บทที่158 ยึดครองห้องอาบน้ำ
“เรียนพระชายา ข้าน้อยได้ตรวจพบว่าคนวางยาพิษเมื่อวานเคยพบกับถังมู่หวั่นลูกสาวของเฉิงเสี้ยงถึงสองครั้ง ขนาดนางที่เดิมทีคิดจะเที่ยวทะเลสาบก็ยังยืนกรานจะมาที่ตำหนัก”
“อื้ม รู้แล้ว!”
ว่าแล้ว!
ที่แท้ก็เกี่ยวข้องกับถังมู่หวั่นแต่ทันใดนั้นนางก็มีสิ่งที่ยังสงสัยมองไปยังองครักษ์ลับที่จากไปอย่างรวดเร็ว พึมพำกับตนเองว่า:
“ข้าสั่งให้เขาไปสืบเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
จื่อซีที่ยืนอยู่ด้านหลังนาง ใจก็กระตุกวูบคิดจะพูดขึ้นมาแต่ก็ถูกเสียงของฮัวหยู่อันแทรกขึ้นมาก่อน: “คาดว่าองครักษ์ลับของท่านอ๋องจะฉลาดขนาดนี้”
“ฉลาด? อันนี้นี่ไม่แน่ใจ พวกเขาฟังแต่คำสั่งของเย่แจ๋หยิ่งมาโดยตลอด นอกจากเจ้าคนโง่จื่อซีแล้วคนอื่นๆก็ทำแต่หน้านิ่งๆ จะเอาที่ไหนไปฉลาด?”
จื่อซีที่ถูกพูดว่าเป็นคนโง่ ในใจก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร
เขาโง่อย่างไร?
เขาฉลาดนะ เดิมทีคิดอยากจะแก้ต่างให้ตนเอง แต่พอได้ยินหลานเยาเยาพูดก็เข้าใจขึ้นมาทันที: “อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว เย่แจ๋หยิ่งต้องสั่งให้เขาตรวจสอบแน่”
เมื่อเห็นดังนั้น จื่อซีจะรีบพูด
“ก็ไม่แน่ องครักษ์ลับของพวกเรานี้บางทีก็ฟังคุณชายเหลียงเฉิน”
ที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น!
แน่นอนว่าองครักษ์ลับฟังแต่คำสั่งของเจ้านายเท่านั้น ที่เขาพูดไปอย่างนั้นก็เพื่อไม่ให้หลานเยาเยาคิดไปมั่วๆ
“โม่เหลียงเฉิน? เขาอยู่ที่จวนอ๋องเย่?”ในเมื่ออยู่ที่จวนอ๋องเย่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่ออกมา? หรือว่ามีแผนร้าย?
ดังนั้นนางจึงรีบหันหัวมามองจื่อซี ถามทีละตัวว่า:
“เย่แจ๋หยิ่งไม่อยู่ที่ตำหนักจริงหรือ?”
“ไม่อยู่ ไม่อยู่ เจ้านายออกไปข้างนอกสักสองสามวัน?” ตอนที่พูดนี้จื่อซีก็โดนหลานเยาเยาจ้องจนด้านหลังเหงื่อออก
ใครจะรู้……
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี พวกเจ้าลงไปเถอะ!”ห้องอาบน้ำในตำหนักนี้นางคิดวุ่นวายมานาน
เย่แจ๋หยิ่งไม่อยู่ก็ดี ตอนที่นางไม่มีธุระอะไรจะได้ไปแช่น้ำร้อนสักสองสามวัน
เพียงแค่รอมีโอกาส นางก็จะแอบไป
หลังจากฮัวหยู่อันถูกหลานเยาเยาไล่ออกไปก็ตรงไปยังห้องครัว ตั้งแต่ที่นางเข้ามาที่จวนอ๋องเย่เป็นสาวใช้ของหลานเยาเยา นางก็เป็นแขกประจำของห้องครัวไปแล้ว
แล้วก็คุ้นเคยกับคนในห้องครัว แต่ทว่าวันนี้กลับมีคุณชายรูปหล่อกั้นอยู่ตรงปากประตูราวกับรอใครอยู่
แต่ทว่าทันทีที่ฮัวหยู่อันเห็นเขา ตาก็มืดรีบเดินอ้อมไป
“ทำไมแม่นางฮัวเห็นข้าแล้วจึงหลบไป หรือเจ้ากำลังกลัวข้า?”
คุณชายเหลียงเฉินแฉลบตัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าฮัวหยู่อันด้วยสีหน้าล้ำลึกและมั่นใจ
“ข้าเห็นเจ้าไม่หลบ หรือยังจะพุ่งไปอีก?”
ยังไงเห็นเขาก็ต้องไม่มีเรื่องดีแน่
นางก็แปลกใจ วันนี้เจอเขาถึงสี่ครั้งทำไมจะต้องพัวพันกับนางด้วย?
เขาต้องการอะไร!
หรือคิดจะแย่งของกิน!
“โถ นี่ก็ไม่เลว!”
พูดไป โม่เหลียงเฉินก็ยังจัดๆเสื้อคลุมที่ไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย
“พูดอย่างนี้ เจ้ามองที่ข้าเหรอ?”ฮัวหยู่อันขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองดูโม่เหลียงเฉินดีๆอีกครั้ง
เห็นท่วงท่าคล่องแคล่ว สง่างามอีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของอ๋องเย่ เห็นได้ว่าความสามารถไม่ธรรมดา
ในฐานะคู่สมรสแต่งงานควรได้รับการพิจารณา
“ไม่ทราบว่าแม่นางฮัวพึงพอใจข้าหรือไม่?”
โม่เหลียงเฉินโน้มตัวมาข้างหน้า ยิ้มบางๆอย่างอบอุ่นให้นางจากนั้นก็ไม่รู้อย่างไรเขาจึงยื่นมือมาลูบเส้นผมที่ตกอยู่ตรงหน้าอก ตอนที่เส้นผมลื่นไหล ดอกไม้สีแดงสดก็ปรากฏอยู่ตรงหน้านาง
“เจ้ายังสามารถเล่นกลได้อีกหรือ?”
ตอนนี้สายตาของฮัวหยู่อันเป็นประกาย สายตาเอาแต่มองดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้า
“ชอบหรือไม่?”โม่เหลียงเฉินยิ้มบางๆอีกครั้ง
“ชอบ ชอบแน่นอน แต่ว่าข้าต้องบอกเจ้าไว้ว่า ชายที่ข้าชอบ ถ้าตายต่อหน้าข้าหรือถ้าเป็นวันสิ้นโลกก็ต้องเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า นอกจาก……นอกจากว่าเขาเป็นผู้หญิง เจ้าต้องคิดให้แน่ชัด”
ฮัวหยู่อันพูดอย่างจริงจัง
“งั้นแม่นางหมั้นหมายไว้แล้วใช่หรือไม่? บ้านอยู่ที่ไหน?”
ใจโม่เหลียงเฉินตีกลองรัวหลังจากนิ่งคิดไปครู่ก็ตัดสินใจว่าจะทำภารกิจให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน
หรือเพราะความฉลาดของเขายังกำจัดฮัวหยู่อันไม่ได้?
เมื่อได้ยินโม่เหลียงเฉินพูดเช่นนั้น
ฮัวหยู่อันก็ดีใจ ดูท่าแล้วโม่เหลียงเฉินจะชอบนางจึงได้พูดออกมาหมดทันที
“ครอบครัวข้าอาศัยอยู่ที่ชาวหยินไห่อันห่างไกล แม้จะถึงอายุที่จะแต่งงานแล้วแต่คนในครอบครัวนั้นยังรักข้า ยอมให้ข้าหาสามีที่ปรารถนาด้วยตนเอง”
เส้นตายคือ1ปี
แต่ประโยคนี้นางไม่ได้พูดออกไป ถึงอย่างไรเพียงแค่โม่เหลียงเฉินตอบรับ เส้นตายนี้ก็ไม่ใช่เส้นตายแล้ว
“แล้วในครอบครัวเจ้ามีใคร? เผ่าเจ้าสงบสุขหรือไม่?”
“ข้าไม่มีพ่อแม่ แต่ก็มีผู้อาวุโสหลายคนที่รักทะนุถนอมแล้วก็มีเพื่อนหลายคนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ในช่วงปีนี้ในเผ่าสงบสุขเล็กน้อยเพื่อแย่งตำแหน่งหัวหน้าเผ่า……”
ทั้งสองคนเดินไปคุยไป ค่อยๆเดินค่อยๆห่างไป
องครักษ์ลับสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดก็อดยกนิ้วให้ไม่ได้
“คุณชายเหลียงเฉินนี่ไม่ธรรมดา พอลงสนามด้วยตนเองยังไม่ทันสามวันภารกิจก็จะเสร็จแล้ว”
“เก่งจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าถ้าหลังจากแม่นางฮัวหยู่อันรู้ความจริง จะเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่ต้องกังวลไป คุณชายเหลียงเฉินหน่ะฉลาด!”
“ก็ใช่!”
พวกเขาจะรู้ได้ที่ไหนกันว่าเส้นทางหลังจากนี้ของคุณชายเหลียงเฉินที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจะยากลำบาก!
……
หลานเยาเยาหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาเปลี่ยนแล้วแอบออกไปทางหน้าต่างอย่างเงียบๆเพื่อหลีกเลี่ยงองครักษ์ลาดตระเวนและก็หลีกเลี่ยงองครักษ์ที่แอบซ่อนอยู่ในมุมมืด
พอมาถึงห้องอาบน้ำก็รีบปิดประตูห้องแน่นแล้วกระโดดโลดเต้นพุ่งไปยังบ่อน้ำร้อนในห้องโดยไม่สนใจคราบน้ำบนพื้นสักนิด
มีเสียง “ตู้ม”!
หลานเยาเยาตรงเข้าไปยังบ่อน้ำร้อนไม่ถอดแม้กระทั่งเสื้อผ้า
อุณหภูมิของน้ำในบ่อน้ำร้อนกำลังพอดี นางจึงอาบน้ำอย่างสบาย
หลังจากนั้น ก็ยังไม่อยากขึ้นจากฝั่งว่ายไปว่ายมาในบ่อน้ำร้อนเมื่อเล่นจนเหนื่อยก็เอนพิงพักผ่อน
หารู้ไม่ว่าฉากนี้ได้ถูกสายตาเย็นชาคู่หนึ่งที่อยู่หลังฉากกั้นมองอยู่ มองไปมองไป นัยน์ตาที่เย็นชาก็ฉายความอ่อนโยน
แต่ทว่าตอนนี้ เสียงโกรธแค้นของหลานเยาเยาค่อยดังขึ้นมา
“ตอนนี้ความปรารถนาในการครอบครองจวนอ๋องเย่และกวาดเย่แจ๋หยิ่งก็ใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้ว ตอนนี้ห้องอาบน้ำนี้นางก็สามารถครอบครองได้ทั้งหมด”
ยิ่งนางพูดนางก็ยิ่งมีความสุข ที่สุดก็คือนางพูดโอ้อวดอย่างไม่กระดากปากว่า: “ต้องมีสักวันที่สั่งให้เขาคุกเข่าบนพื้นร้องเพลงเอาชนะ ไม่ คุกเข่าบนไม้ซักผ้า”
คิดๆไปก็ยิ่งทำให้รู้สึกฮึกเหิม
จึงร้องเพลงเสียงดังอย่างมีความสุข:
“มาสิ!มาสนุกกัน! ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกเยอะมาสิ! ความรักเอย! ถึงอย่างไรเจ้าจะทำให้คนโง่เขลา
มาสิ! มาร่อนเร่พเนจรกัน! ถึงอย่างไรก็มีหนทางอีกมาก
มาสิ!มาสร้างสรรค์กัน! ถึงอย่างไรก็มีทิวทัศน์มากมาย……”
นางร้องเพลงอยู่ในบ่อน้ำและร้องอย่างเต็มที่ คนที่ยืนอยู่หลังฉากกั้นสีหน้าดำราวกับหมึกกำหมัดแน่น
เจ้าผู้หญิงคนนี้ ฮัมเพลงออกมาความรู้สึกจนมันเพี้ยนไปหมด เขายังรู้สึกว่ามันเพราะจะตาย…