185 วันแรกของโรงเรียนทหารจักรกล ประกาศสงคราม
เมื่อฉันสาดน้ำใส่พวกชายชราเพื่อปลุกพวกเขา พวกเขาก็วิ่งหนีไป โดยพูดทิ้งท้ายประโยคที่ฉันได้ยินมาก่อนหน้านี้นับพันครัเงแล้ว อย่าง「ฝากเอาไว้ก่อน」หรือ「จะให้พวกแกชดใช้หนี้ในวันนี้อย่างแน่นอน」
หลังจากที่คนเหล่านั้นหายตัวไปจนหมด ฉันกับริโนกิส พร้อมกับพนักงานต้อนรับสาวที่ยังคงอยู่ต่อเพราะว่ามีเวลาเหลือ พวกเราจึงติดสินใจตรวจดูในคฤหาสน์
มีห้องอยู่หลายห้อง มีสองชั้น ห้องใต้หลังคา และห้องใต้ดิน
อืม ไม่เลวเลย
เป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งที่มีห้องใต้ดิน ปกติแล้วน่าจะเป็นที่สำหรับเก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่เพราะฉันอายุยังไม่ถึงที่จะดื่มได้ จึงคงไม่มีมาเก็บไว้ แต่ถ้ามีนักโทษ เราจะยัดเอาไว้ที่นั่น
แม้ว่าจะไม่มีเจ้าของมาเป็นเวลานาน แต่ภายในก็ดูไม่ทรุดโทรมเท่าภายนอก อาจจะเป็นเพราะว่ามีคนอาศัยอยู่ก็ได้
ม๊า ก็มีฝุ่นอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน ดูไม่น่าจะทำความสะอาดยากอะไรนัก
ไม่มีร่องรอยแตกร้าวที่เห็นได้ชัดเจนมากนัก และไม่มีความเสียหายที่สะดุดตาอย่าง พื้นแตกร้าว เมื่อดูเผิน ๆ ก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องซ่อมแซม
ติดสินใจแล้ว
ที่นี่น่าจะเป็นที่เดียวที่ใช้ได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีห้องอาบน้ำ
ฉันบอกพนักงานต้อนรับสาวว่าต้องการเช่าคฤหาสน์หลังนี้อย่างเป็นทางกัน ซ้า มาเริ่มทำความสะดอาดกันดีกว่า――ว่าไปแล้ว พวกเด็ก ๆ กลับกันมาตามปกติ
ก็ดูเหมือนว่า เมื่อมองจากภายนอกก็แทบไม่รู้สึกเลยว่าพวกเราเข้ามาอยู่ข้างในแล้ว
คงลำบากน่าดูถ้าพวกเขาวิ่งหนีกระจัดกระจายไป ดังนั้นต้องรีบจับตัวไว้ก่อน หลังจากนั้นฉันก็พาไปที่ห้องที่เด็กผู้หญิงกำลังหลับอยู่ และถามคำถามง่ายๆ กับพวกเขา
จำนวนเด็กที่กลับมาบ้านหลังจากที่ไปทำคล้าย ๆ กับการขอทานและได้อาหารกลับมาน้อยนิด คือ สามคน
รวมเด็กที่ป่วยอยู่เข้าไปด้วย ดูเหมือนว่าจะมีเด็กทั้งหมดสี่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่
ทั้งสี่คนมีรูปร่างผอมแห้ง และดูมอมแมม ดูแล้วน่าจะใช้ชีวิตแบบนี้มานานแล้ว นั่นเป็นเรื่องน่าเศร้าไม่น้อย
คนที่โตที่สุดคือ พี่ชายของเด็กผู้หญิง และมีอายุเท่ากับฉัน อีกสองคนเป็นชายหญิงที่อายุน้อยกว่าฉันหนึ่งปี
เด็กผู้ชายคนโตคือ ซิก
น้องสาวที่ป่วยของซิกคือ มิโตะ
เด็กที่ดูอยากรู้อยากเห็นมากกว่าระตัวคือ บัลเจอร์ และคาลัว นอกเหนือจากทรงผมและรูปลักษณ์แล้ว หากพิจารณาจากโครงสร้างกระดูกและใบหน้าที่คล้ายกันแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นฝาแฝดกัน
” ――ทำผมของเธอถึงขาวล่ะ?”
” ――เพราะใช้เวทมนตร์มากเกินไป ฉันเคยเห็นและสัมผัสมาแล้ว”
สองฝาแฝดมองมาที่ฉันและกระซิบกระซาบกัน แต่ซิกซึ่งอายุมากที่สุด และดูเหมือนจะเป็นผู้นำของเด็กพวกนี้กลับค่อนข้างระมัดระวังตัว
“พวกเราขอโทษที่มาอาศัยอยู่ที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต พวกเราจะออกไปทันที ดังนั้นได้โปรดอย่าเรียกพวกสารวัตรทหารมาเลยนะครับ”
ข้อมูลเดียวที่พวกเขารับรู้จากทางนี้คือ 「นี่คือเจ้าของบ้านที่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป」ถึงจะยังเป็นเด็ก แต่ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้ดี
“ไม่มีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรืออะไรแบบนั้นเหรอคะ?”
ฉันหันไปถามพนักงานต้อนรับสาว แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับที่นั่น
“ก็มีอยู่หรอกค่ะ แต่ก็ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่……ได้ยินข่าวลือมาว่าที่นั่นมีเด็กมากเกินไปจนล้น แต่…….”
งั้นเหรอ
มีเด็กกำพร้าจำนวนนมาก หรือว่ามีผู้ใหญ่หลายคนที่ถูกบังคับให้ทิ้งลูกงั้นเหรอ
……ยังไงก็ตามฉันไม่ต้องการประเทศที่เย็นชากับเด็ก เอาไว้เดี๋ยวค่อยไปดูสถานการณ์แถว ๆ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดีกว่า
“ริโนกิส จ้างได้ไหม?”
“นั่นสินะคะ……อย่างน้อยจนกว่าอาการป่วยของมิโตะจะดีขึ้น ถ้าระดับนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
การตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะจ้างเด็กพวกนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของริโนกิส เพราะฉันแน่ใจว่าเธอจะได้ใช้เวลากับพวกเขามากกว่าฉัน
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเด็ก แต่ก็สามารถมีความไม่ลงรอยของนิสัยได้
ดังนั้นหากเข้ากันได้ไม่ดีก็เก็บไว้ข้างตัวไม่ได้ ฉันจะปล่อยให้ริโนกิสเกิดอาการทนไม่ไหวไม่ได้ เพราะจะเป็นการไม่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย
“อยากทำงานกันไหม? จะให้อยู่ที่นี่ต่อได้ จะเตรียมอาหาร เสื้อผ้า และที่พักให้ด้วย แยกต่างหากจากค่าตอบแทน”
สำหรับตอนนี้ ฉันเข้าหาพวกเขาด้วยเรื่อง「ทำไมไม่มาอาศัย แลกกับ ทำความสะอาด กับดูแลคฤหาสน์ล่ะ」
จนกว่าสภาพของคฤหาสน์จะกลับมาอยู่ในสภาพดี นั่นคือสัญญา
ฉันจะตัดสินใจว่าจะให้ทำต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลังจากนั้นโดยพิจารณาว่าทำงานได้ดีแค่ไหน และทางด้านพวกเด็ก ๆ เองตราบใดที่ไม่มีการกดขี่ในเงื่อนไขการจ้างกับคำขอ
“――ขอความกรุณาด้วยครับ”
ซิกตอบตกลงหลังจากที่ปรึกษากับทุกคนแล้ว
ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าพวกเขามีที่อื่นให้ไปอยู่หรือเปล่า หรือทำไมถึงมีแต่เด็กมาอาศัยอยู่ที่นี่ตามลำพัง แต่ฉันคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะถามในตอนนี้
ฉันเหมือนได้รับคำเตือนแล้ว และถ้าฉันได้ยินอีกครั้ง ฉันคงอยากจะลงมืออะไรไปแน่ ๆ
ฉันยังไม่ได้วางรากฐานสำหรับการใช้ชีวิตเลย ดังนั้นจะให้ปัญหาเพิ่มมากขึ้น…………ม๊า ก็ฟังดูน่าสนุกเหมือนกันน่ะ แต่ดูเหมือนว่าชีวิตที่สนุกสนานกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกในอีกไม่นานนี้ ดังนั้นมาสนุกกับงานไปทีล่ะงานดีกว่า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำอะไรมากมายในครั้งเดียวจนกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญไปแทน
ดูเหมือนว่าภาคเรียนใหม่ของโรงเรียนทหารจักรกลของมาเวเลียจะเริ่มต้นในฤดูใบไม้ร่วง
แม้ว่าสำหรับอาร์ตัวร์จะยังเป็นวันหยุดฤดูร้อน แต่สำหรับที่นี่ การสิ้นสุดของวันหยุดฤดูร้อนถือเป็นการเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่
ราชาอาจจะเลือกประเทศนี้สำหรับการศึกษาต่อต่างประเทศก็เพราะว่า อาจตั้งเป้าที่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญพื้นที่นี้ เดาว่าอยากให้ทำควบคู่กับกิจกรรมเผยแพร่เมจิกวิชั่นล่ะมั้ง
ถึงฉันจะบอกให้ฮิลเดโทร่าเก็บไว้เป็นความลับ แต่ฉันแน่ใจว่าราชาต้องรู้ตัวตนที่แท้จริงของนักผจญภัยริโนะแล้วแน่นอน ฉันไม่รู้ว่าเธอจะบอกไปเองหรือเปล่า หรือบางทีเขาคงตรวจสอบผ่านเส้นทางของตัวเองก็ได้
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาส่งฉันมายังประเทศนี้
แม้แต่ในประเทศที่เอารัดเอาเปรียบชาวต่างชาติอย่างรุนแรง ก็มั่นใจว่าฉันจะสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย ฉันคิดว่าเขาคงกำลังเข้าใจว่าฉันเป็นลูกศิษย์ของริโนะ
ม๊า ก็ไม่มีทางที่จะยืนยันได้ ดังนั้นจึงเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
การทำความสะอาด และบำรุงรักษาคฤหาสน์เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดฤดูร้อน――และต้องใช้เวลาจนกระทั้งถึงวันเปิดภาคเรียนใหม่ของโรงเรียนทหารจักรกล
ในช่วงเวลานี้มีหลายสิ่งเกิดขึ้น แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาสำคัญอะไร
พนักงานต้อนรับสาวของสมาคมการค้าได้ดำเนินการช่วยเหลือเป็นอย่างมาก บางทีเธออาจจะเห็นใจกับสถานการณ์ของฉัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีเหตุผลบางอย่างถึงต้องมาเรียนในต่างประเทศ ที่เกือบจะเหมือนต้องมาอยู่คนเดียว
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงสามารถเปลี่ยนจากช่างตัดเสื้อจากร้านใหญ่ที่มองฉันด้วยสีหน้ารังเกียจ ไปเป็นช่างตัดเสื้อร้านเล็ก ๆ ที่ท่าทางเป็นมิตรในการตัดชุดนักเรียนใหม่ให้ฉันได้
แทนที่จะเป็นช่างไม้ที่แลบลิ้นใส่ทันทีที่เราสบตา เธอแนะนำให้ฉันรู้จักกับช่างไม้ที่ทั้งเก่งและเป็นมิตร ที่เป็นผู้ตรวจสอบความเสียหายของคฤหาสน์ให้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เหตุชวนทะเลาะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
“สวยขึ้นมากเลยนะคะ”
“ใช่แล้ว”
ฉันกำลังมองดูคฤหาสน์อยู่ข้างริโนกิสผ่านประตูลูกกรงเหล็ก เช่นเดียวกับครั้งแรกที่มาที่นี่
แม้ว่าสิ่งที่เห็นจะยังคงเดิม แต่เพียงแค่ทำความสะอาดและกำจัดวิชพืช ก็ทำให้ภาพลักษณ์ดูงดงามและอลังการขึ้นราวกับเป็นคนละที่
ภายใต้การดูแลของริโนกิส พวกเด็ก ๆ ต่างก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ฉันเองก็ช่วยด้วย ในที่สุดคฤหาสน์ที่ทรุดโทรมก็ถูกทำให้กลับมาสวยงามพอที่จะเรียกว่าคฤหาสน์ของชนชั้นสูงได้อีกครั้ง ทั้งภายในและภายนอก
ฉันรู้สึกถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เลยอยากจะมองต่อไปอีกสักพัก แต่ ――ซ้า ฉันไม่สามารถจ้องมองคฤหาสน์ได้ตลอดไป
“น่าจะถึงเวลาต้องไปแล้ว
ฉันสวมเครื่องแบบใหม่สำหรับโรงเรียนทหารจักรกล ภาคการศึกษาใหม่จะเริ่มในวันนี้
“คุณหนูค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ”
เนื่องจากมีพวกเด็ก ๆ ที่ต้องดูแล ริโนกิสจึงไม่สามารถติดตามไปได้ และต้องอยู่ดูแลบ้านไป
“ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ต้องระวังสักนิด””
“ไม่ใช่ค่ะ ――ไม่สามารถฆ่าได้ใช่ไหมล่ะคะ? ในที่สาธารณะ หากต้องการฆ่า กรุณาซ่อนอยู่ในเงามืดก่อนนะคะ หรือจะสั่งดิฉันก็ได้”
อะ ต้องระวังเรื่องนั่นสินะ
“นอกจากนี้ ดิฉันกังวลว่าคุณหนูจะทำอะไรบางอย่างโดยไม่ให้ดิฉันเข้าร่วมด้วย ดังนั้นหากเป็นไปได้ ได้โปรดอย่าทำเช่นนั้นนะคะ? ตราบใดที่พวกเราอยู่ด้วยกัน เราจะสามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะต่อต้านทหารจักรกล หรือจะประเทศ เน๊ะ? ดีใช่ไหมคะ? สัญญานะคะ? ……อาเร๊ะ? คำตอบล่ะคะ?”
…………
“จ๊า ไปแล้วนะ”
“คุณหนูค่ะ คำตอบล่ะคะ? คำตอบล่ะค๊า!?”
ฉันเพิกเฉยต่อคำถามของริโนกิส และเริ่มเดิน
ไม่ เน๊ะ สิ
ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าอยู่แล้ว แค่ตั้งใจที่จะต่อสู้เท่านั้น
ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ทั่วทั้งอาณาจักรมาเวเลีย จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่นอน
นอกจากนี้เมื่อคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ฉันแน่ใจว่าจะต้องมีปัญหาแน่นอน
――ม๊า ก็เหมาะมากสำหรับการประกาศสงคราม
“นี่มันน่าประหลาดใจเหลือเกิน!”
โฮร๊า เห็นไหมมาตามที่คาดไว้เลย
แม้ว่าจะได้รับความสนใจอยู่แล้วเพราะ มีผมสีขาวและใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ที่จู่ ๆ ก็มาลงทะเบียนเข้าเรียนเอากลางคัน แต่ชายชราที่มีหนวดเคราหนาซึ่งน่าจะเป็นอาจารย์ที่นี่กลับประหลาดใจมาก
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนไร้สีมาเรียนที่โรงเรียนทหารจักรกลมาเวเลีย อันทรงเกียรติแห่งนี้! เธ บางทีอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นโรงเรียนแห่งอื่นหรือไม่?”
นอกจากนี้เขายังพูดออกมาดัง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง
――วันนี้ วันแรกของภาคการศึกษาใหม่ จะมีการทดสอบแบ่งตามภาควิชา
เนื่องจากถูกเรียกว่าโรงเรียนทหารจักรกล จึงเป็นธรรมดาที่แผนกทหารจักรกลจะได้รับความนิยมมากที่สุด ดูเหมือนว่าความฝันของทุกคนคือการได้เป็นนักบินของทหารจักรกล ไม่ใช่อัศวิน แต่เป็นวิศวกรทหารจักรกล
ทว่า ดูเหมือนว่าทหารจักรกลจะทำงานโดยใช้พลังเวทมนตร์ และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เว้นแต่จะมีพลังเวทมนตร์จำนวนหนึ่ง และมีโค้ดสีประจำตัวที่ทำให้สามารถเคลื่อนไหวพวกมันได้
นั่นคือฉันกำลังถูกตั้งคำถามถึงคุณสมบัติที่ว่า
ผู้คนรอบตัวฉันเป็นเด็กที่ไม่เคยพบกันมาก่อน
พวกเขามาที่นี่เพื่อทำการทดสอบอีกครั้งด้วยความหวังว่าจะสามารถขับได้หลังจากใช้เวลาหนึ่งปีในการฝึกเวทมนตร์ของตัวเอง
ฉันจะเริ่มเรียนในภาคเรียนนี้ ดังนั้นฉันจึงถูกบอกให้ไปที่โรงเรียนเพื่อทำการทดสอบก่อนที่จะเปิดเทอมแล้วด้วยซ้ำ
ถูกต้อง ฉันได้ทดสอบมาก่อนแล้ว
ฉันรู้ว่ามันไม่มีสีประจำตัว เพราะการเชื่อมต่อกับเวทมนตร์ขาดหายไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงรู้ผลลัพธ์ก่อนที่จะยืนยันด้วยซ้ำ
ไม่ว่าฉันจะวางมือบนคริสตัลมากแค่ไหน สีก็ไม่สะท้อนอยู่ในนั้น
เวทมนตร์ไม่ค่อยถูกใช้ในอาร์ตัวร์ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าไม่สำคัญ คนรอบข้างฉันก็มองไปในทางเดียวกัน
ยังไงก็ตาม ในประเทศนี้แตกต่างออกไป
พอจะพูดได้ว่า ในประเทศนี้ที่ทหารจักรกลมีความสำคัญเป็นอันดับแรก การเชื่อมต่อระหว่างเวทมนตร์กับฉันที่ขาดไปแล้ว หมายความว่าฉันเป็นนักเรียนชั้นต่ำซึ่งจะไม่มีทางเป็นทหารจักรกลได้
“ก็ดีเลยไม่ใช่เหรอคะ”
จริง ๆ แล้วฉันอยากจะพูดแค่ว่า「ดังนั้นแล้ว?」
“ถึงจะกลายเป็นทหารจักรกลที่ขับของเล่นไม่ได้ ฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ ของแบบแบบนั้น ถ้าเตะสักหน่อยก็หักแล้วจริงไหมคะ?”
ฉันไม่อยากพูดออกไปดัง ๆ แต่ก็ไม่อยากให้คิดว่ากลัวเหมือนกัน
เมื่อฉันพูดอย่างเสียงดังฟังชัด ชายชราก็กรอกตา และเด็ก ๆ ที่กำลังฟังอยู่โดยรอบก็เริ่มส่งเสียงดัง
ซ้า เท่านี้ก็คงจะเป็นการประกาศสงครามแล้ว
ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้คนจำนวนมากคงเลือกเข้ามาสู้……..ไม่สิ ฉันเสนอไปก่อนแล้ว ขึ้นกับว่าพวกเขาจะเลือกไหม?
น่าสนุก น่าสนุก