ตอนที่ 180 ต้องแสดงความมีตัวตน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 180 ต้องแสดงความมีตัวตน

พอเจ้าถุงลมน้อยพูดว่าอยู่รอพี่สาวเสร็จก็ซบบ่ามู่เถาเยาหลับไปทันที

ทุกคนหัวเราะกันใหญ่

“คุณหมอเทวดา ส่งอันเหยี่ยมาเถอะค่ะ”

กู้เนี่ยนแม่ของอันเหยี่ยเข้าไปรับลูกชายมา

คุณนายอวิ๋นเหอยิ้มพลางพูดว่า “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ นั่งเครื่องบินกันมาตั้งเจ็ดชั่วโมงน่าจะเหนื่อยมากแล้ว พวกเราไปทักทายท่านผู้เฒ่ากับนายหญิงผู้เฒ่าก่อนแล้วไปพักผ่อนเถอะจ้ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”

“ปู่ตี้กับย่าตี้ยังไม่นอนเหรอคะ”

“ใช่จ้ะ พวกท่านกับอันเหยี่ยน้อยต่างบอกว่าจะรอเจอพวกหนูก่อนค่อยนอน” คุณนายอวิ๋นเหอยิ้มอ่อนโยนเป็นกันเอง

“งั้นพวกเรารีบเข้าบ้านกัน ปู่ตี้กับย่าตี้จะได้ไม่ต้องรอนาน ขอบคุณคุณผู้หญิงค่ะ”

“เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ เดิมทีพวกเราสองครอบครัวก็มีความเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว อีกทั้งหนูยังเป็นผู้ช่วยชีวิตอู๋เปียน อาจารย์ใหญ่ของหนูก็เคยช่วยชีวิตป้ากับท่านผู้เฒ่าไว้ ไม่ต้องเกรงใจพวกเราหรอกจ้ะ”

“ค่ะคุณป้า”

“เด็กดี! พวกเราเข้าบ้านกันนะ” คุณนายอวิ๋นเหอดีใจมาก

คนอื่นๆ กลายเป็นฉากหลังประกอบก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร แต่ตี้อู๋เปียนเซ็งมาก

“ซาลาเปาน้อย” ต้องขอแสดงความมีตัวตน!

“ตี้อู๋เปียน คุณกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ฉันเคยบอกแล้วว่าคุณต้องพักผ่อนให้เป็นเวลา”

“…”

ตี้อู๋เสียหัวเราะ “เสี่ยวเยาเยา เธอไม่รู้หรอกว่าอู๋เปียนกลับมาจากหมู่บ้านเถาหยวนก็หลับไปหนึ่งตื่นแล้ว เพิ่งตื่นตอนกินข้าวเย็น ตอนนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่นอน”

“ตี้อู๋เปียน พอกลับมาแล้วรู้สึกเหนื่อยมากเหรอ”

“ก็แค่นิดหน่อย ตอนอยู่บนเครื่องฉันก็นอนไปหนึ่งตื่น”

“อืม คราวหน้าต้องนอนหลับพักผ่อนแบบคนปกติ แบบนี้จะดีต่อหุยหยางของคุณ”

“ได้ ซาลาเปาน้อย…”

“อู๋เปียน เข้าบ้านก่อนค่อยคุย ปู่ย่ารออยู่นะ”

ตี้อู๋เว่ยขัดจังหวะน้องชายอย่างไร้เยื่อใย

ตี้อู๋เปียน “…”

เขายังไม่ได้แสดงความมีตัวตนเลยนะ!

ตี้อู๋โยวสั่งคนขับรถให้ขนสัมภาระของพวกมู่เถาเยากับของฝากจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์ขึ้นรถ

ตี้อู๋เปียนชิงขึ้นรถก่อนแล้วเรียกให้มู่เถาเยานั่งข้างๆ

คนในครอบครัวตี้ต่างอึ้ง

ท่าทางของอู๋เปียนดูแปลกๆ นะ

แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก เพราะคนชราทั้งสองกำลังชะเง้อคอมองหาอยู่ในบ้าน

ทุกคนไปที่ห้องรับแขกของเรือนหลัก คนชราทั้งสองรีบลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง

“ปู่ตี้ ย่าตี้ สวัสดีค่ะ”

มู่เถาเยากับพวกอาจารย์อาเล็กเดินเข้าไปทักทาย

มือข้างหนึ่งของย่าตี้จับมู่เถาเยา มืออีกข้างจับเจียงเฟิงเหมียน ยิ้มหน้าบานพลางถาม “อธิการบดีเจียง เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวเฟิงเหมียน เหลียงจี หิวกันหรือเปล่า กินอะไรหน่อยไหม”

“ย่าตี้คะ หนู อาจารย์อาเล็ก เสี่ยวเหมียน กินกันมาแล้ว ช่วยทำอาหารที่เน้นน้ำให้เหลียงจีหน่อยนะคะ เหลียงจียังไม่ได้กินข้าวเย็น กินแค่ช็อกโกแลตมาไม่กี่อัน”

ปกติบนเครื่องบินควรมีนักบินสองคน แต่เหลียงจีไม่เหมือนนักบินทั่วไป

เธอเป็นทหารอากาศที่ผ่านการฝึกพิเศษมา ต่อให้เป็นระยะบินที่สูงถึงเจ็ดสิบสองชั่วโมง เธอไม่กินไม่นอนก็ยังได้

เครื่องบิน ‘อิ๋งเฟิง’ ลำนี้ของมู่เถาเยาเป็นเครื่องบินที่เย่ว์จือเหิงสร้างขึ้น

มันเหมือนยานอวกาศเวอร์ชันย่อส่วน โคจรอยู่ในวิถีแบบดาวเทียมได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงต่อเนื่อง สามารถบินต่อเนื่องได้สามปีโดยที่ไม่ต้องลงสู่พื้นดิน

ความเร็วของ ‘อิ๋งเฟิง’ เพิ่มได้สูงถึงสามสิบเท่า ประมาณสี่หมื่นกิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้แต่เรดาร์ทั่วไปก็จับไม่ได้

แน่นอนว่าปกติถ้าไม่รีบก็จะบินเร็วกว่าเครื่องบินปกติหน่อย ไม่มีทางบินด้วยความเร็วสี่หมื่นกิโลเมตรต่อชั่วโมงจริง มิฉะนั้นจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเครื่องบินของประเทศไหนมาบินท้าทายน่านฟ้า

แบบนั้นจะสร้างสงครามให้สองประเทศได้ง่าย

‘อิ๋งเฟิง’ ใช้โหมดบินอัตโนมัติได้ ต่อให้เหลียงจีไปกินข้าว ดื่มน้ำ หรือเข้าห้องน้ำ ก็ไม่มีทางส่งผลอะไร

แต่ด้วยความที่เป็นคนรอบคอบและระแวดระวัง เหลียงจีจึงไม่มีทางทำเรื่องอื่นระหว่างการบิน แม้แต่การดื่มน้ำกินข้าวหรือเข้าห้องน้ำก็ไม่มีข้อยกเว้น

และก็เพราะเหลียงจีเป็นคนยึดมั่นในหน้าที่ ความสามารถโดดเด่น เย่ว์เลี่ยงถึงไม่ได้จัดนักบินให้มู่เถาเยาสองคน

พอคุณนายอวิ๋นเหอได้ยินว่าเหลียงจียังไม่ได้กินข้าวก็รีบสั่งพ่อบ้านให้ไปทำอาหารในห้องครัว

มู่เถาเยาเห็นขาดไปคนจึงถามขึ้น “ย่าตี้คะ ท่านราชาไม่อยู่เหรอคะ”

“เขาอยู่ในห้องหนังสือ เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ พวกหนูนั่งเครื่องบินมาตั้งนาน ไม่อย่างนั้นเข้าห้องพักผ่อนก่อนไหม พรุ่งนี้พวกเราค่อยคุยกัน”

“ได้ค่ะ ปู่ตี้ ย่าตี้ แล้วก็ตี้อู๋เปียนควรพักผ่อนได้แล้วนะคะ”

คนชราทั้งสองพยักหน้า

ตี้อู๋เสียยิ้มมุมปาก “เสี่ยวเยาเยา ตามมาๆ เดี๋ยวพี่พาไปห้อง”

ตี้อู๋เปียนที่แย่งไม่ทันตลอด “…”

คุณนายอวิ๋นเหอยิ้มพลางพูด “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ พวกหนูรีบตามอู๋เสียไปเถอะ เดี๋ยวป้าจะให้คนนำอาหารไปให้เหลียงจี”

“ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” เหลียงจียิ้มพูดขอบคุณ

“ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”

พวกมู่เถาเยาบอกราตรีสวัสดิ์คนตระกูลตี้เสร็จก็ตามตี้อู๋เสียไปที่ห้องพักแขก

ตี้อู๋เปียนมองตามหลังมู่เถาเยาที่ไกลออกไปเรื่อยๆ ด้วยความเซ็ง สีหน้าเศร้าสร้อย

ทำไมซาลาเปาน้อยไม่เป็นห่วงเขาสักหน่อยนะ

หรือเป็นเพราะคนเยอะเกินไป เธอก็เลยเขิน

คุณนายอวิ๋นเหอที่อยู่ข้างกันสังเกตเห็นสีหน้าของลูกชาย เธอมีสีหน้าตกใจ

“อู๋เปียน ลูกก็ไปพักผ่อนเถอะ เสี่ยวเยาเยาบอกว่าลูกต้องพักผ่อนให้เป็นเวลานะ”

ย่าตี้ยกมือขึ้นส่ายไปมา “แยกย้ายๆ มีอะไรพรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากัน”

ตี้อู๋เว่ยประคองย่าตี้ “ปู่ครับ ย่าครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้องนะครับ”

“ได้”

หลังจากคนชราทั้งสองออกไปแล้ว คุณนายอวิ๋นเหอก็เร่งให้ตี้อู๋เปียนกลับห้อง

ตี้อู๋โยว “ป้าสะใภ้ใหญ่ก็กลับไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมให้คนเอาอาหารไปส่งที่ห้องเหลียงจีเอง”

“ได้จ้ะ งั้นป้าไปดูลุงใหญ่ของหลานที่ห้องหนังสือก่อนนะว่าทำงานเสร็จหรือยัง พอเขาทำงานทีก็ชอบลืมเวลา”

“ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งน่ะครับ”

“อืม เอาอาหารไปส่งห้องเหลียงจีเสร็จเราก็รีบนอนนะ”

“ป้าสะใภ้ใหญ่ไปดูลุงใหญ่ตามสบายเลยครับ”

“จ้ะ”

คุณนายอวิ๋นเหอไปห้องหนังสือของราชาตี้ พอเห็นสามียังจดจ่ออยู่ที่คอมพิวเตอร์ก็ชักไม่พอใจแล้ว

“จิ่งเทียน พักผ่อนได้แล้วนะคะ”

ราชาตี้พูดโดยไม่เงยหน้า “ใกล้เสร็จแล้ว คุณไปนอนก่อน ไม่ต้องรอผม”

“ถ้าฉันไม่รอคุณก็จะทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่รู้จักดูแลสุขภาพตัวเองเลยสักนิด”

คุณนายอวิ๋นเหอบ่น

ราชาตี้ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปที่ใบหน้าภรรยา เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างเนียนๆ “ที่รัก เสี่ยวเยาเยากับพวกอาจารย์ของเธอไปพักผ่อนกันหมดแล้วเหรอ”

“ค่ะ สี่ทุ่มกว่าแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาบินกันมาเร็วคงมาถึงตอนเช้ามืดนู่น”

“มีอาเหิงอยู่ ไม่มีใครกล้าดูถูกแสนยานุภาพกองทัพของเผ่าหมาป่าพระจันทร์หรอก”

“นั่นสิคะ…ตี้จิ่งเทียน อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”

คุณนายอวิ๋นเหอโมโห

ราชาตี้ยิ้มพูดเสียงเบา “เสี่ยวเหอ คุณกลับห้องไปก่อน ผมอย่างมากสิบนาทีก็ทำเสร็จแล้ว”

“งั้นก็ได้ ฉันกลับไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวคุณกลับเข้าห้องฉันมีเรื่องจะคุยด้วย เกี่ยวกับอู๋เปียน”

“อู๋เปียนมีอะไรเหรอ สุขภาพลูกแย่ลงอีกแล้วเหรอ”

ราชาตี้พูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

“ไม่ใช่ค่ะ อู๋เปียนสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ได้จะคุยกับคุณเรื่องสุขภาพ แต่เป็นเรื่องจิตใจ”

“อู๋เปียนมีปัญหาสุขภาพจิตเหรอ ทำไมตอนลูกกลับมาผมมองไม่ออกเลยล่ะ” คนเป็นพ่อร้อนใจหนักกว่าเดิม

“…ไม่ใช่! คุณทำงานไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกลับห้องค่อยว่ากัน! มัน…ไม่ถือเป็นเรื่องร้าย…”

“ได้” หัวใจของตี้จิ่งเทียนกลับสู่ที่เดิมแล้ว