแล้ว ท่านต้องไปประมือกับคนผู้หนึ่งเป็นแน่ ดังนั้นชีพจรจึงกลายเป็นเช่นนี้ คงจะใช้พลังวิญญาณมากเกินไปจนร่างกายอ่อนแอ”

โหลวจวินเหยามีสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง “นี่เจ้ารู้หมดเลยงั้นหรือ?”

เขาอธิบายเช่นนั้นไป ไป๋จือเยี่ยนกลับไม่คิดสงสัยแม้แต่น้อย แต่นางเพียงจับชีพจรเขากลับรู้มากถึงขนาดนี้ได้?

ชิงอวี่หัวเราะเหอะออกมาอย่างเย็นชา “ในฐานะนักปรุงยาฝีมือโดดเด่น หากข้าไม่รู้ถึงขั้นนั้นก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเถอะ”