ตอนที่ 184 ตั้งฐานยูริและกองกำลังโลลิ

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

184 ตั้งฐานและกองกำลัง

 

สถานที่ต่อไปที่พวกเรามุ่งหน้าไปหลังจากออกจากโรงแรมคือ สมาคมการค้า

ฉันเห็นตอนที่กำลังเดินตามถนนสายหลักมา ทำให้สามารถไปได้ทันทีโดยไม่ต้องค้นหา

 

” ――บ้าน เหรอคะ”

 

ดูเหมือนว่าสมาคมการค้าก็รับจัดการเกี่บวกับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศนี้ เช่นเดียวกับในอาร์ตัวร์

พนักงานต้อนรับสาวมองดูบัตรประจำตัวที่ฉันมอบให้เธออย่างไตร่ตรอง จากนั้นก็มองดูฉันกับริโนกิส

 

ฉันรู้อยู่แล้วว่าโรงเรียนทหารจักรกลสามารถเลือกที่จะอยู่หอพักหรือไม่ก็ได้ แต่ขุนนาง……ในประเทศนี้สำหรับคนที่ถูกเรียกว่าขุนนางนั้น ค่าเข้าหอพักสำหรับขุนนางค่อนข้างสูง

ส่วนถ้าพูดถึงหอพักธรรมดา ริโนกิสไม่สามารถเข้าไปอยู่ด้วยได้ และเธอก็แต่บ่นว่าไม่ชอบ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจมองหาบ้านภายในเมืองแทน

 

นอกจากนี้ อีกเหตุผลคือ แบบนี้ดูจะสะดวกกว่า

หากเข้าพักในหอพักก็จะมีเวลาเคอร์ฟิว และขั้นตอนสำหรับการเข้าออกก็ยุ่งยากกว่า ดังนั้นฉันตัดสินใจว่าถ้าจะต้องจ่ายค่าเช่าห้องแพง ๆ ก็ออกไปอยู่ข้างนอกซะดีกว่า

 

เหตุผลหลักก็เพราะ ฉันสามารถออกไปทำงานข้างนอกได้อย่างง่ายดาย และตราบใดที่หลีกเลี่ยงการถูกพบเห็น ฉันก็สามารถต่อสู้กับใครก็ได้ นอกจากนี้ยังสะดวกดีด้วยสำหรับการลอบโจมตีผู้ที่เข้ามาขวางทาง

 

“อยู่ด้วยกันเพียงแค่สองคนเหรอคะ?”

 

“ใช่แล้ว ――แม้แต่ที่นี่เองก็ดูถูกชาวต่างชาติด้วยงั้นหรือคะ? หากเป็นเช่นนั้น โปรดแจ้งให้เราทราบโดยเร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะจะได้ไม่เป็นการเสียเวลา”

 

ในตอนนี้ ฉันยังคงทำตัวเหมือนคนธรรมดาที่ถ่อมตัวแม้ว่าฉันจะมีสถานะที่สูงกว่าก็ตาม แต่หากฉันได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกันที่นี่ด้วย ฉันก็ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอีกต่อไป

ฉันจะบุกไปคุยกับผู้คนของโลกใต้ดิน และให้พวกเขาช่วยดูแลแทร ทางนั้นน่าจะเร็วกว่าแหละ

 

“อ้า ไม่ค่ะ ก็ใช่อยู่หรอกค่ะ……..ฮ้า……ขอโทษด้วยค่ะ แต่เนื่องจากเป็นเจตนารมณ์ของเบื้องบน……..”

 

พนักงานต้อนรับสาวพูดตะกุกตะกักด้วยสีหน้าลำบากใจกับคำพูดของฉัน ซึ่งโพร่งออกไปโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง

 

เจตนารมณ์ของเบื้องบน?

………งั้นเหรอ เจตนารมณ์ของเบื้องบนสินะ แบบนี้คนข้างล่างบางทีก็คงลำบากเหมือนกัน

 

“เอ๊ะโตะ…..ไม่ทราบว่าคุณมีงบประมาณเท่าไหร่ และมีแปลงที่ต้องการอยู่แล้วไหมคะ?”

 

“พอจะช่วยเลือกให้หน่อยได้ไหม?”

 

“……..ขอโทษด้วยค่ะ ค่อนข้าง………..”

 

งั้นเหรอ นั่นก็เป็นเจตนารมณ์ของเบื้องบนสินะ

 

“ถ้างั้นบอกที่บอกได้มาทั้งหมดเลย แล้วฉันจะเลือกจากในนั้นเอง”

 

 

 

พวกเราย้ายไปที่บูธบริการลูกค้าเล็ก ๆ และนั่งตรงข้ามคนละมุมโต๊ะกัน จากนั้นเธอก็แสดงพื้นที่ว่างแต่ละแห่งทีละรายการ

 

ราวกับวาเธอรู้สึกแย่กับเรื่องนี้จริง ๆ พนักงานต้อนรับสาวจึงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า「แถวนั่นไม่ปลอดภัย…….」บ้างก็「เกิดอุบัติเหตุไม่ทราบสาเหตุที่นั่น…… 」หรือ「มีบาร์อยู่ใกล้ ๆ เลยมีคนเมาเยอะมาก…….. 」ก็ดูซื่อนิดหน่อยที่ค่อยถึงสิ่งที่ต้องระวังไว้ตลอด

 

เข้าใจล่ะ ถึงจะมีคนที่เป็นมิตรแบบนี้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำตัวเป็นมิตรในที่สาธารณะได้สินะ จำเธอเอาไว้แล้วกัน ดูเหมือนฉันต้องตั้งใจเพื่อไม่ให้ไปเหยียบกับดักที่โดนโปรยไว้ทุกทิศทาง

 

“คุณหนูค่ะ บ้านหลังนี้ดูใหญ่ดีนะคะ”

 

โห๊ว บ้านเดี่ยวสินะ

เอกสารที่เอามาแสดงให้ฉันดูส่วนใหญ่เป็นอพาร์ทเมนท์ เป็นแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการเช่าห้องเดี่ยวในอาคารขนาดใหญ่

 

ยังไงก็ตาม เอกสารที่ริโนกิสค้นเจอเป็นคฤหาสน์ของอดีตขุนนาง ……จริง ๆ ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้เล็กเกินไป มีสวนด้วยสินะ ส่วนราคา……..ก็ออกจะแพงนิดหน่อย ยังไงก็ตาม ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่ต่ำมากสำหรับการที่สามารถเช่าคฤหาสน์หลังขนาดนั้นได้

 

ฟุอืม……..ก็ถือว่าไม่ได้แย่ซะทีเดียว

 

“ทางนี้คือ?”

 

“อะ นั่น ……บ้านหลังนั้นว่างมาเป็นเวลานานแล้วค่ะ ตอนนี้จึงกลายเป็นที่รวมตัวกันของคนไร้บ้าน การขับไล่ออกไปทำได้ยากมา และสภาพปัจจุบันคือไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ราคาจึงได้ถูกลงมากค่ะ แต่ว่า……..”

 

――ติดสินใจแล้ว

 

“ที่นี่ ฉันจะไปดูได้ไหม?”

 

เมื่อพิจารณาถึงอนาคต ควรสันนิษฐานไว้ว่าจะต้องมีการโจมตีจากเงามืดแน่นอน อย่างการโจมตีในตอนกลางคืน หรือการลอบโจมตีทีเผลอ คฤหาสน์ที่มีขนาดพอเหมาะจะไม่สร้างปัญหาให้กับคนรอบข้าง

 

นอกจากนี้ เราอาจต้องมีห้องสำหรับขังพวกหัวขโมยที่ถูกจับไว้ได้ ถ้าเป็นคฤหาสน์ของอดีตขุนนาง ก็คงจะมีหลายห้อง และโครงสร้างก็ไม่ได้เลวร้ายนักเช่นกัน

 

“แบบนั้นจะไม่เป็นไรเหรอคะ?”

 

“ไม่เป็นไร เธอคนนี้แข็งแกร่ง แถมยังทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันด้วย ออกกำลังสักหน่อยก็ไล่ออกไปได้แล้วล่ะ”

 

ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่อย่างสงบสุขในประเทศนี้อีกต่อไปแล้ว รีบไปกันเลยดีกว่าไหม

 

 

 

ด้วยเหตุนั้น พวกเราจึงมาดูคฤหาสน์ภายใต้การแนะนำของพนักงานต้อนรับ

 

“ไม่เลวเลย”

 

เป็นคฤหาสน์หลังเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของย่านชนชั้นสูงอันเงียบสงบ

 

รู้สึกถึงความเงียบเหงา ประตูลูกกรงเหล็กเป็นสนิม และสวนที่ไม่ได้รับการดูแลก็รกไปด้วยหญ้า ไม้เลื้อยเติบโตบนผนังคฤหาสน์ และเมื่อมองแวบเดียว ก็สามารถบอกได้ว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้ว

 

ทว่า มีใครบางคนอยู่ข้างใน

หก……..ไม่สิ เจ็ดสินะ มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีสถานะที่อ่อนแอมาก แต่เป็นคน ไม่ใช่สัตว์แน่นอน 

 

คงเป็นผู้อยู่อาศัยผิดกฎหมายตามที่ได้ยินมา

 

“จัดการได้ไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ?”

 

“เอ๊ะ ค่ะ…….”

 

หลังจากได้รับการยืนยันครั้งสุดท้ายจากพนักงานต้อนรับสาว ฉันก็ออกคำสั่ง

 

“ริโนกิส เจ็ดคน”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ”

 

ริโนกิสกระโดดข้ามประตูเหล็กเข้าไปทีเดียว ก่อนพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์

 

ซ้า คิดว่าน่าจะใช้เวลาสักแป๊บหนึ่ง……ฉันควรจะไปดื่มชารอ แต่คนแค่ประมาณเจ็ดคน คงไม่มีเวลาพอที่จะให้มองหาร้านกาแฟ

 

“เธอ จะไม่เป็นไรเหรอคะ?”

 

“ไม่เป็นไรหรอก ――ดูเหมือนจะจบลงแล้วล่ะ”

 

คฤหาสน์ยังคงเงียบสงบ แต่สัญญาณทั้งเจ็ดภายในค่อย ๆ เล็กลงจนเกือบสุดทีละจุดตามลำดับ

 

“คุณหนูคะ! เสร็จแล้วค่ะ!”

 

หน้าต่างบนชั้นสองเปิดออกจนฝุ่นปลิวฟุ้งไปในอากาศ หลังจากนั้นริโนกิสก็โผล่หน้าออกมา ดีดี ไปกันเถอะ

 

 

 

สำหรับตอนนี้ ชายหกคนที่ดูเหมือนจะอาศัยอยู่ข้างในก็ออกมาเข้าแถวที่หน้าทางเข้าแล้ว ชายชราเหล่านี้ดูเหมือนผู้ใหญ่ที่ไร้ความสามารถในหลาย ๆ ด้าน

 

“…….ขอโทษ……..ขอโทษ……..”

 

และคนที่เจ็ดนั้น ดูเหมือนจะรับมือได้ยากตามที่คาดไว้

 

เมื่อฉันมุ่งหน้าที่ไปห้องที่ริโนกิสโผล่ออกมาเรียก ก็เจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในนั้น

 

คนที่เจ็ด เป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กยิ่งกว่าฉัน

ดูเหมือนว่าเธอจะป่วยอยู่ด้วย และนอกจากผิวจะซีดแล้วก็ยังผอมมากอีกด้วย แม้จะไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่แค่มองด้วยตาของคนไร้ประสบการณ์ก็ยังบอกได้เลยว่าแค่การขยับร่างกายเพียงนิด ๆ หน่อยก็เป็นอันตรายถึงตายได้

 

อุมุ เธอเป็นเด็กที่ให้ความรู้สึกเดจาวูกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเลย

 

“หนูจะไปทันที ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”

 

เธอดูทั้งประหลาดใจทั้งหวาดกลัวเมื่อพวกเราก้าวเข้าไปในหา และพร่ำขอโทษ พยายามลุกขึ้นจากเตียง

 

“รอเดี๋ยวก่อน”

 

และ ฉันดันเด็กผู้หญิงกลับลงบนเตียงที่เธอพยายามจะลุกขึ้น

 

“ฉันขอถามเธอสักสองคำถามก่อน อย่างแรก พวกผู้ใหญ่ที่อยู่ที่นี่เป็นคนค่อยดูแลเธอหรือเปล่า? ไม่ใช่สินะ?”

 

“………..”

 

เด็กหญิงไม่ตอบ ดวงตาของฉันหมุนวนไม่เข้าใจ

 

“จ้า ต่อไป ตอนนี้พวกเด็ก ๆ ที่ดูแลเธอตอนนี้อยู่ที่ไหนกันล่ะ?”

 

ในห้องที่เด็กหญิงอยู่ มีทั้งผ้าห่มและจานชามอยู่ไม่น้อย ซึ่งไม่ใช่สำหรับคนคนเดียวอย่างแน่นอน

 

ฉันไม่เชื่อหรอกว่าผู้ใหญ่ไร้ประโยชน์พวกนั้นจะเป็นคนที่สามารถดูแลเด็กที่ป่วยอยู่คนนี้ได้ นั่นคือความคิดแรกของฉันเมื่อเห็นสภาพภายในห้องนี้ พวกผู้ใหญ่น่าจะบังคับให้เด็ก ๆ มาอยู่ร่วมกันแออัดในห้องเดียว แต่ไม่มีทางที่จะดูแลคนป่วยได้

ฉันคิดว่าหากบอกว่าพวกเด็ก ๆ เป็นเหยื่อที่ถูกเอารัดเอาเปรียบน่าจะต้องกว่าด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากจะคิดให้มากเกินไป

 

“อยู่ด้วยกันใช่ไหม? เพื่อน”

 

“…….ขอโทษค่ะ………”

 

ดีล่ะ

 

“ริโนกิสจงปกป้องพวกเด็ก ๆ ทันทีที่กลับมา พวกเขาจะกลายเป็นทรัพยากรอันมีค่าล่ะ”

 

“กำลังคนสินะคะ?”

 

“ใช่ เราต้องการคนมาทำความสะอาดและดูแลคฤหาสน์หลังนี้ ฉันดีใจจริง ๆ ที่หาคนรับใช้มาอยู่ด้วยได้อย่างรวดเร็วแบบนี้”

 

แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับความปรารถนาของพวกเขาเองด้วย แต่ฉันคิดว่าทิศทางน่าจะไปในทางที่ดี

 

――ฉันกังวลอย่างมากว่าจะสามารถหาคนรับใช้ดี ๆ ได้ในประเทศที่บูชาทหารจักรกลแบบนี้ได้หรือเปล่า แต่ถ้าขอแค่คนที่ทำงานอย่างจริงจัง จะเป็นเด็กก็ไม่มีปัญหา

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากฉันอยากได้คนมาเป็นกองกำลังของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ว เด็ก ๆ นี้แหละจะง่ายที่สุด

หากเป็นเด็กที่ดูแล้วคาดหวังได้ดี ทำไมไม่ทำให้พวกเขาเป็นลูกศิษย์ของฉัน และฝีกฝนเลยล่ะ